พระราชบัญญัติ
               การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร
                  และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
                          พ.ศ. 2531
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
               ให้ไว้ ณ วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2531
                   เป็นปีที่ 43 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่จำเป็นต้องมีกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการ
กรุงเทพมหานคร
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร
และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ. 2531"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
           "หน่วยเลือกตั้ง" หมายความว่า ท้องถิ่นที่กำหนดให้ทำการลงคะแนนเลือกตั้ง
           "ที่เลือกตั้ง" หมายความ สถานที่ที่กำหนดให้
ทำการลงคะแนนเลือกตั้ง และให้หมายความรวมถึงบริเวณที่กำหนดขึ้นโดยรอบที่เลือกตั้งด้วย
           "วันเลือกตั้ง" หมายความว่า วันที่กำหนดให้ทำการลงคะแนนเลือกตั้ง
           "เขตเลือกตั้ง" หมายความว่า ห้องที่ซึ่งจัดเป็นเขตอันจะมีการเลือกตั้ง
สมาชิกสภากรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี
           "ผู้สมัคร" หมายความว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครหรือ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี
           "ผู้เลือกตั้ง" หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครหรือ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี

   มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้
มีอำนาจออกกฎกระทรวงหรือระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
   กฎกระทรวงหรือระเบียบนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

   มาตรา 5 เมื่อได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกาให้เลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครแล้ว ให้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศเขตเลือกตั้ง และจำนวนสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร
ที่จะทำการเลือกตั้งโดยให้ถือรายงานการพิจารณากำหนดเขตเลือกตั้งของกรุงเทพมหานครที่ได้
ประกาศกำหนดไว้ในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา 6 ครั้งหลังสุดเป็นเกณฑ์
   เมื่อได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกาให้เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแล้ว ให้ท้องที่
กรุงเทพมหานครเป็นเขตเลือกตั้ง

   มาตรา 6 ให้กรุงเทพมหานครพิจารณากำหนดเขตเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครใน
แต่ละเขต โดยนำจำนวนราษฎรในเขตนั้น ๆตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่
กระทรวงมหาดไทยประกาศครั้งสุดท้ายก่อนการพิจารณาของกรุงเทพมหานคร หารด้วยหนึ่งแสน
เพื่อหาจำนวนโดยประมาณของเขตเลือกตั้งที่ควรจะมีในเขตนั้น เศษของหนึ่งแสนถ้าเกินห้าหมื่น
ให้ถือว่าเขตนั้นควรจะมีเขตเลือกตั้งเพิ่มได้อีกหนึ่งเขต จากนั้นให้กำหนดเขตเลือกตั้งโดย
พยายามจัดให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้งใกล้เคียงกันมากที่สุด และต้องแบ่งพื้นที่ของ
แต่ละเขตเลือกตั้งให้ติดต่อกัน แต่ต้องไม่นำพื้นที่เพียงบางส่วนของแขวงหนึ่งไปรวมกับแขวงอื่น
   ให้กรุงเทพมหานครรายงานผลการพิจารณากำหนดเขตเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร
ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศ
รายงานผลการพิจารณาดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษาภายในเก้าสิบวันนับจากวันที่
กระทรวงมหาดไทยประกาศจำนวนราษฎรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร

   มาตรา 7 ในเขตเลือกตั้งใด ถ้ามีผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการ
กรุงเทพมหานครเพียงหนึ่งคน ให้ถือว่าผู้สมัครนั้นเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งโดยไม่ต้องทำการลงคะแนน
เลือกตั้ง

   มาตรา 8 นายจ้างทั้งปวงต้องให้ความสะดวกพอสมควรแก่ลูกจ้างในอันที่จะใช้สิทธิเลือกตั้ง
และสมัครรับเลือกตั้ง
   บทบัญญัติในวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับแก่หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วย
โดยอนุโลม

   มาตรา 9 ผู้เลือกตั้งไม่จำเป็นต้องให้ถ้อยคำว่าตนได้ลงคะแนนเลือกตั้งหรือไม่ หรือ
ลงคะแนนเลือกตั้งผู้ใด ไม่ว่าในกรณีใด

   มาตรา 10 เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาให้เลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรืออย่างหนึ่งอย่างใดแล้วแต่กรณี ในเขตเลือกตั้งใดแล้ว มิให้นำ
มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
พ.ศ. 2503 มาใช้บังคับสำหรับในกรณีที่นำสิ่งพิมพ์ตามกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์ แผ่นประกาศ
หรือสิ่งอื่นมาโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของผู้สมัคร
   การโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งต้องไม่กระทำโดยวิธีทา พ่น ระบายสีหรือปิดประกาศซึ่งข้อความ
ภาพ หรือ รูปรอยใด ๆ ที่รั้ว กำแพง ผนังอาคาร สะพาน เสาไฟฟ้า หรือต้นไม้ บรรดาซึ่งเป็น
ทรัพย์สินของทางราชการที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร หรือ ณ บริเวณที่เจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ทรัพย์สินทำป้ายห้ามปิดประกาศไว้
   ในกรณีที่มีการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งอันเป็นการฝ่าฝืนวรรคสองให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นตาม
กฎหมายว่าด้วยการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองมีอำนาจและ
หน้าที่ลำลาย ปกปิด ลบหรือล้างข้อความ ภาพ หรือรูปรอยดังกล่าว แต่ในกรณีที่มิใช่เป็นทรัพย์สิน
ของทางราชการ เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะมีอำนาจดังกล่าวเมื่อได้รับคำร้องขอจากเจ้าของหรือ
ผู้ครอบครอง
   เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาให้เลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการ
กรุงเทพมหานคร หรืออย่างหนึ่งอย่างใด แล้วแต่กรณี ในเขตเลือกตั้งใดแล้ว ให้เจ้าพนักงาน
ท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
กำหนดสถานที่เพื่อการปิดประกาศโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งไว้ตามสมควร
   เมื่อมีการกำหนดสถานที่ตามวรรคสี่แล้ว มิให้นำวรรคสองมาใช้บังคับกับการโฆษณาหาเสียง
เลือกตั้งโดยวิธีปิดประกาศสิ่งพิมพ์ตามกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์ในสถานที่ที่ได้จัดไว้ให้

   มาตรา 11 เมื่อได้มีประกาศระบุที่เลือกตั้งตามมาตรา 37 วรรคสองแล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดนำ
สิ่งพิมพ์ตามกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์ แผ่นประกาศ หรือสิ่งอื่น มาโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อ
ประโยชน์ของผู้สมัครภายในที่เลือกตั้ง
   ในกรณีที่มีสิ่งพิมพ์ตามกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์ แผ่นประกาศหรือสิ่งอื่นใดอันเป็นคุณหรือเป็น
โทษแก่ผู้สมัครภายในที่เลือกตั้งอยู่แล้วก่อนหรือในวันเลือกตั้ง ให้เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการ
เลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน หรือเจ้าหน้าที่คะแนนมีอำนาจและหน้าที่ทำลาย ปกปิดหรือ
นำออกไปไว้นอกที่เลือกตั้งดังกล่าว

   มาตรา 12 นับตั้งแต่เวลา 18.00 นาฬิกา ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวันจนสิ้นสุดวัน
เลือกตั้ง ห้ามมิให้ผู้ใดทำการโฆษณาไม่ว่าโดยวิธีใดอันเป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัคร หรือทำด้วย
ประการใดอันเป็นการรบกวนหรือเป็นอุปสรรคแก่การเลือกตั้ง

