พระราชบัญญัติ
           กำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร (ฉบับที่ 5)
                         พ.ศ. 2533
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
               ให้ไว้ ณ วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2533
                    เป็นปีที่ 45 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จ
วิชาการทหาร
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร
(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2533"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จ
วิชาการทหาร พ.ศ. 2497 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จ
วิชาการทหาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2513 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 3 ให้ผู้สำเร็จวิชาการทหารจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า กองทัพบก
โรงเรียนนายเรือ กองทัพเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ กองทัพอากาศ และโรงเรียนแผนที่
กองบัญชาการทหารสูงสุดตามหลักสูตรที่สภาการศึกษาวิชาการทหารกำหนด ได้รับปริญญาตรีใน
สาขาวิชาที่มีการสอนในสถาบันการศึกษานั้น
   การกำหนดชื่อปริญญา และอักษรย่อในสาขาวิชาตามวรรคหนึ่งให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา"

   มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 3 ทวิ และมาตรา 3 ตรี แห่งพระราชบัญญัติ
กำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร พ.ศ. 2497
   "มาตรา 3 ทวิ ให้ผู้สำเร็จวิชาการทหารจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบก กองทัพบก
โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ กองทัพเรือ และโรงเรียนเสนาธิการทหารอากาศ
กองทัพอากาศ ตามหลักสูตรที่สภาการศึกษาวิชาการทหารกำหนด ได้รับปริญญาโทในสาขาวิชาที่มี
การสอนในสถาบันการศึกษานั้น
           การกำหนดชื่อปริญญา และอักษรย่อในสาขาวิชาตามวรรคหนึ่งให้ตราเป็น
พระราชกฤษฎีกา
   มาตรา 3 ตรี โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า กองทัพบกโรงเรียนนายเรือ กองทัพเรือ
โรงเรียนนายเรืออากาศ กองทัพอากาศโรงเรียนแผนที่ กองบัญชาการทหารสูงสุด และ
โรงเรียนเสนาธิการทหารบก กองทัพบก โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ กองทัพเรือ และ
โรงเรียนเสนาธิการทหารอากาศ กองทัพอากาศ โดยอนุมัติสภาการศึกษาวิชาการทหาร
มีอำนาจให้ปริญญากิตติมศักดิ์แก่บุคคลซึ่งเห็นว่าทรงคุณวุฒิและสมควรแก่ปริญญานั้น
           หลักเกณฑ์การให้ปริญญากิตติมศักดิ์ ให้เป็นไปตามข้อบังคับที่สภาการศึกษา
วิชาการทหารกำหนด"

   มาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะ
ผู้สำเร็จวิชาการทหาร พ.ศ. 2497 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 4 นอกจากการให้ได้รับปริญญาตามมาตรา 3 และมาตรา 3 ทวิ นักเรียน
วิชาการทหารอาจได้รับประกาศนียบัตรชั้นสูงหรือประกาศนียบัตรแสดงว่าสอบความรู้ได้ตามที่
สภาการศึกษาวิชาการทหารกำหนด
    มาตรา 5 เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้มีสภาขึ้นเรียกว่า
"สภาการศึกษาวิชาการทหาร" มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
           (1) พิจารณาอนุมัติการจัดตั้ง รวมและยุบเลิกสาขาวิชา
           (2) พิจารณาอนุมัติหลักสูตรของแต่ละสาขาวิชา
           (3) กำหนดวิธีอันจะยังการศึกษาวิชาการทหารให้เจริญยิ่งขึ้น
           (4) กำหนดพื้นความรู้ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์การเข้าเป็นนักเรียนวิชาการทหาร
ระยะเวลาการศึกษา การสอบ และเงื่อนไขในการรับปริญญา
           (5) อนุมัติให้ปริญญา ประกาศนียบัตรชั้นสูง และประกาศนียบัตร
           (6) อนุมัติให้ปริญญากิตติมศักดิ์
           (7) วางระเบียบและออกข้อบังคับเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ และอาจ
มอบให้สถาบันการศึกษาใดเป็นผู้วางระเบียบและออกข้อบังคับสำหรับสถาบันการศึกษานั้นเป็น
เรื่อง ๆไปก็ได้
           เพื่อประโยชน์แก่การรักษามาตราฐานการศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศ ใน
การปฏิบัติการตามวรรคหนึ่ง ให้สภาการศึกษาวิชาการทหารคำนึงถึงมาตรฐานโดยทั่วไปที่
ทบวงมหาวิทยาลัยกำหนดสำหรับสถาบันอุดมศึกษาด้วย"

   มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จ
วิชาการทหาร พ.ศ. 2497 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จ
วิชาการทหาร (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2523 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 6 สภาการศึกษาวิชาการทหารประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดทบวงมหาวิทยาลัยผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก
ผู้บัญชาการทหารเรือผู้บัญชาการทหารอากาศ เสนาธิการทหาร เสนาธิการทหารบก เสนาธิการ
ทหารเรือ เสนาธิการทหารอากาศ เจ้ากรมการศึกษาวิจัย เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก
เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารอากาศ ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารบก
ชั้นสูง  ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารอากาศขั้นสูง
ผู้บัญชาการโรงเรียนแผนที่ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าผู้บัญชาการ
โรงเรียนนายเรือ และผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรืออากาศเป็นกรรมการ
           ในกรณีที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้รัฐมนตรีช่วยการ
กระทรวงกลาโหมเป็นกรรมการด้วย
           ให้มีเลขาธิการหนึ่งคน แต่งตั้งและถอดถอนโดยนายกสภาการศึกษาวิชาการทหาร
ตามมติของสภาการศึกษาวิชาการทหาร"

   มาตรา 7 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 6 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะ
ผู้สำเร็จวิชาการทหาร พ.ศ. 2497
   "มาตรา 6 ทวิ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ สภาการศึกษาวิชาการทหารอาจ
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อให้กระทำการใด ๆ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย แล้วรายงานต่อ
สภาการศึกษาวิชาการทหาร
           ให้นำมาตรา 8 มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม"

   มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จ
วิชาการทหาร พ.ศ. 2497 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 11 ผู้ใดใช้ปริญญา อักษรย่อปริญญา ประกาศนียบัตรชั้นสูง หรือประกาศนียบัตรตาม
พระราชบัญญัตินี้ โดยไม่มีสิทธิที่จะใช้หรือแสดงด้วยประการใดเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิที่จะ
ใช้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ"

   มาตรา 9 บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ที่ได้รับปริญญาตาม
มาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร พ.ศ. 2497 ซึ่งมีอยู่แล้ว
ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

   มาตรา 10 ในระหว่างที่ยังมิได้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาอักษรย่อปริญญาในสาขา
วิชาตามมาตรา 3 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร พ.ศ.
2497 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้สำเร็จวิชาการทหารได้รับปริญญาและใช้
อักษรย่อปริญญา ดังต่อไปนี้
           (1) โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า กองทัพบกโรงเรียนนายเรือ
กองทัพเรือ และโรงเรียนนายเรืออากาศ กองทัพอากาศได้รับปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์
เรียกว่า "วิทยาศาสตรบัณฑิต" โดยให้ใช้อักษรย่อของปริญญา ดังนี้
           ก. ผู้สำเร็จวิชาการทหารจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า กองทัพบก ใช้
อักษรย่อว่า "วท.บ.(ทบ.)"
           ข. ผู้สำเร็จวิชาการทหารจากโรงเรียนนายเรือ กองทัพเรือ ใช้อักษรย่อว่า
"วท.บ.(ทร.)"
           ค. ผู้สำเร็จวิชาการทหารจากโรงเรียนนายเรืออากาศกองทัพอากาศ ใช้
อักษรย่อว่า "วท.บ.(ทอ.)"
           (2) โรงเรียนแผนที่ กองบัญชาการทหารสูงสุด ได้รับปริญญาตรีทาง
วิศวกรรมศาสตร์ เรียกว่า "วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต" ใช้อักษรย่อว่า "วศ.บ.(ผท.)"

   มาตรา 11 ให้ผู้สำเร็จวิชาการทหารในหลักสูตรชั้นปริญญาโทหรือหลักสูตรการศึกษา
เทียบเท่ากันจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบกกองทัพบก อยู่ก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้
บังคับ ได้รับปริญญาโททางศิลปศาสตร์ เรียกว่า "ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (การทหาร)" ใช้
อักษรย่อว่า "ศศ.ม.(การทหาร)"

   มาตรา 12 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากการกำหนด
วิทยฐานะสำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ากองทัพบก
โรงเรียนนายเรือ กองทัพเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ กองทัพอากาศและโรงเรียนแผนที่
กองบัญชาการทหารสูงสุด ยังไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงให้ผู้สำเร็จ
การศึกษาจากสถาบันการศึกษาวิชาการทหารดังกล่าวสามารถได้รับประกาศนียบัตรชั้นสูง และ
ปริญญาตรงตามสาขาวิชาที่ตนได้ศึกษามา และโดยที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก กองทัพบก ได้
จัดการศึกษาหลักสูตรชั้นปริญญาโทขึ้น สมควรกำหนดวิทยฐานะสำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตร
ดังกล่าวให้ได้รับปริญญาโท นอกจากนี้ สมควรกำหนดให้สถาบันการศึกษาวิชาการทหารมีอำนาจ
ให้ปริญญากิตติมศักดิ์แก่บุคคลที่ทรงคุณวุฒิได้และเพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขดังกล่าว สมควร
ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของสภาการศึกษาวิชาการทหาร และเพิ่มตำแหน่งกรรมการสภาการศึกษา
วิชาการทหารให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ.เล่ม 107 ตอนที่ 158 หน้า 4  29 สิงหาคม 2533)