พระราชบัญญัติ
         โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลศาลาครุ อำเภอหนองเสือ
             จังหวัดปทุมธานี ของวัดบางบัวทองและของวัดท่าอิฐ
                ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
               ให้แก่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
                         พ.ศ. 2533
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
              ให้ไว้ ณ วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2533
                   เป็นปีที่ 45 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลศาลาครุ อำเภอหนองเสือ
จังหวัดปทุมธานี ของวัดบางบัวทองและของวัดท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ให้แก่
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบล
ศาลาครุ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ของวัดบางบัวทองและของวัดท่าอิฐ ตำบลท่าอิฐ
อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี ให้แก่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2533"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลศาลาครุอำเภอหนองเสือ จังหวัด
ปทุมธานี เนื้อที่ 330 ไร่ 1 งาน 33 ตารางวาของวัดบางบัวทองและของวัดท่าอิฐ ตำบลท่าอิฐ
อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้สำนักงาน
การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

   มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากได้มี
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่อำเภอคลองหลวง อำเภอหนองเสือและอำเภอธัญบุรี
จังหวัดปทุมธานี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2519 และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อ
เกษตรกรรมได้ทำการสำรวจแล้วปรากฏว่า แนวเขตปฏิรูปที่ดินตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวถูก
ที่ธรณีสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศาลาครุ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ของวัดบางบัวทอง
และของวัดท่าอิฐเนื้อที่ 330 ไร่ 1 งาน 33 ตารางวา ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ 1337 ซึ่งคณะ
กรรมการพิจารณาค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเขตปฏิรูปที่ดินได้ชำระค่าผาติกรรมเป็นค่าทดแทนแล้ว
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จึงได้ติดต่อกับกรมการศาสนาเพื่อขอโอนกรรมสิทธิ์
ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าว ให้แก่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และกรมการศาสนาได้นำ
เสนอมหาเถรสมาคมพิจารณาแล้วไม่ขัดข้อง สมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวให้แก่
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(แผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ดูได้จาก ร.จ.เล่ม 107 ตอนที่ 159 หน้า 310
30 สิงหาคม 2533)