   มาตรา 13 นับตั้งแต่เวลา 18.00 นาฬิกา ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวันจนสิ้นสุดวัน
เลือกตั้ง ห้ามมิให้ผู้ใดขาย จำหน่าย จ่ายแจกหรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิดในเขตเลือกตั้ง

   มาตรา 14 ห้ามมิให้ผู้ใดเล่น หรือจัดให้มีการเล่นการพนันขันต่อว่าผู้สมัครใดแพ้หรือชนะหรือ
ได้คะแนนเท่าใดและได้รับเลือกตั้งหรือไม่ได้รับเลือกตั้ง หรือได้รับเลือกตั้งจำนวนเท่าใด

   มาตรา 15 ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิได้มีสัญชาติไทยกระทำการใดเพื่อประโยชน์แห่งการเลือกตั้ง
โดยประการที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครและห้ามมิให้เข้ามีส่วนช่วยเหลือในการเลือกตั้งด้วย
ประการใด ๆ ทั้งนี้เว้นแต่การกระทำนั้นเป็นการช่วยราชการ หรือเป็นการประกอบอาชีพตาม
ปกติโดยสุจริตของผู้นั้น

   มาตรา 16 ห้ามมิให้ข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่นซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
พนักงานหรือลูกจ้างของกรุงเทพมหานครนายกเทศมนตรี เทศมนตรี นายกเมืองพัทยา ปลัดเมือง
พัทยา กำนันผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกรรมการสุขาภิบาล
กรรมการสภาตำบล หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครใด

   มาตรา 17 ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร มีหน้าที่ให้การช่วยเหลือ
และอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม
   นอกจากหน้าที่ซึ่งระบุไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ให้ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการเขต
พนักงานฝ่ายปกครอง ข้าราชการกรุงเทพมหานครที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง และ
ตำรวจมีหน้าที่จัดการให้ความสะดวกและรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้ง

   มาตรา 18 บุคคลจะมีสิทธิและใช้สิทธิเลือกตั้งหรือสมัครรับเลือกตั้งได้ ต้องมีคุณสมบัติและ
ไม่เป็นบุคคลที่ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งหรือสมัครรับเลือกตั้งตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วย
ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร

   มาตรา 19 ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเข้าสมัครรับเลือกตั้ง

   มาตรา 20 ห้ามมิให้ผู้ใดสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเกินหนึ่งเขต
เลือกตั้ง

   มาตรา 21 ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครต้องยื่นใบสมัครด้วยตนเอง
ต่อหน้าผู้อำนวยการเขต ณ สำนักงานเขตแห่งเขตที่เขตเลือกตั้งที่ตนสมัครนั้นตั้งอยู่ ภายใน
ระยะเวลาที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา พร้อมด้วยค่าธรรมเนียมคนละสามพันบาท หลักฐานการ
สมัครและรูปถ่ายหรือรูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเองขนาดกว้างประมาณ 8.5
เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตรมีจำนวนตามที่ผู้อำนวยการเขตกำหนด และต้อง
ปฏิบัติตามวิธีการเกี่ยวกับการสมัครรับเลือกตั้งที่กำหนดในกฎกระทรวง
   เมื่อผู้อำนวยการเขตได้รับใบสมัครแล้ว ให้ลงบันทึกการรับใบสมัครไว้เป็นหลักฐาน และออก
ใบรับให้แก่ผู้สมัครในวันนั้น และให้ผู้อำนวยการเขตตรวจสอบหลักฐานคุณสมบัติของผู้สมัครและ
สอบสวนว่าผู้สมัครจะสมัครรับเลือกตั้งได้หรือไม่ให้เสร็จภายในเจ็ดวันนับแต่วันปิดรับการสมัคร
ถ้าได้ความว่าสมัครรับเลือกตั้งได้ก็ให้ประกาศรับสมัครไว้ ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครและ
สำนักงานเขต และให้ผู้อำนวยการเขตแจ้งการรับสมัครหรือไม่รับสมัครให้ผู้สมัครทราบโดยเร็ว
   ประกาศตามวรรคสองให้มีชื่อผู้สมัครและเครื่องหมายประจำตัวผู้สมัครอันประกอบด้วย
เลขหมายประจำตัวผู้สมัครและจำนวนจุดเท่ากับเลขหมายซึ่งจะใช้ในการลงคะแนนและรูปผู้สมัคร
ทั้งนี้ให้ปิดไว้ ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร สำนักงานเขต ที่ทำการแขวงหรือที่ทำการกำนัน
และที่เลือกตั้งหรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้งในเขตเลือกตั้งซึ่งผู้นั้นสมัครโดยเร็ว
   วิธีการให้เลขหมายประจำตัวผู้สมัครให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 22 เมื่อผู้อำนวยการเขตได้ออกใบรับให้แก่ผู้สมัครตามมาตรา 21 วรรคสองแล้ว
ห้ามมิให้ผู้สมัครถอนการสมัครไม่ว่าในกรณีใด
   ให้ค่าธรรมเนียมตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง ตกเป็นของกรุงเทพมหานคร และไม่มีการคืน
ค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้สมัคร เว้นแต่จะไม่มีการเลือกตั้งในครั้งนั้น

   มาตรา 23 ถ้าผู้สมัครผู้ใดไม่มีรายชื่อเป็นผู้สมัครในประกาศของผู้อำนวยการเขต ตาม
มาตรา 21 ผู้สมัครมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งได้ภายในเจ็ดวันนับจากวันประกาศนั้น โดยไม่ต้อง
เสียค่าธรรมเนียมศาลในการดำเนินกระบวนพิจารณา เมื่อศาลได้รับคำร้องแล้ว ให้ดำเนินการ
พิจารณาโดยไม่ชักช้าและให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาให้บังคับโดยอนุโลม และ
ให้ศาลวินิจฉัยว่าให้รับสมัครหรือไม่ คำสั่งของศาลให้เป็นที่สุด และให้ศาลแจ้งคำสั่งไปยัง
ผู้อำนวยการเขตโดยเร็ว
   ในกรณีที่ศาลสั่งให้รับสมัคร ให้ผู้อำนวยการเขตรีบปฏิบัติตามคำสั่งศาลและให้นำมาตรา 21
มาใช้บังคับโดยอนุโลม และถ้าได้แต่งตั้งกรรมการตรวจคะแนนขึ้นแล้ว ให้ผู้อำนวยการเขตแจ้ง
คำสั่งศาลให้คณะกรรมการตรวจคะแนนทราบโดยเร็ว
   คำสั่งของศาลตามวรรคสองไม่กระทบกระเทือนการใดที่ผู้อำนวยการเขตได้ปฏิบัติหรือที่
กรรมการตรวจคะแนนได้ปฏิบัติไปตามคำสั่งของผู้อำนวยการเขตก่อนได้รับทราบคำสั่งศาล

   มาตรา 24 ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องยื่นใบสมัครด้วยตนเอง
ต่อหน้าปลัดกรุงเทพมหานคร ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครในระยะเวลาที่กำหนดใน
พระราชกฤษฎีกาพร้อมค่าธรรมเนียมคนละห้าพันบาท หลักฐานการสมัครและรูปถ่ายหรือรูปภาพที่
พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเองขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตรยาวประมาณ 13.5
เซนติเมตร มีจำนวนตามที่ปลัดกรุงเทพมหานครกำหนดและต้องปฏิบัติตามวิธีการเกี่ยวกับการ
สมัครรับเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
   เมื่อปลัดกรุงเทพมหานครได้รับใบสมัครแล้ว ให้นำมาตรา 21 วรรคสอง และวรรคสาม
มาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 25 ให้นำมาตรา 22 และมาตรา 23 มาใช้บังคับกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ
กรุงเทพมหานครโดยอนุโลม

