พระราชบัญญัติ
                      มหาวิทยาลัยนเรศวร
                         พ.ศ. 2533
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
              ให้ไว้ ณ วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2533
                   เป็นปีที่ 45 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรจัดตั้งมหาวิทยาลัยนเรศวร
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนเรศวร พ.ศ. 2533"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
           "มหาวิทยาลัย" หมายความว่า มหาวิทยาลัยนเรศวร
           "สภามหาวิทยาลัย" หมายความว่า สภามหาวิทยาลัยนเรศวร

   มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้
มีอำนาจออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
           ประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

   มาตรา 5 ให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมหาวิทยาลัยหนึ่ง เรียกว่า "มหาวิทยาลัยนเรศวร" เป็น
สถานศึกษาและวิจัย มีวัตถุประสงค์ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทำการสอน
ทำการวิจัยให้บริการทางวิชาการแก่สังคม และทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
           ให้มหาวิทยาลัยเป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็นกรมในทบวงมหาวิทยาลัย

   มาตรา 6 มหาวิทยาลัยอาจแบ่งส่วนราชการ ดังนี้
           (1) สำนักงานอธิการบดี
           (2) บัณฑิตวิทยาลัย
           (3) คณะ
           (4) วิทยาลัย
           มหาวิทยาลัยอาจให้มีสถาบัน สำนักศูนย์ และหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ
เทียบเท่าคณะ เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในมาตรา 5 เป็นส่วนราชการในมหาวิทยาลัยอีก
ได้
           สำนักงานอธิการบดี อาจแบ่งส่วนราชการเป็นกอง หรือหน่วยงานที่เรียกชื่อ
อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง
           คณะ และวิทยาลัย อาจแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานเลขานุการภาควิชา กอง
หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชาหรือกอง
           บัณฑิตวิทยาลัย สถาบัน สำนัก ศูนย์ และหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ
เทียบเท่าคณะ  อาจแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานเลขานุการ กอง หรือหน่วยงานที่เรียกชื่อ
อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง
           สำนักงานเลขานุการ กอง และหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า
กอง อาจแบ่งส่วนราชการเป็นแผนก หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าแผนก

   มาตรา 7 การจัดตั้ง การรวม และการยุบเลิกบัณฑิตวิทยาลัยคณะ วิทยาลัย สถาบัน สำนัก
และศูนย์ หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
           การแบ่งส่วนราชการเป็นภาควิชา หน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า
ภาควิชา  สำนักงานเลขานุการ กอง และแผนก หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ
เทียบเท่ากองหรือแผนก ให้ทำเป็นประกาศทบวงมหาวิทยาลัย

   มาตรา 8 ภายใต้วัตถุประสงค์ตามมาตรา 5 มหาวิทยาลัยจะรับสถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือ
สถาบันวิจัยอื่นเข้าสมทบในมหาวิทยาลัยก็ได้และมีอำนาจให้ปริญญา อนุปริญญา หรือ
ประกาศนียบัตรชั้นหนึ่งชั้นใดแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันสมทบนั้นได้
           การรับเข้าสมทบหรือยกเลิกการสมทบซึ่งสถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันวิจัย
ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย และให้ทำเป็นประกาศทบวงมหาวิทยาลัย
           การควบคุมสถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันวิจัยที่เข้าสมทบในมหาวิทยาลัยให้
เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 9 นอกจากเงินที่กำหนดไว้ในงบประมาณแผ่นดิน มหาวิทยาลัยอาจมีรายได้ ดังนี้
           (1) เงินผลประโยชน์และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย
           (2) ทรัพย์สินซึ่งมีผู้อุทิศให้แก่มหาวิทยาลัย
           (3) รายได้หรือผลประโยชน์ที่ได้มาจากการใช้ที่ราชพัสดุ ซึ่งมหาวิทยาลัย
ปกครองดูแล หรือใช้ประโยชน์
           (4) รายได้หรือผลประโยชน์อื่น ๆ
           ให้มหาวิทยาลัยมีอำนาจในการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้และจัดหา
ผลประโยชน์จากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยรวมทั้งที่เป็นที่ราชพัสดุตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ
และที่เป็นทรัพย์สินอื่น
           รายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมาย
ว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ

