พระราชบัญญัติ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2532 เป็นปีที่ 44 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า "จำหน่าย" ตามมาตรา 4 แห่ง พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""จำหน่าย" หมายความว่า ส่งน้ำมันดิบไปยังโรงกลั่นน้ำมันหรือสถานที่เก็บรักษาเพื่อ การกลั่นน้ำมันของบริษัท ส่งก๊าซธรรมชาติไปยังโรงแยกก๊าซ โรงทำก๊าซให้เป็นของเหลว โรงอัดก๊าซ หรือสถานที่เก็บรักษาเพื่อกิจการดังกล่าวของบริษัทนำปิโตรเลียมที่ต้องเสีย ค่าภาคหลวงไปใช้ในกิจการใด ๆ ของบริษัทหรือของผู้อื่นโดยไม่มีการขาย หรือโอน ปิโตรเลียมที่ต้องเสียค่าภาคหลวงโดยไม่มีค่าตอบแทน"
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 20 ภายใต้บังคับมาตรา 43 ทวิ บริษัทมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้เป็นรายรอบ ระยะเวลาบัญชี ในอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ ไม่เกินร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการปิโตรเลียม"
มาตรา 5 ให้ยกเลิกความใน (7) ของมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "(7) ค่าภาคหลวงสำหรับปิโตรเลียม ไม่ว่าจะชำระเป็นตัวเงินหรือปิโตรเลียม"
มาตรา 6 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (10)ของมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 "(10) ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม"
มาตรา 7 ให้ยกเลิก (9) ของมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514
มาตรา 8 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (16) ของมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 "(16) ในกรณีที่บริษัทเป็นผู้ได้รับสัมปทานสำหรับแปลงสำรวจหลายแปลง โดยแปลง สำรวจบางแปลงอยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ก่อน การแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532 และบางแปลงอยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532 ให้บริษัท ดังกล่าวคำนวณรายได้ รายจ่ายและกำไรสุทธิสำหรับแปลงสำรวจที่อยู่ภายใต้บังคับ พระราชบัญญัตินั้น ๆ เสมือนหนึ่งเป็นบริษัทแยกต่างหากจากกัน การคำนวณรายได้และรายจ่ายสำหรับแปลงสำรวจตามวรรคหนึ่งถ้ารายได้และ รายจ่ายรายการใดไม่สามารถแยกกันได้โดยชัดแจ้ง ให้เฉลี่ยรายได้และรายจ่ายตาม เงื่อนไข หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง"
มาตรา 9 ให้ยกเลิกมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514
มาตรา 10 ให้ยกเลิกความในมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 34 บริษัทมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ ดังต่อไปนี้ (1) ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ทุกครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี (2) ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ทุกรอบระยะเวลาบัญชี การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตาม (1) ให้บริษัทมีหน้าที่จัดทำประมาณการ กำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิที่จะพึงมีสำหรับระยะเวลาบัญชีนั้น ความในวรรคสอง มิให้ใช้บังคับแก่บริษัทซึ่งมีรอบระยะเวลาบัญชีแรกหรือรอบ ระยะเวลาบัญชีสุดท้ายน้อยกว่าสิบสองเดือน บริษัทที่มีส่วนได้เสียร่วมกันในสัมปทานแต่ละบริษัท มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับรายได้ซึ่งเป็นส่วนของบริษัทเอง บริษัทที่เป็นผู้ได้รับสัมปทานสำหรับแปลงสำรวจหลายแปลงตามมาตรา 26 (16) มี หน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตาม (1) และ(2) เสมือนหนึ่งเป็นบริษัทแยก ต่างหากจากกัน"
มาตรา 11 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 41 การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา 34(1) ให้ยื่นภายในสอง เดือนนับแต่วันสุดท้ายของวันครบกำหนดครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีนั้น และการยื่น แบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา 34(2) ให้ยื่นภายในห้าเดือนนับแต่วันสิ้นสุดรอบ ระยะเวลาบัญชี"
มาตรา 12 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 43 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 "มาตรา 43 ทวิ การยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา34 (1) ถ้ามีภาษีต้อง เสีย ให้บริษัทคำนวณและชำระภาษีจากจำนวนกึ่งหนึ่งของประมาณการกำไรสุทธิตาม มาตรา 34 วรรคสอง พร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ ภาษีที่ชำระตามวรรคหนึ่ง ให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีที่ต้องชำระตามมาตรา 43"
มาตรา 13 ให้ยกเลิกความในมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 62 ให้บริษัทเสียเบี้ยปรับในกรณีและตามอัตราดังต่อไปนี้ (1) ถ้ามิได้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา 34 (1) ภายในกำหนด เวลาตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง หรือยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ตามมาตรา 34 (1) ภายในกำหนดเวลา โดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิตามมาตรา 34 วรรคสอง ขาดไป เกินร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้เสีย เบี้ยปรับอีกร้อยละ 20 ของภาษีที่ต้องชำระตามมาตรา 43 ทวิ หรือของภาษีที่ชำระขาด แล้วแต่กรณี (2) ถ้ามิได้ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง หรือภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 34 (2) ที่ขยายหรือเลื่อนออกไปตาม มาตรา 5 ให้เสียเบี้ยปรับอีกหนึ่งเท่าของภาษี (3) ถ้ายื่นแบบแสดงรายการเงินได้ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาดทำให้จำนวนภาษีที่ ต้องเสียลดน้อยลง ให้เสียเบี้ยปรับอีกร้อยละ 20 ของภาษีที่ประเมินเพิ่มเติม (4) ถ้ามิได้หักภาษี ณ ที่จ่าย หรือมิได้ยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย ภายในกำหนดเวลาตามหมวด 5 หรือยื่นแบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่ายไม่ถูกต้อง ทำให้จำนวนภาษีที่นำส่งนั้นน้อยไปกว่าจำนวนที่ควรต้องนำส่ง ให้เสียเบี้ยปรับอีกร้อยละ 20 ของภาษีที่มิได้หัก ณ ที่จ่าย หรือที่มิได้ยื่นแบบแสดงรายการหรือที่ยื่นแบบแสดงรายการ ขาดไป แล้วแต่กรณี"
มาตรา 14 บรรดาบทบัญญัติทั้งหลายแห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่บริษัทที่ได้รับสัมปทานสำหรับ สัมปทานที่ได้ออกให้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และให้พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ ปิโตรเลียมพ.ศ. 2514 ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ยังคงใช้บังคับต่อไป สำหรับบริษัทดังกล่าว ทั้งนี้ เว้นแต่บริษัทนั้นจะได้ยื่นขอและได้รับความยินยอมจากรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมตามความในมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532 ให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532 มาใช้บังคับแก่ สัมปทานของตน
มาตรา 15 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการแก้ไข เพิ่มเติมพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียม ตัดสินใจลงทุนสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมในประเทศไทยประกอบกับในปัจจุบันได้มี การปรับปรุงการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรให้ผู้มีหน้าที่ต้อง ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ทุกครึ่งปีเพิ่มขึ้นด้วย สมควรปรับปรุงบทบัญญัติของ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงกฎหมาย ดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ร.จ.เล่ม 106 ตอนที่ 128 หน้า 42 14 สิงหาคม 2532) |