   มาตรา 26 เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาให้เลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรืออย่างหนึ่งอย่างใดแล้วแต่กรณีแล้ว ให้ผู้อำนวยการเขตจัดทำ
ประกาศบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งของแต่ละหน่วยเลือกตั้งไว้ ณ สำนักงานเขต ที่ทำการแขวง
ที่ทำการกำนันบ้านผู้ใหญ่บ้าน ที่สาธารณะที่เห็นได้ง่าย และที่เลือกตั้งหรือบริเวณใกล้เคียงกับที่
เลือกตั้ง ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
   การจัดทำประกาศบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการเขตคัด
รายชื่อผู้เลือกตั้งจากทะเบียนบ้าน บัญชีดังกล่าวผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิตรวจดู ถ้าปรากฏว่ามี
รายการใดไม่ถูกต้องก็ให้ยื่นคำร้องขอแก้ไขให้ถูกต้องได้โดยให้นำมาตรา 28 มาใช้บังคับโดย
อนุโลม

   มาตรา 27 ให้ผู้อำนวยการเขตแจ้งรายชื่อของผู้เลือกตั้งตามทะเบียนบ้านของเจ้าบ้านและที่
เลือกตั้งเป็นหนังสือไปยังเจ้าบ้านซึ่งปรากฏหลักฐานตามทะเบียนบ้านในเขตนั้นก่อนวันเลือกตั้งไม่
น้อยกว่าสิบห้าวัน

   มาตรา 28 เมื่อได้ประกาศบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งตามมาตรา 26 วรรคหนึ่งแล้ว ผู้เลือกตั้ง
หรือเจ้าบ้านผู้ใดเห็นว่าคนหรือผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งแห่ง
หน่วยเลือกตั้งที่ตนหรือผู้นั้นสมควรมีชื่อเป็นผู้เลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งนั้น มีสิทธิยื่นคำร้องต่อ
ผู้อำนวยการเขตก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่าสิบวัน
   เมื่อได้รับคำร้องตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ผู้อำนวยการเขตตรวจสอบหลักฐานและถ้าเห็นว่าผู้ยื่น
คำร้องหรือผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก็ให้สั่งเติมชื่อตามที่ยื่นคำร้องลงในบัญชี
รายชื่อผู้เลือกตั้งโดยไม่ชักช้า ถ้าผู้อำนวยการเขตเห็นว่าผู้ยื่นคำร้องหรือผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
เป็นผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ก็ให้สั่งยกคำร้องและให้แจ้งผู้ยื่นคำร้องทราบภายในวันรุ่งขึ้นนับแต่วันที่ได้
รับคำร้อง โดยแสดงเหตุผลไว้ด้วย
   เมื่อได้รับแจ้งตามวรรคสองแล้ว ผู้ยื่นคำร้องมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งภายในห้าวันนับแต่
วันที่ได้รับแจ้งโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในการดำเนินกระบวนพิจารณา เพื่อให้ศาล
วินิจฉัยว่าจะให้ลงชื่อในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งตามที่ยื่นคำร้องหรือไม่
   เมื่อได้รับคำร้องตามวรรคสามแล้ว ให้ศาลดำเนินการพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวโดยไม่ชักช้า
และให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม คำสั่งของศาลให้เป็นที่สุด
และให้ศาลแจ้งคำสั่งไปยังผู้อำนวยการเขตเพื่อปฏิบัติการตามคำสั่งโดยเร็วที่สุด ในกรณีที่มีการ
ประกาศบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งไปก่อนได้รับคำสั่งศาลให้แก้บัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งทุกฉบับให้ถูกต้อง
ด้วย
   คำสั่งของศาลตามวรรคสี่ไม่กระทบกระเทือนการใดที่ได้ปฏิบัติไปตามคำสั่งเดิมของ
ผู้อำนวยการเขตก่อนได้รับทราบคำสั่งศาล

   มาตรา 29 ผู้เลือกตั้งผู้ใดเห็นว่าบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งที่ได้ประกาศตามมาตรา 26
วรรคหนึ่ง มีชื่อบุคคลซึ่งไม่มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมาย หรือเจ้าบ้านผู้ใดเห็นว่าในบัญชีรายชื่อผู้
เลือกตั้งมีชื่อบุคคลใดอยู่ในเลขหมายประจำบ้านของตน โดยที่บุคคลนั้นมิได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
ดังกล่าวจริง ผู้เลือกตั้งหรือเจ้าบ้านผู้นั้นมีสิทธิยื่นคำร้องต่อผู้อำนวยการเขตก่อนวันเลือกตั้งไม่
น้อยกว่าสิบวัน เพื่อให้ถอนชื่อบุคคลดังกล่าวออกจากบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง
   เมื่อผู้อำนวยการเขตพิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรสั่งถอนชื่อบุคคลนั้นหรือสมควรยกคำร้อง ก็ให้
มีคำสั่งถอนชื่อบุคคลนั้นหรือยกคำร้อง แล้วแต่กรณี และให้แจ้งคำสั่งให้บุคคลนั้นทราบและให้นำ
มาตรา 28 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 30 เมื่อบุคคลใดต้องคำพิพากษาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและคดีถึงที่สุดแล้ว ให้ศาล
ส่งสำเนาคำพิพากษาไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพื่อแจ้งให้รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทยทราบ
   ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยส่งสำเนาคำพิพากษาตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ว่าราชการ
กรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทราบ เพื่อดำเนินการตามระเบียบที่
กระทรวงมหาดไทยกำหนดต่อไป
   ทั้งนี้ ให้นำมาตรา 28 วรรคห้า มาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 31 เมื่อได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครใน
เขตเลือกตั้งใด หรือประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ผู้สมัครแต่ละคนจะใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งหมดเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา
ไม่ได้ ทั้งนี้ ไม่รวมค่าธรรมเนียมการสมัคร
   ค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งให้รวมถึงบรรดาเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดที่บุคคลอื่นจ่ายหรือรับว่าจะ
จ่ายแทนหรือนำมาให้ใช้โดยไม่คิดค่าตอบแทนเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งในกรณีนำ
ทรัพย์สินมาให้ใช้ ให้คำนวณตามอัตราค่าเช่าหรือค่าตอบแทนตามปกติในท้องที่นั้น ๆ

   มาตรา 32 การใช้จ่ายตามมาตรา 31 ให้ใช้จ่ายได้เฉพาะค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้
           (1) การโฆษณากระจายเสียง วิทยุ โทรทัศน์ เทปวัสดุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์
และสื่อมวลชนอื่น
           (2) การพิมพ์ โฆษณา แจกจ่าย ประกาศ แผ่นป้ายใบปลิวและสิ่งพิมพ์อื่น ๆ
           (3) การจัดหาเครื่องเขียน แบบพิมพ์ ไปรษณียากรโทรเลข โทรศัพท์ และ
การสื่อสารอื่นใด
           (4) การซื้อ เช่า หรือยืมสำนักงาน สถานที่ยานพาหนะ วัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับ
การเลือกตั้ง
           (5) การว่าจ้างแรงงานทุกประเภทที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง
           (6) ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อการเลือกตั้ง
           (7) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือก
ตั้งที่ไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 33 ภายในกำหนดเก้าสิบวันหลังจากวันประกาศผลการเลือกตั้ง ผู้สมัครต้องยื่น
รายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ถูกต้องตามความเป็นจริงต่อผู้อำนวยการเขตหรือ
ปลัดกรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี ซึ่งได้แก่
           (1) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ได้จ่ายไปแล้ว
           (2) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ยังค้างชำระ
           (3) หลักฐานการจ่ายเงินตาม (1) และหลักฐานการค้างชำระตาม (2) ซึ่ง
อย่างน้อยต้องมีรายการแสดงชื่อและที่อยู่ของผู้รับหรือเจ้าหนี้
   ให้ผู้อำนวยการเขตหรือปลัดกรุงเทพมหานคร รักษารายการค่าใช้จ่ายและหลักฐานตาม
วรรคหนึ่ง แล้วแต่กรณี มีกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ประกาศผลการเลือกตั้ง
   ในกรณีที่มีการคัดค้านการเลือกตั้งที่กระทำในเขตเลือกตั้งใดว่าผู้สมัครใช้จ่ายเงินเกินกว่าที่
กำหนดให้เก็บรักษารายการค่าใช้จ่ายและหลักฐานดังกล่าวไว้จนกว่าคดีถึงที่สุด
   การขอตรวจสอบและขอสำเนารายการค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งจะกระทำได้ แต่ผู้สมัครโดย
ยื่นคำร้องเป็นหนังสือต่อผู้อำนวยการเขตหรือปลัดกรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี และเสีย
ค่าธรรมเนียมตามระเบียบของทางราชการ