   มาตรา 10 บรรดารายได้และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยจะต้องจัดการเพื่อประโยชน์ภายใน
ขอบวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยตามมาตรา 5
           เงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้อุทิศให้แก่มหาวิทยาลัยจะต้องจัดการตามเงื่อนไขที่ผู้ให้
กำหนดไว้ และต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 11 ให้มีสภามหาวิทยาลัย ประกอบด้วย
            (1) นายกสภามหาวิทยาลัย ซึ่งจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง
            (2) กรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยตำแหน่งได้แก่อธิการบดี ประธานสภา
อาจารย์มหาวิทยาลัย และประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย
            (3) กรรมการสภามหาวิทยาลัยจำนวนสามคน ซึ่งเลือกจากผู้ดำรงตำแหน่ง
คณบดี ผู้อำนวยการวิทยาลัย ผู้อำนวยการสถาบัน ผู้อำนวยการสำนัก และผู้อำนวยการศูนย์ หรือ
หัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ
            (4) กรรมการสภามหาวิทยาลัยจำนวนสองคน ซึ่งเลือกจากผู้ดำรงตำแหน่งทาง
วิชาการตั้งแต่รองศาสตราจารย์ขึ้นไป
            (5) กรรมการและเลขานุการสภามหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่งคน ซึ่งอธิการบดี
เลือกจากผู้ดำรงตำแหน่งรองอธิการบดี
            (6) กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนเจ็ดคน ซึ่งทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากบุคคลภายนอกมหาวิทยาลัย
           ให้สภามหาวิทยาลัย เลือกกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิคนหนึ่งเป็น
อุปนายกสภามหาวิทยาลัย และให้อุปนายกสภามหาวิทยาลัยทำหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัย
เมื่อนายกสภามหาวิทยาลัยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือเมื่อไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งนายก
สภามหาวิทยาลัย
           หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา และคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย
และกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย และให้ทำ
เป็นประกาศทบวงมหาวิทยาลัย

   มาตรา 12 การเลือกกรรมการสภามหาวิทยาลัยตามมาตรา 11 (3) ให้ผู้ดำรงตำแหน่ง
คณบดี ผู้อำนวยการวิทยาลัย ผู้อำนวยการสถาบันผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการศูนย์ และ
หัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ เป็นผู้เลือก ส่วนการเลือกกรรมการ
สภามหาวิทยาลัยตามมาตรา 11 (4) ให้คณาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยเป็นผู้เลือก
           คุณสมบัติของผู้รับเลือก ตลอดจนหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการ
สภามหาวิทยาลัยตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย และให้ทำเป็น
ประกาศทบวงมหาวิทยาลัย

   มาตรา 13 นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยตามมาตรา 11 (3) (4)
(5) และ (6) มีวาระการดำรงตำแหน่งสองปี แต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งหรือ
อาจได้รับเลือกใหม่อีกได้
           นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามวรรคหนึ่ง นายกสภามหาวิทยาลัย และ
กรรมการสภามหาวิทยาลัยตามมาตรา 11 (3) (4) (5) และ (6) พ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
            (1) ตาย
            (2) ลาออก
            (3) มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ถอดถอน เพราะขาดคุณสมบัติของ
การเป็นนายกสภามหาวิทยาลัย หรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ
            (4) ขาดคุณสมบัติของการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยในประเภทนั้น
           ในกรณีที่นายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยตามมาตรา 11
(3) (4) (5) และ (6) พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
หรือได้มีการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งแทนแล้ว ให้ผู้ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หรือได้
รับเลือกอยู่ในตำแหน่งเพียงเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
           ในกรณีที่นายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยพ้นจากตำแหน่งตาม
วาระ แต่ยังมิได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการ
สภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ หรือยังมิได้เลือกกรรมการสภามหาวิทยาลัยอื่นขึ้นใหม่ ให้นายก
สภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยซึ่งพ้นจากตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัย
ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือได้มีการเลือกกรรมการสภามหาวิทยาลัยอื่นขึ้นใหม่แล้ว
           ในกรณีที่กรรมการสภามหาวิทยาลัยที่ได้รับเลือกตามมาตรา 11 (3) (4) และ
(5) พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระไม่เกินเก้าสิบวัน สภามหาวิทยาลัยจะไม่เลือกกรรมการ
สภามหาวิทยาลัยขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างก็ได้

   มาตรา 14 สภามหาวิทยาลัยมีอำนาจและหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของมหาวิทยาลัย
และโดยเฉพาะให้มีอำนาจและหน้าที่ดังนี้
           (1) วางนโยบายของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการศึกษา การวิจัย การให้บริการ
ทางวิชาการแก่สังคม และการทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
           (2) วางระเบียบและออกข้อบังคับของมหาวิทยาลัยและอาจมอบให้ส่วนราชการ
ใดในมหาวิทยาลัยเป็นผู้วางระเบียบและออกข้อบังคับสำหรับส่วนราชการนั้นเป็นเรื่อง ๆ ไปก็ได้
           (3) อนุมัติให้ปริญญา ประกาศนียบัตรบัณฑิตอนุปริญญา และประกาศนียบัตร
           (4) พิจารณาการจัดตั้ง การรวม และการยุบเลิกบัณฑิตวิทยาลัย คณะ วิทยาลัย
สถาบัน สำนัก และศูนย์หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ รวมทั้ง
การแบ่งส่วนราชการของหน่วยงานดังกล่าว
           (5) อนุมัติการรับสถาบันการศึกษาชั้นสูงและสถาบันวิจัยเข้าสมทบหรือการยกเลิก
การสมทบ
           (6) พิจารณาให้ความเห็นชอบหลักสูตรการศึกษาให้สอดคล้องกับมาตราฐานที่
ทบวงมหาวิทยาลัยกำหนด
           (7) พิจารณาเสนอเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง และพิจารณาถอดถอน
นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ อธิการบดี ศาสตราจารย์ และ
ศาสตราจารย์พิเศษ
           (8) แต่งตั้งและถอดถอนรองอธิการบดี คณบดีผู้อำนวยการวิทยาลัย ผู้อำนวยการ
สถาบัน ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการศูนย์หรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ
เทียบเท่าคณะศาสตราจารย์เกียรติคุณ รองศาสตราจารย์พิเศษ และผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ
           (9) อนุมัติงบประมาณรายจ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย
          (10) วางระเบียบและออกข้อบังคับต่าง ๆ เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินของ
มหาวิทยาลัย
          (11) แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องหนึ่งเรื่องใด
หรือเพื่อมอบหมายให้ปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใด อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัย
          (12) พิจารณาและให้ความเห็นชอบในเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการของมหาวิทยาลัย
ตามที่อธิการบดีเสนอ และอาจมอบหมายให้อธิการบดีดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด อันอยู่ใน
อำนาจหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัยก็ได้
           (13) พิจารณาให้ความเห็นชอบและอนุมัติในเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับกิจการของ
มหาวิทยาลัยซึ่งมิได้ระบุให้เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ

   มาตรา 15 การประชุมของสภามหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 16 ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย
ประธานกรรมการ และกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนหนึ่งซึ่ง
สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้ง
           คณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย มีหน้าที่ให้คำแนะนำปรึกษาแก่
มหาวิทยาลัย และสนับสนุนการดำเนินกิจการของมหาวิทยาลัย
           จำนวนและคุณสมบัติของกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยวาระการดำรง
ตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง ตลอดจนการประชุม ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 17 ให้มีอธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการบริหารงานของมหาวิทยาลัย
และอาจมีรองอธิการบดีหรือผู้ช่วยอธิการบดีหรือจะมีทั้งรองอธิการบดีและผู้ช่วยอธิการบดี เพื่อทำ
หน้าที่และรับผิดชอบตามที่อธิการบดีมอบหมายก็ได้
           จำนวนรองอธิการบดีตามวรรคหนึ่ง ให้มีจำนวนไม่เกินเจ็ดคน
           เพื่อประโยชน์ในการบังคับบัญชา ให้ถือว่าอธิการบดีเป็นอธิบดีและรองอธิการบดี
เป็นรองอธิบดี ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมายอื่น

   มาตรา 18 อธิการบดีนั้นจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากบุคคลผู้มีคุณสมบัติตาม
มาตรา 19
           อธิการบดีมีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี และจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
ใหม่อีกก็ได้  แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้
           นอกจากพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามวรรคสอง อธิการบดีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
           (1) ตาย
           (2) ลาออก
           (3) ถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง
           (4) กระทำความผิดอาญา จนได้รับโทษโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่
ความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
           (5) ถูกให้ออกจากราชการเพราะเหตุมีมลทิน หรือมัวหมองในกรณีที่ถูกสอบสวน
ทางวินัยอย่างร้ายแรง
           รองอธิการบดี ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งโดยคำแนะนำของอธิการบดีจากบุคคลผู้
มีคุณสมบัติตามมาตรา 19 และต้องเป็นข้าราชการในมหาวิทยาลัย
           ผู้ช่วยอธิการบดี ให้อธิการบดีเป็นผู้แต่งตั้งจากบุคคลผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 19
และต้องเป็นข้าราชการในมหาวิทยาลัย
           เมื่ออธิการบดีพ้นจากตำแหน่ง ให้รองอธิการบดี และผู้ช่วยอธิการบดีพ้นจาก
ตำแหน่งด้วย

   มาตรา 19 อธิการบดี รองอธิการบดี และผู้ช่วยอธิการบดีต้องมีคุณสมบัติดังนี้ คือ
           (1) ได้ปริญญาเอกหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่
สภามหาวิทยาลัยรับรอง และได้ทำการสอนหรือมีประสบการณ์ด้านการบริหารมาแล้วไม่น้อยกว่า
สามปีในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง หรือ
           (2) ได้ปริญญาชั้นหนึ่งชั้นใดหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษา
อื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง และได้ทำการสอนหรือมีประสบการณ์ด้านการบริหารมาแล้วไม่
น้อยกว่าห้าปีในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง หรือเคยดำรง
ตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยมาแล้วรวมเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี

   มาตรา 20 อธิการบดีมีอำนาจและหน้าที่ ดังนี้
           (1) บริหารกิจการของมหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ
ข้อบังคับของทางราชการ รวมทั้งนโยบายและวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย
           (2) ควบคุมดูแลบุคลากร การเงิน การพัสดุสถานที่ และทรัพย์สินอื่นของ
มหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบ และข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
           (3) รักษาระเบียบวินัย จรรยาบรรณและมรรยาทแห่งวิชาชีพของข้าราชการใน
มหาวิทยาลัย และส่งเสริมกิจการนิสิต
           (4) เป็นผู้แทนของมหาวิทยาลัยในกิจการทั่วไป
           (5) เสนอรายงานประจำปีเกี่ยวกับกิจการด้านต่าง ๆของมหาวิทยาลัย ต่อ
สภามหาวิทยาลัย
           (6) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามระเบียบและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย หรือตามที่
สภามหาวิทยาลัยมอบหมาย

   มาตรา 21 ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้รองอธิการบดีเป็น
ผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองอธิการบดีหลายคน ให้รองอธิการบดีที่อธิการบดีมอบหมายเป็น
ผู้รักษาราชการแทนถ้าอธิการบดีมิได้มอบหมาย ให้รองอธิการบดีที่มีอาวุโสสูงสุดเป็นผู้รักษา
ราชการแทน
           ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีหรือไม่มีผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีตาม
ความในวรรคหนึ่ง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติตาม
มาตรา 19 เป็นผู้รักษาราชการแทนอธิการบดี และให้นำความในวรรคสองของมาตรา 34 มา
ใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 22 ให้มีสภาอาจารย์มหาวิทยาลัย ประกอบด้วยกรรมการซึ่งคณาจารย์ประจำของ
มหาวิทยาลัยเลือกจากคณาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัย
           สภาอาจารย์มหาวิทยาลัยมีหน้าที่ให้คำปรึกษาและข้อแนะนำแก่อธิการบดีและหน้าที่
อื่นตามที่อธิการบดีมอบหมาย
           องค์ประกอบ จำนวนกรรมการ หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก วาระการดำรง
ตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และการดำเนินงานของสภาอาจารย์มหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตาม
ข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 23 ในบัณฑิตวิทยาลัย ให้มีคณบดีเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของบัณฑิต
วิทยาลัย และจะให้มีรองคณบดีคนหนึ่งหรือหลายคนก็ได้ เพื่อทำหน้าที่และรับผิดชอบตามที่คณบดี
มอบหมาย
           คณบดีนั้น ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งโดยคำแนะนำของอธิการบดีจากบุคคลผู้มี
คุณสมบัติตามมาตรา 24
           รองคณบดีนั้น ให้อธิการบดีแต่งตั้งโดยคำแนะนำของคณบดีจากบุคคลผู้มีคุณสมบัติ
ตามมาตรา 24
           คณบดีมีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะดำรง
ตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้
           เมื่อคณบดีพ้นจากตำแหน่ง ให้รองคณบดีพ้นจากตำแหน่งด้วย

   มาตรา 24 คณบดี และรองคณบดีจะต้องเป็นข้าราชการในมหาวิทยาลัยและมีคุณสมบัติได้
ปริญญาชั้นใดชั้นหนึ่งหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สภามหาวิทยาลัย
รับรอง และได้ทำการสอนหรือมีประสบการณ์ด้านการบริหารมาแล้วไม่น้อยกว่าสี่ปีในมหาวิทยาลัย
หรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง

   มาตรา 25 การจัดให้มีคณะกรรมการประจำบัณฑิตวิทยาลัยและการจัดระบบบริหารงานใน
บัณฑิตวิทยาลัย ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 26 ในคณะหนึ่ง ให้มีคณบดีเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของคณะ และจะให้มี
รองคณบดีคนหนึ่งหรือหลายคนก็ได้เพื่อทำหน้าที่และรับผิดชอบตามที่คณบดีมอบหมาย
           การแต่งตั้ง วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่งและคุณสมบัติของคณบดี
และรองคณบดีตามวรรคหนึ่ง ให้นำบทบัญญัติมาตรา23 และมาตรา 24 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 27 ในคณะหนึ่ง ให้มีคณะกรรมการประจำคณะประกอบด้วยคณบดี รองคณบดี หัวหน้า
ภาควิชา และหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา ถ้ามี เป็นกรรมการ
โดยตำแหน่งและกรรมการที่อธิการบดีแต่งตั้งจากคณาจารย์ประจำในคณะจำนวนสองคน ถ้าไม่มี
การแบ่งภาควิชาหรือมีแต่ไม่ถึงสี่ภาควิชา ให้อธิการบดีแต่งตั้งคณาจารย์ประจำในคณะเป็น
กรรมการเพิ่มเติมให้ได้จำนวนทั้งหมดไม่น้อยกว่าเจ็ดคนแต่ไม่เกินเก้าคน
           กรรมการที่อธิการบดีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งจะเป็นคณาจารย์ประจำในภาควิชา
เดียวกันเกินหนึ่งคนไม่ได้
           จำนวนและคุณสมบัติของกรรมการที่จะได้รับแต่งตั้งในแต่ละคณะให้เป็นไปตาม
ข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
           ให้คณบดีเป็นประธานคณะกรรมการประจำคณะ และให้คณบดีแต่งตั้งบุคคลหนึ่ง
บุคคลใดเป็นเลขานุการของคณะกรรมการประจำคณะ
           กรรมการที่อธิการบดีแต่งตั้งมีวาระการดำรงตำแหน่งสองปี แต่อาจได้รับแต่งตั้ง
ใหม่อีกได้
           การประชุมของคณะกรรมการประจำคณะ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 28 คณะกรรมการประจำคณะ มีอำนาจและหน้าที่ ดังนี้
            (1) วางนโยบายและแผนงานของคณะให้สอดคล้องกับนโยบายของ
สภามหาวิทยาลัย
            (2) พิจารณาหลักสูตรและรายละเอียดเกี่ยวกับหลักสูตรสำหรับคณะเพื่อเสนอต่อ
สภามหาวิทยาลัย
            (3) พิจารณาวางระเบียบ และออกข้อบังคับภายในคณะตามที่สภามหาวิทยาลัย
มอบหมาย หรือเพื่อเสนอต่อสภามหาวิทยาลัย
            (4) พิจารณานำเสนอเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งทางวิชาการของคณาจารย์ใน
คณะต่อมหาวิทยาลัย
            (5) จัดการวัดผล ประเมินผล และควบคุมมาตรฐานการศึกษาของคณะ
            (6) ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นแก่คณบดี
            (7) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ เกี่ยวกับกิจการของคณะหรือตามที่อธิการบดีมอบหมาย

   มาตรา 29 ในกรณีที่มีการแบ่งภาควิชาหรือแบ่งหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ
เทียบเท่าภาควิชาในคณะ ให้มีหัวหน้าภาควิชาหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ
เทียบเท่าภาควิชาเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของภาควิชาหรือหน่วยงานที่เรียกชื่อ
อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา และจะให้มีรองหัวหน้าภาควิชาหรือรองหัวหน้าหน่วยงานที่
เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชาคนหนึ่งหรือหลายคนก็ได้ เพื่อทำหน้าที่และรับผิดชอบ
ตามที่หัวหน้าภาควิชา หรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา
มอบหมาย
           หัวหน้าภาควิชาหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา
รวมทั้งผู้ดำรงตำแหน่งรองของตำแหน่งดังกล่าวนั้นให้แต่งตั้งจากคณาจารย์ประจำของ
มหาวิทยาลัย ซึ่งได้ทำการสอนมาแล้วไม่น้อยกว่าสี่ปีในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่นที่
สภามหาวิทยาลัยรับรอง
           การแต่งตั้งหัวหน้าภาควิชาหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ
เทียบเท่าภาควิชา  และรองหัวหน้าภาควิชาหรือรองหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มี
ฐานะเทียบเท่าภาควิชา  ให้อธิการบดีแต่งตั้งโดยคำแนะนำของคณบดี
           หัวหน้าภาควิชาหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา
มีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระ
ติดต่อกันมิได้
           เมื่อหัวหน้าภาควิชาหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาค
วิชาพ้นจากตำแหน่ง ให้รองหัวหน้าภาควิชาหรือรองหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ
เทียบเท่าภาควิชาพ้นจากตำแหน่งด้วย

   มาตรา 30 ในวิทยาลัยหนึ่ง ให้มีผู้อำนวยการวิทยาลัยเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบงาน
ของวิทยาลัย และจะให้มีรองผู้อำนวยการวิทยาลัยคนหนึ่งหรือหลายคนก็ได้ เพื่อทำหน้าที่และ
รับผิดชอบตามที่ผู้อำนวยการวิทยาลัยมอบหมาย
           การแต่งตั้ง วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และคุณสมบัติของ
ผู้อำนวยการวิทยาลัยและรองผู้อำนวยการวิทยาลัยตามวรรคหนึ่ง ให้นำบทบัญญัติมาตรา 23 และ
มาตรา 24  มาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 31 การจัดให้มีคณะกรรมการประจำวิทยาลัยและการจัดระบบบริหารงานในวิทยาลัย
ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
           ในกรณีที่มีการแบ่งภาควิชาหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาค
วิชาในวิทยาลัย ให้นำบทบัญญัติมาตรา 29 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 32 ในกรณีที่มหาวิทยาลัยมีสถาบัน สำนัก ศูนย์ หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มี
ฐานะเทียบเท่าคณะ ให้มีผู้อำนวยการหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า
คณะ เป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของสถาบัน สำนัก ศูนย์ หรือหน่วยงานที่เรียกชื่อ
อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ และจะให้มีรองผู้อำนวยการหรือรองหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่อ
อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะคนหนึ่งหรือหลายคนก็ได้ เพื่อทำหน้าที่และรับผิดชอบตามที่
ผู้อำนวยการหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะมอบหมาย
           การแต่งตั้ง วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และคุณสมบัติของ
ผู้อำนวยการหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ รวมทั้งผู้ดำรง
ตำแหน่งรองของตำแหน่งดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง ให้นำบทบัญญัติมาตรา 23 และมาตรา 24 มา
ใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 33 การจัดให้มีคณะกรรมการประจำและการจัดระบบบริหารงานในสถาบัน สำนัก
ศูนย์ หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของ
มหาวิทยาลัย