   มาตรา 34 เมื่อได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกาให้เลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรืออย่างหนึ่งอย่างใด แล้วแต่กรณี ในเขตเลือกตั้งใดจนถึงวัน
เลือกตั้งห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจะจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนน
เลือกตั้งให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือให้งดเว้นมิให้ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครใดด้วยวิธีการ
อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
           (1) จัดทำ ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอัน
อาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด
           (2) ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือ
ทางอ้อมแก่สมาคม มูลนิธิ วัด สถาบันการศึกษา หรือสถานสงเคราะห์อื่นใด
           (3) ทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ
           (4) ทำสิ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์หรือสิ่งอื่นใดเพื่อประโยชน์ของบุคคล ชุมชน
สมาคม มูลนิธิ วัด สถาบันการศึกษาหรือสถาบันอื่นใด ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
หรือไม่ก็ตาม
           (5) เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด

   มาตรา 35 ห้ามมิให้ผู้สมัครจัดยานพาหนะนำผู้เลือกตั้งไปยังที่เลือกตั้งเพื่อการเลือกตั้ง หรือ
นำกลับไปจากที่เลือกตั้ง หรือจัดให้ผู้เลือกตั้งไปยังที่เลือกตั้งหรือกลับจากที่เลือกตั้ง โดยไม่ต้อง
เสียค่าโดยสารยานพาหนะหรือค่าจ้างซึ่งต้องเสียตามปกติ หรือผู้ใดกระทำการเช่นว่านั้นเพื่อ
ประโยชน์แก่ผู้สมัครใด

   มาตรา 36 ให้ปลัดกรุงเทพมหานครกำหนดหน่วยเลือกตั้งที่จะพึงมีในกรุงเทพมหานคร
   ตามปกติให้ถือเกณฑ์จำนวนผู้เลือกตั้งหน่วยละหนึ่งพันคนเป็นประมาณ ถ้าปลัดกรุงเทพมหานคร
เห็นว่าไม่เป็นการสะดวกหรือไม่ปลอดภัยในการไปลงคะแนนของผู้เลือกตั้ง จะกำหนด
หน่วยเลือกตั้งเพิ่มขึ้นโดยไม่คำนึงถึงจำนวนผู้เลือกตั้งก็ได้
   เมื่อได้กำหนดหน่วยเลือกตั้งขึ้นแล้ว ให้ประกาศหน่วยเลือกตั้ง ณศาลาว่าการ
กรุงเทพมหานคร สำนักงานเขต ที่ทำการแขวง ที่ทำการกำนัน บ้านผู้ใหญ่บ้านและในบริเวณที่มี
ชุมชนหนาแน่นตามที่ผู้อำนวยการเขตเห็นสมควร กับให้จัดทำแผนที่สังเขปแสดงที่เลือกตั้งของ
แต่ละหน่วยเลือกตั้งไว้ด้วย
   การเปลี่ยนแปลงเขตของหน่วยเลือกตั้ง จะกระทำได้โดยประกาศก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า
สิบห้าวัน และให้นำวรรคสามมาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่ในกรณีฉุกเฉินจะประกาศ
เปลี่ยนแปลงเขตของหน่วยเลือกตั้ง หรือยุบ หรือรวมหน่วยเลือกตั้ง ก่อนวันเลือกตั้งน้อยกว่าสิบ
ห้าวันก็ได้

   มาตรา 37 หน่วยเลือกตั้งหนึ่งให้มีที่เลือกตั้งแห่งหนึ่ง ที่เลือกตั้งนั้นต้องให้เป็นที่ซึ่งประชาชน
เข้าออกได้สะดวกเพื่อการลงคะแนนเลือกตั้ง และในวันเลือกตั้งให้กรรมการตรวจคะแนนกำหนด
บริเวณโดยรอบที่เลือกตั้ง โดยมีป้ายแสดงเขตบริเวณของที่เลือกตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกใน
การลงคะแนนเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามลักษณะของท้องที่และภูมิประเทศ
   เมื่อได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกาให้เลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการ
กรุงเทพมหานคร หรืออย่างหนึ่งอย่างใด แล้วแต่กรณี ในเขตเลือกตั้งใดแล้ว ให้ผู้อำนวยการ
เขตประกาศระบุที่เลือกตั้งของแต่ละหน่วยเลือกตั้งที่อยู่ในท้องที่ของตนไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวัน
เลือกตั้ง ประกาศของผู้อำนวยการเขตดังกล่าวให้ปิด ณ สำนักงานเขตที่ทำการแขวง
ที่สาธารณะที่เห็นได้ง่าย และที่เลือกตั้งหรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง ในกรณีฉุกเฉิน
ผู้อำนวยการเขตจะประกาศเปลี่ยนแปลงที่เลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้งเมื่อใดก็ได้
   ในท้องที่แขวงใด ถ้าเห็นว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เลือกตั้งหรือความปลอดภัย
สาธารณะถูกคุกคาม ผู้อำนวยการเขตจะประกาศระบุที่เลือกตั้งนอกเขตของหน่วยเลือกตั้งก็ได้
แต่ต้องอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับหน่วยเลือกตั้งนั้นในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เลือกตั้งหรือกำหนด
ที่เลือกตั้งนอกเขตหน่วยเลือกตั้งให้ผู้อำนวยการเขตรายงานพร้อมส่งสำเนาประกาศไปยัง
ปลัดกรุงเทพมหานครโดยไม่ชักช้า

   มาตรา 38 ที่เลือกตั้งและบริเวณที่เลือกตั้ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 39 ห้ามมิให้ผู้ใดก่อให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในที่เลือกตั้งหรือในที่ประชาชนชุมนุมกันอยู่
เพื่อรอการเข้าไปลงคะแนนเลือกตั้ง

   มาตรา 40 ให้ผู้อำนวยการเขตแต่งตั้งข้าราชการเป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง
เพื่อมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 41 ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่าสิบวัน ให้ผู้อำนวยการเขตแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจ
คะแนนอย่างน้อยเจ็ดคนและเจ้าหน้าที่คะแนนอย่างน้อยหนึ่งคนประจำทุกหน่วยเลือกตั้ง เพื่อปฏิบัติ
หน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
   กรรมการตรวจคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งแต่ละหน่วย ให้แต่งตั้งจากผู้มีคุณสมบัติและไม่มี
ลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 45 และเป็นผู้ที่ผู้สมัครเข้ารับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นเสนอชื่อต่อ
ผู้อำนวยการเขตก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
   ให้ผู้สมัครคนหนึ่ง ๆ มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเพื่อให้ผู้อำนวยการเขตแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจ
คะแนนตามวรรคหนึ่งได้ไม่เกินหน่วยละหนึ่งคนในกรณีที่บุคคลซึ่งผู้สมัครเสนอชื่อสำหรับ
หน่วยเลือกตั้งใดมีจำนวนต่ำกว่าเจ็ดคน ให้ผู้อำนวยการเขตแต่งตั้งกรรมการตรวจคะแนนจากผู้
เลือกตั้งซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 45 เป็นกรรมการตรวจคะแนนได้

   มาตรา 42 ก่อนวันเลือกตั้งถ้าปรากฏว่ากรรมการตรวจคะแนนที่ได้แต่งตั้งไว้ขาดคุณสมบัติ
หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 45 ให้ผู้อำนวยการเขตสั่งถอดถอนและแต่งตั้งผู้อื่นแทนได้ แต่
ในกรณีที่ผู้ซึ่งถูกถอดถอนนั้นเป็นผู้ที่ผู้สมัครเสนอชื่อ ให้ผู้อำนวยการเขตแต่งตั้งจากผู้ซึ่งผู้สมัครนั้น
เสนอชื่อใหม่ และถ้าผู้สมัครนั้นไม่เสนอชื่อภายในเวลาที่ผู้อำนวยการเขตกำหนด ให้นำมาตรา
41 วรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 43 ก่อนเวลาเปิดการรับลงคะแนนครึ่งชั่วโมง ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนเลือก
กรรมการตรวจคะแนนคนหนึ่งขึ้นเป็นประธานเมื่อประธานไม่อยู่ในที่เลือกตั้ง หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่
ได้ให้กรรมการตรวจคะแนนเลือกกรรมการตรวจคะแนนอื่นเป็นประธานไปพลางก่อนจนกว่า
ประธานที่ได้เลือกไว้นั้นสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
   ในการดำเนินการของคณะกรรมการตรวจคะแนน ให้ถือว่ากรรมการตรวจคะแนนตั้งแต่
กึ่งหนึ่งขึ้นไปเป็นองค์คณะ
   ในกรณีที่กรรมการตรวจคะแนนมาไม่ครบจำนวน และกรรมการตรวจคะแนนที่เหลือมีจำนวน
ไม่น้อยกว่าเจ็ดคน ให้กรรมการตรวจคะแนนที่เหลือปฏิบัติหน้าที่ต่อไปโดยไม่ต้องมีการแต่งตั้งผู้อื่น
เป็นกรรมการตรวจคะแนนเพิ่มขึ้น แต่ถ้ากรรมการตรวจคะแนนมีน้อยกว่าเจ็ดคนให้กรรมการ
ตรวจคะแนนที่อยู่ในที่เลือกตั้ง ตั้งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 45 เป็น
กรรมการตรวจคะแนนให้ครบเจ็ดคนไปพลางก่อน จนกว่ากรรมการตรวจคะแนนที่ได้ตั้งไว้
สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
   ในกรณีที่ไม่มีกรรมการตรวจคะแนนปฏิบัติหน้าที่ ให้ผู้อำนวยการเขตหรือเจ้าพนักงาน
ผู้ดำเนินการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง มีอำนาจแต่งตั้งผู้ซึ่งมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะ
ต้องห้ามตามมาตรา 45 คนหนึ่งเป็นกรรมการตรวจคะแนน และให้กรรมการตรวจคะแนนผู้นั้น
แต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 45 อีกหกคนเป็นกรรมการตรวจคะแนนไป
พลางก่อน จนกว่ากรรมการตรวจคะแนนซึ่งผู้อำนวยการเขตแต่งตั้งไว้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

   มาตรา 44 การลงมติวินิจฉัยของคณะกรรมการตรวจคะแนนให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการ
ตรวจคะแนนคนหนึ่งย่อมมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากันให้
ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

   มาตรา 45 กรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนให้แต่งตั้งจากผู้เลือกตั้งซึ่งมี
ความประพฤติดี และสามารถอ่านและเขียนหนังสือไทยได้
   ห้ามมิให้แต่งตั้งผู้สมัคร สมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภาเขต
ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน หรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เป็น
กรรมการตรวจคะแนน
   ห้ามมิให้แต่งตั้งผู้สมัคร สมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภากรุงเทพมหานครหรือสมาชิกสภาเขตเป็น
เจ้าหน้าที่คะแนน

   มาตรา 46 ให้ถือว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่
คะแนน เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญานับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งจนสิ้นสุดแห่ง
การงานในหน้าที่

   มาตรา 47 กรรมการตรวจคะแนนมีอำนาจหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในที่เลือกตั้ง หาก
ปรากฏว่าผู้ใดกระทำตนเป็นที่ขัดขวางหรือรบกวนกิจการเลือกตั้ง หรือจะทำความไม่สงบ
เรียบร้อยขึ้น กรรมการตรวจคะแนนมีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นออกไปเสียจากที่เลือกตั้งได้ แต่ต้องมิให้
ขัดต่อการที่ผู้เลือกตั้งจะใช้สิทธิในการเลือกตั้ง

   มาตรา 48 อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนนและ
เจ้าหน้าที่คะแนนในการเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 49 ห้ามมิให้เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน หรือ
เจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใด จงใจนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนในการเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริง
หรือรวมคะแนนให้ผิดไป หรือกระทำด้วยประการใดโดยมิได้มีอำนาจกระทำได้โดยชอบด้วย
กฎหมายให้บัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียหายหรือให้เป็นบัตรเสีย หรือกระทำด้วยประการใดแก่บัตร
เสียเพื่อให้เป็นบัตรที่ใช้ได้หรืออ่านบัตรเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริง หรือทำรายงาน
การเลือกตั้งไม่ตรงความจริง

   มาตรา 50 ห้ามมิให้เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน หรือ
เจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใด จงใจไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่หรือกระทำการอันใดเพื่อขัดขวางมิให้การเป็น
ไปตามกฎหมาย กฎกระทรวงระเบียบ หรือคำสั่งของศาลอันเกี่ยวกับการเลือกตั้งตาม
พระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 51 บัตรเลือกตั้งและหีบบัตรเลือกตั้งให้มีลักษณะและขนาดตามที่กำหนดใน
กฎกระทรวง

   มาตรา 52 การลงคะแนนเลือกตั้งให้ใช้วิธีทำเครื่องหมายกากบาทลงในบัตรเลือกตั้งตาม
ลักษณะ หลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 53 ในวันเลือกตั้ง ให้เปิดการลงคะแนนตั้งแต่เวลา 18.00 นาฬิกา ถึงเวลา
15.00 นาฬิกา

   มาตรา 54 ขณะจะเปิดการลงคะแนน ให้ประธานกรรมการตรวจคะแนนเปิดหีบบัตรเลือกตั้ง
ในที่เปิดเผย แสดงให้ผู้เลือกตั้งซึ่งอยู่ ณที่เลือกตั้งนั้นเห็นว่าเป็นหีบเปล่า และให้ปิดหีบบัตร
เลือกตั้งใส่กุญแจประจำครั่งทับรูกุญแจไว้ และให้คณะกรรมการตรวจคะแนนบันทึกการเปิดและปิด
หีบบัตรเลือกตั้งตามมาตรานี้ โดยให้ผู้เลือกตั้งไม่น้อยกว่าสองคนซึ่งอยู่ในที่เลือกตั้งในขณะนั้น
ลงลายมือชื่อในบันทึกนั้นด้วย