   มาตรา 34 ผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี รองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี คณบดี รองคณบดี
ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ หัวหน้าภาควิชา รองหัวหน้าภาควิชา หัวหน้าหน่วยงานและ
รองหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือภาควิชา จะดำรงตำแหน่ง
ดังกล่าวเกินหนึ่งตำแหน่งในขณะเดียวกันมิได้
           ผู้ดำรงตำแหน่งตามวรรคหนึ่งอยู่หนึ่งตำแหน่งแล้ว จะรักษาราชการแทนตำแหน่ง
ดังกล่าวเกินหนึ่งตำแหน่งก็ได้ แต่ต้องไม่เกินหกเดือน

   มาตรา 35 วิธีการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการ
สภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ อธิการบดี คณบดีผู้อำนวยการ หัวหน้าภาควิชา หรือหัวหน้า
หน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือภาควิชา และกรรมการประจำคณะซึ่ง
อธิการบดีแต่งตั้งจากคณาจารย์ประจำในคณะ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 36 เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการในบัณฑิตวิทยาลัยคณะ วิทยาลัย สถาบัน
สำนัก ศูนย์ และภาควิชา หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือภาควิชา
อำนาจในการสั่งการอนุญาต การอนุมัติ หรือการปฏิบัติราชการที่อธิการบดีจะพึงปฏิบัติหรือดำเนิน
การตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องใด ถ้ากฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่งหรือมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้นมิได้กำหนดเรื่องการมอบอำนาจไว้เป็น
อย่างอื่นอธิการบดีจะมอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือให้ผู้ดำรงตำแหน่งคณบดีผู้อำนวยการ หัวหน้า
ภาควิชา หรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือภาควิชา ปฏิบัติ
ราชการแทนอธิการบดีเฉพาะในราชการของหน่วยงานนั้นก็ได้
           ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนตามวรรคหนึ่ง มีอำนาจและหน้าที่ตามที่อธิการบดีกำหนด

   มาตรา 37 ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนหรือผู้รักษาราชการแทนตามมาตรา 17 มาตรา 21
มาตรา 23 มาตรา 26 มาตรา 29 มาตรา 30 และมาตรา 32 มีอำนาจและหน้าที่
เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน
           ในกรณีที่มีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่งหรือมติคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ผู้ดำรง
ตำแหน่งใดเป็นกรรมการหรือให้มีอำนาจหน้าที่อย่างใด ให้ผู้ปฏิบัติราชการ หรือ
ผู้รักษาราชการแทนทำหน้าที่กรรมการหรือมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งนั้น
ในระหว่างที่ปฏิบัติราชการแทนหรือรักษาราชการแทนด้วย แล้วแต่กรณี

   มาตรา 38 คณาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมีตำแหน่งทางวิชาการดังนี้
            (1) ศาสตราจารย์
            (2) รองศาสตราจารย์
            (3) ผู้ช่วยศาสตราจารย์
            (4) อาจารย์
           คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้งและถอดถอนคณาจารย์ประจำตาม
วรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย

   มาตรา 39 ศาสตราจารย์พิเศษนั้น จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งโดยคำแนะนำ
ของสภามหาวิทยาลัยจากผู้ที่มิได้เป็นคณาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัย
           คุณสมบัติและหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งศาสตราจารย์พิเศษ ให้เป็นไปตามข้อบังคับ
ของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 40 สภามหาวิทยาลัยอาจแต่งตั้งผู้ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสม และมิได้เป็นคณาจารย์
ประจำของมหาวิทยาลัย เป็นรองศาสตราจารย์พิเศษและผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษได้โดย
คำแนะนำของอธิการบดี
           อธิการบดีอาจแต่งตั้งผู้ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมและมิได้เป็นคณาจารย์ประจำของ
มหาวิทยาลัยเป็นอาจารย์พิเศษได้โดยคำแนะนำของคณบดี ผู้อำนวยการหรือหัวหน้าหน่วยงานที่
เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ
           คุณสมบัติและหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งรองศาสตราจารย์พิเศษผู้ช่วยศาสตราจารย์
พิเศษและอาจารย์พิเศษตามวรรคหนึ่งและวรรคสองให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 41 ศาสตราจารย์ที่มีความรู้ความสามารถและความชำนาญเป็นพิเศษซึ่งพ้นจาก
ตำแหน่งไปโดยไม่มีความผิดและทำคุณประโยชน์ให้กับมหาวิทยาลัย สภามหาวิทยาลัยอาจแต่งตั้ง
ให้เป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณในสาขาวิชาที่ศาสตราจารย์นั้นมีความเชี่ยวชาญเพื่อเป็นเกียรติยศ
ได้
           คุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณให้เป็นไปตาม
ข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 42 ผู้ที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง หรือได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
ศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์พิเศษ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ รองศาสตราจารย์
รองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์หรือผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ให้มีสิทธิใช้ตำแหน่ง
ดังกล่าว เป็นคำนำหน้านามได้ โดยใช้อักษรย่อดังนี้
            ศาสตราจารย์                ใช้อักษรย่อ ศ.
            ศาสตราจารย์พิเศษ            ใช้อักษรย่อ ศ. (พิเศษ)
            ศาสตราจารย์เกียรติคุณ         ใช้อักษรย่อ ศ. (เกียรติคุณ)
            รองศาสตราจารย์             ใช้อักษรย่อ รศ.
            รองศาสตราจารย์พิเศษ         ใช้อักษรย่อ รศ. (พิเศษ)
            ผู้ช่วยศาสตราจารย์            ใช้อักษรย่อ ผศ.
            ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ        ใช้อักษรย่อ ผศ. (พิเศษ)

   มาตรา 43 ปริญญามีสามชั้น คือ
            เอก   เรียกว่า   ดุษฎีบัณฑิต    ใช้อักษรย่อ ด.
            โท    เรียกว่า   มหาบัณฑิต    ใช้อักษรย่อ ม.
            ตรี    เรียกว่า   บัณฑิต       ใช้อักษรย่อ บ.

   มาตรา 44 มหาวิทยาลัยมีอำนาจให้ปริญญาในสาขาวิชาที่มีการสอนในมหาวิทยาลัย
           การกำหนดให้สาขาวิชาใดมีปริญญาชั้นใด และจะใช้อักษรย่อสำหรับสาขาวิชานั้น
อย่างไร ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

   มาตรา 45 สภามหาวิทยาลัยอาจออกข้อบังคับให้ผู้สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีได้รับ
ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งหรือปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับสองก็ได้

   มาตรา 46 สภามหาวิทยาลัย อาจออกข้อบังคับกำหนดให้มีประกาศนียบัตรบัณฑิต อนุปริญญา
และประกาศนียบัตรสำหรับสาขาวิชาใดได้ ดังนี้
            (1) ประกาศนียบัตรบัณฑิต ออกให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาหนึ่งสาขา
วิชาใดภายหลังที่ได้รับปริญญาแล้ว
            (2) อนุปริญญา ออกให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรในสาขาวิชาหนึ่งสาขา
วิชาใดก่อนถึงขั้นได้รับปริญญาตรี
            (3) ประกาศนียบัตร ออกให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาเฉพาะวิชา

   มาตรา 47 มหาวิทยาลัยมีอำนาจให้ปริญญากิตติมศักดิ์แก่บุคคลซึ่งสภามหาวิทยาลัยเห็นว่าทรง
คุณวุฒิสมควรแก่ปริญญานั้น ๆ แต่จะให้ปริญญาดังกล่าวแก่คณาจารย์ประจำ หรือผู้ดำรงตำแหน่ง
ต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยมิได้
           ชั้น สาขาของปริญญา และหลักเกณฑ์การให้ปริญญากิตติมศักดิ์ให้เป็นไปตาม
ข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 48 มหาวิทยาลัยอาจกำหนดให้มีครุยวิทยฐานะหรือเข็มวิทยฐานะ เป็นเครื่องหมาย
แสดงวิทยฐานะของผู้ได้รับปริญญา  ประกาศนียบัตรบัณฑิต อนุปริญญา และประกาศนียบัตร และ
อาจกำหนดให้มีครุยประจำตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัย หรือครุยประจำตำแหน่งคณาจารย์
ของมหาวิทยาลัยได้
           การกำหนดลักษณะ ชนิด ประเภท และส่วนประกอบของครุยวิทยฐานะ
เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่ง ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
           ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งจะใช้ในโอกาสใด โดยมี
เงื่อนไขอย่างใด ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย

   มาตรา 49 สภามหาวิทยาลัยอาจออกข้อบังคับให้มีเครื่องแบบเครื่องหมาย หรือ
เครื่องแต่งกายนิสิตได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

   มาตรา 50 ผู้ใดใช้ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ ครุยประจำตำแหน่ง เครื่องแบบ
เครื่องหมาย หรือเครื่องแต่งกายนิสิตของมหาวิทยาลัย โดยไม่มีสิทธิที่จะใช้ หรือแสดงด้วย
ประการใด ๆ ว่าตนมีปริญญา ประกาศนียบัตรบัณฑิต อนุปริญญา ประกาศนียบัตร หรือตำแหน่ง
ของมหาวิทยาลัย โดยที่ตนไม่มีสิทธิ ถ้าได้กระทำเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิจะใช้หรือมี
วิทยฐานะหรือตำแหน่งเช่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 51 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน ข้าราชการลูกจ้าง เงินงบประมาณและ
รายได้ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ.
2517 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับราชการของวิทยาเขตพิษณุโลก ไปเป็นของมหาวิทยาลัยนเรศวร
ตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 52 คณะ กองธุรการวิทยาเขต และส่วนราชการอื่น ในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
วิทยาเขตพิษณุโลก ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. 2517 ซึ่งมีอยู่ในวันที่
พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้คงอยู่ต่อไปจนกว่าจะได้ตราพระราชกฤษฎีกา
จัดตั้งส่วนราชการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 53 ให้รองอธิการบดีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการบริหารงานของ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลกอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา รักษาการในตำแหน่งอธิการบดีจนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่ง
อธิการบดีขึ้นใหม่ตามมาตรา 18 ซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้
บังคับ

   มาตรา 54 ในระยะเริ่มแรก ให้สภามหาวิทยาลัย ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการ
ทบวงมหาวิทยาลัยเป็นนายกสภามหาวิทยาลัย ปลัดทบวงมหาวิทยาลัยเป็นอุปนายก
สภามหาวิทยาลัย ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก
จำนวนไม่เกินสี่คน ผู้ทรงคุณวุฒิที่รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยแต่งตั้งอีกจำนวนสามคน เป็น
กรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้รักษาการในตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็น
กรรมการและเลขานุการสภามหาวิทยาลัย ทั้งนี้ จนกว่าจะได้มีสภามหาวิทยาลัยตาม
พระราชบัญญัตินี้ซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

   มาตรา 55 ให้รองคณบดี รองผู้อำนวยการ และหัวหน้าภาควิชาของ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้
ประกาศในราชกิจจานุเบกษารักษาการในตำแหน่งคณบดี ผู้อำนวยการ และหัวหน้าภาควิชา
จนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งคณบดี ผู้อำนวยการ และหัวหน้าภาควิชาตาม
พระราชบัญญัตินี้ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้
บังคับ

   มาตรา 56 การนับวาระการดำรงตำแหน่งของอธิการบดี คณบดีผู้อำนวยการและหัวหน้า
ภาควิชา ให้นับวาระการดำรงตำแหน่งตามพระราชบัญญัตินี้เป็นวาระแรก

   มาตรา 57 ให้ผู้ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ประจำ ศาสตราจารย์พิเศษศาสตราจารย์เกียรติคุณ
รองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อาจารย์ประจำหรืออาจารย์พิเศษ ของ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก ตามพระราชบัญญัติ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. 2517 อยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา มีฐานะเป็นศาสตราจารย์ประจำ ศาสตราจารย์พิเศษ ศาสตราจารย์
เกียรติคุณรองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อาจารย์ประจำหรืออาจารย์พิเศษต่อไปตาม
พระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 58 ในระหว่างที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกา ประกาศทบวงมหาวิทยาลัย ระเบียบและ
ข้อบังคับเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ให้นำพระราชกฤษฎีกา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ประกาศทบวงมหาวิทยาลัย ระเบียบและข้อบังคับ ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. 2517 ที่ใช้อยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบัน
ประเทศไทยกำลังขาดแคลนบุคคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสาขา
ต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อกระจายการศึกษาระดับ
อุดมศึกษาสู่ส่วนภูมิภาคและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในภูมิภาคเขตภาคเหนือตอน
ล่าง ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดต่าง ๆ 9 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์พิจิตร
พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ที่มีสภาพสังคมเศรษฐกิจการเมืองและศิลป
วัฒนธรรม แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ และเพื่อให้เกิดความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพสูงโดยจะ
สามารถผลิตบุคลากรระดับปริญญาสาขาต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่นและของ
ประเทศอย่างเร่งด่วนในการนี้เห็นสมควรจัดตั้งมหาวิทยาลัยนเรศวรขึ้น จึงจำเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัตินี้
(ร.จ.เล่ม 107 ตอนที่ 131 หน้า 1  29 กรกฎาคม 2533)