   มาตรา 55 ในระหว่างเวลาเปิดการลงคะแนน ให้ผู้เลือกตั้งที่จะลงคะแนนไปแสดงตนต่อ
กรรมการตรวจคะแนนโดยแสดงบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อให้ตรวจสอบชื่อในบัญชีรายชื่อผู้
เลือกตั้ง เมื่อกรรมการตรวจคะแนนตรวจสอบถูกต้องแล้ว ให้อ่านชื่อและที่อยู่ของผู้นั้นดัง ๆถ้า
ไม่มีผู้เลือกตั้งหรือผู้สมัครผู้ใดทักท้วงให้หมายเหตุไว้ในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง โดยให้จดหมายเลข
ของบัตรประจำตัวประชาชนและสถานที่ออกบัตรประจำตัวประชาชน แต่ในกรณีผู้เลือกตั้งใช้ใบรับ
คำขอมีบัตรหรือเปลี่ยนบัตรใหม่ให้ลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือ แล้วแต่กรณีลงในบัญชีรายชื่อผู้
เลือกตั้งเป็นหลักฐานเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง แล้วให้กรรมการตรวจ
คะแนนมอบบัตรเลือกตั้งให้แก่ผู้นั้นไปลงคะแนน
   ในกรณีที่ผู้เลือกตั้งผู้ใดเป็นบุคคลที่ไม่ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนตามกฎหมายต้องแสดง
หลักฐานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงต่อกรรมการตรวจคะแนนและให้กรรมการตรวจคะแนน
ปฏิบัติตามวรรคหนึ่งแล้วให้ผู้เลือกตั้งลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือ แล้วแต่กรณี ในบัญชีรายชื่อผู้
เลือกตั้งไว้เป็นหลักฐานด้วย
   หากมีผู้ทักท้วงหรือกรรมการตรวจคะแนนสงสัยว่าผู้เลือกตั้งที่มาแสดงตนนั้นไม่ใช่เป็นผู้มีชื่อใน
บัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนมีอำนาจสอบสวนและวินิจฉัยชี้ขาดว่าผู้ถูก
ทักท้วงหรือผู้ถูกสงสัยมีสิทธิลงคะแนนหรือไม่ คำชี้ขาดของคณะกรรมการตรวจคะแนนให้เป็นที่สุด
ในกรณีที่คณะกรรมการตรวจคะแนนวินิจฉัยว่าผู้ถูกทักท้วงหรือผู้ถูกสงสัยไม่มีสิทธิลงคะแนน ให้
คณะกรรมการตรวจคะแนนทำบันทึกคำวินิจฉัยและลงลายมือชื่อไว้ด้วย
   บัตรประจำตัวประชาชนตามมาตรานี้ให้หมายความรวมถึงบัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุ
แล้วด้วย

   มาตรา 56 ผู้เลือกตั้งซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งสำหรับหน่วยเลือกตั้งใดให้ลงคะแนน
เลือกตั้งได้เฉพาะหน่วยเลือกตั้งนั้น และให้ลงคะแนนเลือกตั้งได้เฉพาะแห่งเดียว
   ผู้เลือกตั้งซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้มีหน้าที่ในการเลือกตั้งหรือเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งมีสิทธิ
ลงคะแนนเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งที่ตนต้องประจำปฏิบัติหน้าที่นั้นโดยไม่ต้องมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อ
ผู้เลือกตั้งถ้าหน่วยเลือกตั้งที่ตนประจำปฏิบัติหน้าที่นั้นอยู่ในเขตเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิเลือกตั้ง
   ให้ผู้เลือกตั้งตามวรรคสองซึ่งประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งที่ตนต้องปฏิบัติ
หน้าที่ แสดงหลักฐานคำสั่งแต่งตั้งต่อคณะกรรมการตรวจคะแนนก่อนทำการลงคะแนนเลือกตั้ง
เมื่อคณะกรรมการตรวจคะแนนตรวจสอบถูกต้องแล้ว ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนเพิ่มชื่อในบัญชี
รายชื่อผู้เลือกตั้งอีกส่วนหนึ่งต่างหาก

   มาตรา 57 ผู้เลือกตั้งผู้ใดแม้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของหน่วยเลือกตั้งใดก็ตาม ถ้าไม่มีชื่ออยู่
ในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้งนั้นและไม่ดำเนินการขอเพิ่มชื่อตามมาตรา 28 ให้
ถือว่าผู้เลือกตั้งนั้นสละสิทธิลงคะแนนในหน่วยเลือกตั้งที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

   มาตรา 58 ห้ามมิให้ผู้ใดลงคะแนนเลือกตั้งหรือพยายามลงคะแนนเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตน
ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง หรือไม่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งนั้น หรือลงบัตร หรือพยายาม
ลงบัตรมากกว่าบัตรหนึ่งหรือมากกว่าครั้งหนึ่งในการลงคะแนนเลือกตั้งนั้น หรือแสดง
บัตรประจำตัวประชาชนหรือหลักฐานอื่นที่มิได้มีไว้สำหรับตนหรือที่ปลอมแปลงต่อกรรมการตรวจ
คะแนนเพื่อลงคะแนนเลือกตั้ง

   มาตรา 59 ผู้เลือกตั้งผู้ใดรับบัตรเลือกตั้งเพื่อลงคะแนนแล้วไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้คืน
บัตรเลือกตั้งแก่กรรมการตรวจคะแนน ให้กรรมการตรวจคะแนนบันทึกการไม่ลงคะแนนนั้นไว้ใน
บัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง และผู้เลือกตั้งผู้นั้นจะใช้สิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนั้นอีกไม่ได้

   มาตรา 60 ห้ามมิให้ผู้เลือกตั้งผู้ใดใช้บัตรเลือกตั้งซึ่งมิใช่บัตรที่กรรมการตรวจคะแนนแห่งที่
เลือกตั้งนำมอบให้ลงคะแนน หรือนำบัตรเลือกตั้งที่ไม่ใช้ลงคะแนนออกไปจากที่เลือกตั้ง

   มาตรา 61 ห้ามมิให้ผู้ใดทำเครื่องสังเกตโดยวิธีใดไว้ที่บัตรเลือกตั้ง

   มาตรา 62 ห้ามมิให้ผู้ใดนำบัตรเลือกตั้งใส่ในหีบบัตรเลือกตั้งโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วย
กฎหมาย หรือกระทำการใดในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งเพื่อแสดงว่ามีผู้มาแสดงตนเพื่อลงคะแนนโดย
ผิดจากความจริงหรือกระทำการใดอันเป็นเหตุให้มีบัตรเลือกตั้งเพิ่มขึ้นจากความจริง

   มาตรา 63 ห้ามมิให้ผู้ใดโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายกระทำการใดเพื่อขัดขวางหรือ
หน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้เลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้งหรือเข้าไป ณ ที่ลงคะแนน หรือมิให้ไปถึง ณ ที่
ดังกล่าวภายในกำหนดเวลาที่จะลงคะแนนเลือกตั้งได้

   มาตรา 64 ห้ามมิให้ผู้เลือกตั้งผู้ใดเรียก หรือรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดสำหรับ
ตนเองหรือผู้อื่น เพื่อจะลงคะแนนเลือกตั้งหรืองดเว้นไม่ลงคะแนนเลือกตั้งผู้ใด

   มาตรา 65 ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำให้ปรากฏด้วยวิธีใดอันเป็นการลวงผู้เลือกตั้งให้สำคัญผิด
เกี่ยวกับผู้สมัคร หรือเลขหมายประจำตัวของผู้สมัครคนใด หรือของตนเองในกรณีที่ตนเป็นผู้สมัคร
ด้วย

   มาตรา 66 ระหว่างเวลาเปิดการลงคะแนน ห้ามมิให้เปิดหีบบัตรเลือกตั้ง เว้นแต่จะมี
ความจำเป็นเกี่ยวกับอุปสรรคในการลงคะแนนอันจะหลีกเลี่ยงมิได้จึงให้คณะกรรมการตรวจ
คะแนนเปิดได้โดยมิให้เอาบัตรเลือกตั้งออกจากหีบและให้ปิดไว้ตามเดิม ในกรณีเช่นนี้ ให้คณะ
กรรมการตรวจคะแนนกระทำต่อหน้าผู้เลือกตั้งซึ่งอยู่ในที่เลือกตั้ง และให้บันทึกแสดงเหตุในการ
เปิดหีบบัตรเลือกตั้งโดยให้ผู้เลือกตั้งไม่น้อยกว่าสองคนซึ่งอยู่ในที่เลือกตั้งในขณะนั้นลงลายมือชื่อ
ในบันทึกนั้นด้วย

   มาตรา 67 ตั้งแต่เวลาที่ได้เปิดและปิดหีบบัตรเลือกตั้งที่ตั้งไว้เพื่อการลงคะแนนตามมาตรา
54 แล้ว หรือภายหลังเวลาที่ได้ปิดหีบบัตรเลือกตั้งตามมาตรา 69 เพื่อรักษาไว้เมื่อการเลือกตั้ง
ได้เสร็จสิ้นแล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดเปิด ทำลาย ทำให้เสียหาย ทำให้เปลี่ยนสภาพ หรือทำให้ไร้
ประโยชน์หรือลักพาไปซึ่งหีบบัตรเลือกตั้งหรือบัตรเลือกตั้งโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย

   มาตรา 68 ก่อนประกาศผลการนับคะแนน ห้ามมิให้เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง
กรรมการตรวจคะแนน หรือเจ้าหน้าที่คะแนน แจ้งแก่ผู้ใดให้ทราบจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ได้
ลงคะแนนไว้ หรือให้ทราบจำนวนคะแนนอันได้ลงไว้สำหรับบุคคลใด หรือให้ทราบว่าผู้ใด
ลงคะแนนหรือไม่

   มาตรา 69 เมื่อปิดการลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนนับคะแนนโดย
เปิดเผยจนเสร็จในรวดเดียว ห้ามมิให้เลื่อนหรือประวิงการนับคะแนน
   เมื่อการนับคะแนนเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนประกาศผลของการนับคะแนน ณ
ที่เลือกตั้งนั้น และมอบประกาศผลของการนับคะแนนให้แก่กรรมการตรวจคะแนนทุกคนพร้อมทั้ง
ปิดประกาศไว้ด้วยแล้วรีบทำรายงานแสดงผลของการนับคะแนนและปิดหีบบัตรเลือกตั้งเพื่อส่งไป
ยังผู้อำนวยการเขตโดยเร็ว
   แบบประกาศผลของการนับคะแนน รายงานแสดงผลของการนับคะแนน วิธีนับคะแนน วิธี
ประกาศผลของการนับคะแนน และวิธีเก็บบัตรเลือกตั้งบรรจุหีบ ให้เป็นไปตามที่กำหนดใน
กฎกระทรวง

   มาตรา 70 ถ้าการลงคะแนนหรือการนับคะแนน ณ ที่เลือกตั้งแห่งใดไม่สามรถกระทำได้
เนื่องจากเกิดจลาจล อุทกภัย อัคคีภัย หรือเหตุนอกอำนาจอย่างอื่น ให้คณะกรรมการตรวจ
คะแนนประกาศงดลงคะแนนหรือนับคะแนนสำหรับที่เลือกตั้งแห่งนั้นแล้วรายงานต่อผู้อำนวยการ
เขตโดยด่วน ในกรณีเช่นนี้ให้ปลัดกรุงเทพมหานครประกาศยกเลิกการลงคะแนนหรือการนับ
คะแนน แล้วกำหนดวันลงคะแนนใหม่ในหน่วยเลือกตั้งนั้นภายในสามวันนับแต่วันได้รับทราบว่าเหตุ
นั้นได้สงบลง และต้องประกาศก่อนวันลงคะแนนไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสิบห้าวัน
นับแต่วันได้รับทราบว่าเหตุนั้นสงบลงในกรณีที่จำนวนผู้เลือกตั้งทั้งหมดของหน่วยเลือกตั้งที่งด
ลงคะแนนหรือนับคะแนนไว้ตามวรรคหนึ่ง จะไม่ทำให้ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร
และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรืออย่างหนึ่งอย่างใดแล้วกรณี ในเขตเลือกตั้งนั้น
เปลี่ยนแปลง ปลัดกรุงเทพมหานครไม่ต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งตามวรรคหนึ่ง

   มาตรา 71 บัตรเลือกตั้งต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นบัตรเสีย คือ
           (1) บัตรปลอม
           (2) บัตรที่ทำเครื่องหมายเลือกตั้งเกินหนึ่งเครื่องหมาย
           (3) บัตรที่มิได้ทำเครื่องเลย
           (4) บัตรที่ปรากฏว่าได้พับซ้อนกันมากกว่าหนึ่งบัตร
           (5) บัตรที่มีเครื่องสังเกตหรือข้อความอื่นใดนอกจากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
           (6) บัตรที่ไม่อาจทราบได้ว่าลงคะแนนให้กับผู้สมัครผู้ใด
   บัตรดังกล่าวให้กรรมการตรวจคะแนนสลักหลังว่า "เสีย" และให้กรรมการตรวจคะแนนไม่
น้อยกว่าสามคนลงลายมือชื่อกำกับไว้
   ในการนับคะแนน หากปรากฏว่ามีบัตรเสีย ให้แยกบัตรเสียออกไว้เป็นส่วนหนึ่ง และห้ามมิให้
นับบัตรเสียเป็นคะแนนไม่ว่ากรณีใด

   มาตรา 72 ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำด้วยประการใดให้บัตรเลือกตั้งชำรุด หรือเสียหาย หรือให้
เป็นบัตรเสีย หรือกระทำแก่บัตรเสียเพื่อให้เป็นบัตรที่ใช้ได้

   มาตรา 73 เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ผู้อำนวยการเขตจะทำลายบัตรเลือกตั้งและ
เอกสารที่เก็บอยู่ในหีบบัตรเลือกตั้งนั้นได้เมื่อพ้นระยะเวลาคัดค้านการเลือกตั้งตามมาตรา 76
แล้วไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
   ในกรณีที่มีการคัดค้านการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใด ให้ผู้อำนวยการเขตเก็บรักษาหีบบัตร
เลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด

   มาตรา 74 เมื่อผู้อำนวยการเขตได้รับรายงานแสดงผลของการนับคะแนนจากคณะกรรมการ
ตรวจคะแนนของหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ แล้วในกรณีที่เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร
ให้ผู้อำนวยการเขตรวมยอดคะแนนของผู้สมัครแต่ละคนและประกาศผลการเลือกตั้งโดยเร็วและ
ให้รายงานไปยังปลัดกรุงเทพมหานคร แล้วให้ปลัดกรุงเทพมหานครรายงานไปยังรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทย
   ในกรณีที่เป็นการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ผู้อำนวยการเขตส่งรายงาน
การเลือกตั้งไปยังปลัดกรุงเทพมหานครทันที และให้ปลัดกรุงเทพมหานครรวมยอดคะแนน
การเลือกตั้งและประกาศผลการเลือกตั้งโดยเร็วและให้รายงานไปยังรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทย

   มาตรา 75 ในเขตเลือกตั้งซึ่งมีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการ
กรุงเทพมหานคร หรืออย่างหนึ่งอย่างใด แล้วแต่กรณี ผู้สมัครผู้ใดได้คะแนนมากที่สุดให้ผู้สมัครนั้น
เป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง ในกรณีที่คะแนนมากที่สุดเท่ากัน ให้ผู้สมัครซึ่งได้คะแนนเท่ากันจับสลากกันว่า
ผู้ใดเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง
   การจับสลากตามมาตรานี้ ถ้าเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครให้กระทำต่อหน้า
ผู้อำนวยการเขต ถ้าเป็นการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้กระทำต่อหน้า
ปลัดกรุงเทพมหานครตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง แล้วให้ประกาศผลการเลือกตั้งทันที

   มาตรา 76 เมื่อผู้อำนวยการเขตหรือปลัดกรุงเทพมหานครประกาศผลการเลือกตั้งของเขต
เลือกตั้งใด ผู้เลือกตั้งหรือผู้สมัครเห็นว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น หรือเห็นว่าการที่บุคคล
ใดได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจากการ
เลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น เป็นไปโดยมิชอบอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 16 มาตรา 19 มาตรา
34 มาตรา 35 มาตรา 49 มาตรา 50 หรือมาตรา 65 ให้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลแพ่ง
ภายในสามสิบวันแต่ถ้าเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 31 หรือมาตรา 33 ให้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้าน
ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่

   มาตรา 77 เมื่อศาลแพ่งได้รับคำร้องคัดค้านแล้วให้ดำเนินการพิจารณาโดยไม่ชักช้า และให้
นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้ทำความเห็นและส่ง
สำนวนไปยังศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย ให้ศาลฎีกามีอำนาจ ดังต่อไปนี้
           (1) ถ้าเห็นว่าการเลือกตั้งหรือการที่ผู้ใดได้รับเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ และ
สมควรจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ ให้มีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งนั้น
           (2) ถ้าเห็นว่าการเลือกตั้งหรือการที่ผู้ใดได้รับเลือกตั้งเป็นไปโดยชอบหรือแม้
มิชอบ แต่ไม่มีเหตุอันสมควรจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งนั้น ให้มีคำสั่งยกคำร้อง
คัดค้าน

   มาตรา 78 เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งอย่างใดแล้วให้ส่งสำเนาคำสั่งไปยังรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงยุติธรรมเพื่อแจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและประธานสภา
กรุงเทพมหานครทราบ
   ในกรณีที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ให้ถือว่าสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครซึ่งถูกคัดค้านนั้นขาดจากสมาชิกภาพหรือพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่
ศาลฎีกามีคำสั่ง คำสั่งของศาลฎีกาซึ่งเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภากรุงเทพมหานครผู้
หนึ่งผู้ใดสิ้นสุดลง หรือเป็นเหตุให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพ้นจากตำแหน่ง ย่อมไม่กระทบ
กระเทือนกิจการที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครผู้นั้นหรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้กระทำไป
ในหน้าที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครหรือในหน้าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมทั้งการได้
รับเงินประจำตำแหน่งหรือประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่น ก่อนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
หรือประธานสภากรุงเทพมหานครได้รับแจ้งคำสั่ง แล้วแต่กรณี

   มาตรา 79 นายจ้างผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง หรือผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ
กรรมการตรวจคะแนนซึ่งสั่งตามมาตรา 47 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับ
ไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 80 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 10 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ
ปรับแห่งละหนึ่งพันบาท แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่ากัน
   ค่าปรับตามวรรคหนึ่งให้นำส่งกรุงเทพมหานครเพื่อใช้ในการแก้ไขความเสียหายที่เกิดจาก
การกระทำความผิดนั้น ส่วนที่เหลือให้ตกเป็นรายได้ของกรุงเทพมหานคร

   มาตรา 81 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 11 วรรคหนึ่ง มาตรา 12 หรือมาตรา 13 ต้องระวางโทษ
จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 82 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 14 มาตรา 35 มาตรา 61  มาตรา 63 หรือ มาตรา 64
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่ง
เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี

   มาตรา 83 ผู้ซึ่งมิได้มีสัญชาติไทยผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 15 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึง
สิบปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งเนรเทศออกจาก
ประเทศไทยด้วย

   มาตรา 84 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 16 มาตรา 19 มาตรา 34 มาตรา 56 มาตรา 58
มาตรา 60 มาตรา 62 มาตรา 65 มาตรา 66 มาตรา 67 หรือมาตรา 72 ต้องระวางโทษ
จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีและปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด
สิบปี

   มาตรา 85 ผู้สมัครผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 20 หรือเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการ
ตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 50 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ
ปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี

   มาตรา 86 ผู้สมัครผู้ใดใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเกินค่าใช้จ่ายที่กำหนดไว้ตามมาตรา
31 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาล
สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี

   มาตรา 87 ผู้สมัครผู้ใดไม่ยื่นรายการค่าใช้จ่ายต่อผู้อำนวยการเขตหรือปลัดกรุงเทพมหานคร
ภายในกำหนดตามมาตรา 33 หรือยื่นรายการค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นเท็จต้องระวางโทษจำคุก
ไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมี
กำหนดห้าปี

   มาตรา 88 ผู้ใดฝ่ายฝืนมาตรา 39 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่ง
หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 89 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 49 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับไม่เกิน
ห้าหมื่นบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี

   มาตรา 90 ผู้เลือกตั้งผู้ใดไม่คืนบัตรเลือกตั้งตามมาตรา 59 โดยทุจริต ต้องระวางโทษ
จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ
เลือกตั้งมีกำหนดห้าปี

   มาตรา 91 เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนน
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 68 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 92 การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครแทนตำแหน่งที่ว่างของสมาชิกซึ่งได้
รับเลือกตั้งจากการเลือกตั้งที่ได้จัดให้มีขึ้นตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภา
กรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 มิให้ใช้พระราชบัญญัตินี้บังคับ
และให้ดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ทั้งนี้ จนกว่าจะสิ้นสุดอายุของสภากรุงเทพมหานคร
ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528

   มาตรา 93 ให้กรุงเทพมหานครพิจารณาดำเนินการตามมาตรา 6 วรรคหนึ่งเป็นครั้งแรก
และรายงานผลการพิจารณาต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนินการประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับใน
ระหว่างนี้ มิให้นำมาตรา 6 วรรคสอง มาใช้บังคับ
   ในกรณีที่มีประกาศพระราชกฤษฎีกาให้เลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเป็นการเลือกตั้ง
ทั่วไปก่อนครบกำหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนด
จำนวนสมาชิกสภากรุงเทพมหานครที่จะเลือกตั้ง และประกาศกำหนดเขตเลือกตั้ง โดยถือเกณฑ์
ราษฎร์หนึ่งแสนคนเป็นประมาณ และให้คำนวณตามเกณฑ์จำนวนราษฎรตามหลักฐาน
การทะเบียนราษฎรที่กระทรวงมหาดไทยประกาศครั้งสุดท้ายก่อนวันประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มี
การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครกับต้องแบ่งพื้นที่ของแต่ละเขตเลือกตั้งให้ติดต่อกันแต่ต้อง
ไม่นำพื้นที่ของเขตหนึ่งไปรวมกับเขตอื่นหรือนำพื้นที่เพียงบางส่วนของแขวงหนึ่งไปรวมกับแขวงอื่น
ในการนี้ มิให้นำมาตรา 5 และมาตรา 6 มาใช้บังคับ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากมาตรา 125 แห่ง
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 บัญญัติให้ดำเนินการให้มี
กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครภายใน
สองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 105 ตอนที่ 78 หน้า 1  13 พฤษภาคม 2531)