พระราชบัญญัติ
                  สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
                         พ.ศ. 2530
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
               ให้ไว้ ณ วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2530
                   เป็นปีที่ 42 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
พ.ศ. 2530"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
           "อุตสาหกรรม" หมายความว่า วิสาหกิจซึ่งทำ ผลิตประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อม
บำรุง ทดลอง ทดสอบ ปรับปรุง ดัดแปลงหรือแปรสภาพสินค้า
           "ข้อบังคับ" หมายความว่า ข้อบังคับของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
           "สมาชิก" หมายความว่า สมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
           "กรรมการ" หมายความว่า กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
           "พนักงาน" หมายความว่า พนักงานและลูกจ้างของสภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย
           "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตาม
พระราชบัญญัตินี้
           "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้
มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ และกำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 5 ให้จัดตั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยขึ้น มีอำนาจหน้าที่ตามวัตถุประสงค์ที่
กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
   ให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นนิติบุคคล

   มาตรา 6 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
           (1) เป็นตัวแทนของผู้ประกอบอุตสาหกรรมภาคเอกชนในการประสานนโยบาย
และดำเนินงานระหว่างเอกชนกับรัฐ
           (2) ส่งเสริมและพัฒนาการประกอบอุตสาหกรรม
           (3) ศึกษาและหาทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการประกอบอุตสาหกรรมและกิจการที่
เกี่ยวข้อง
           (4) ส่งเสริม สนับสนุนการศึกษา วิจัย วิเคราะห์ทดสอบ ทดลอง อบรม
เผยแพร่วิชาการและเทคโนโลยีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมให้แก่สมาชิก และอาจจัดเป็นบริการแก่
สาธารณชนด้วยก็ได้
           (5) ตรวจสอบสินค้า ออกใบรับรองแหล่งกำเนิดหรือใบรับรองคุณภาพของสินค้า
           (6) ให้คำปรึกษาและเสนอข้อแนะนำแก่รัฐบาลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจด้าน
อุตสาหกรรมของประเทศ
           (7) ส่งเสริมนักอุตสาหกรรมแลเป็นแหล่งกลางสำหรับนักอุตสาหกรรมประเภท
ต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอันจะเป็นประโยชน์ต่อวงการอุตสาหกรรม
           (8) ควบคุมดูแลให้สมาชิกปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบอุตสาหกรรม
และกิจการที่เกี่ยวข้อง เพื่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิของวงการอุตสาหกรรม
           (9) ปฏิบัติกิจการอื่น ๆ ตามแต่จะมีกฎหมายระบุให้เป็นหน้าที่ของสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือตามที่ทางราชการมอบหมาย

   มาตรา 7 ห้ามสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกระทำการใด ๆดังต่อไปนี้
           (1) ประกอบวิสาหกิจ เข้าดำเนินการในการประกอบวิสาหกิจของบุคคลใดเข้า
ถือหุ้น เป็นหุ้นส่วนหรือร่วมทุนในการประกอบวิสาหกิจบุคคลใด เว้นแต่เป็นการประกอบวิสาหกิจ
เพียงเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยตามมาตรา 6
           (2) ดำเนินการด้วยประการใด ๆ ในอันที่จะกดราคาสินค้าหรือค่าบริการให้
ตกต่ำหรือทำให้สูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดปั่นป่วนเกี่ยวกับราคาสินค้าหรือค่าบริการ
           (3) ดำเนินการด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายการแข่งขันอันพึงมีตามปกติ
วิสัยของการประกอบวิสาหกิจ เว้นแต่เป็นการกระทำเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของประเทศ
           (4) ดำเนินการด้วยประการใด ๆ อันอาจเป็นภัยต่อเศรษฐกิจ ความมั่นคงของ
ประเทศ หรือต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
           (5) ให้กู้ยืมเงินหรือให้เงินแก่สมาชิกหรือบุคคลอื่นใดเว้นแต่เป็นการให้กู้ยืมเพื่อ
เป็นการสงเคราะห์พนักงานหรือครอบครัวของพนักงานตามข้อบังคับ หรือเป็นการให้เพื่อการกุศล
สาธารณะ หรือตามหน้าที่ศีลธรรม หรือตามควรแก่อัธยาศัยในสังคม
           (6) กีดกันหรือขัดขวางมิให้ผู้ใดซึ่งมีคุณสมบัติที่จะเป็นสมาชิกได้ตามพระราชบัญญัติ
และข้อบังคับเข้าเป็นสมาชิก หรือให้สมาชิกออกจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยขัดต่อ
พระราชบัญญัติหรือข้อบังคับ
           (7) แบ่งปันผลกำไรหรือรายได้ให้แก่สมาชิก
           (8) ดำเนินการทางการเมือง

   มาตรา 8 ให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร และมี
สำนักงานสาขาในจังหวัดอื่นได้ตามความจำเป็น
   การจัดตั้งสำนักงานสาขาตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามข้อบังคับ

   มาตรา 9 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยอาจจัดให้สมาชิกที่ประกอบอุตสาหกรรมหรือ
ส่งเสริมการประกอบอุตสาหกรรมประเภทหรือชนิดเดียวกันหรือใกล้เคียงกันอยู่ในกลุ่มสมาชิก
เดียวกันได้ เรียกว่า "กลุ่มอุตสาหกรรม" และอาจจัดให้สมาชิกที่ประกอบอุตสาหกรรมหรือ
ส่งเสริมการประกอบอุตสาหกรรมในเขตท้องที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกันอยู่ในกลุ่มสมาชิกเดียวกัน
ได้ เรียกว่า "กลุ่มท้องที่"
   การจัดกลุ่มสมาชิกดังกล่าวให้เป็นไปตามข้อบังคับ

   มาตรา 10 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยอาจมีรายได้ดังต่อไปนี้
           (1) ค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงของสมาชิก
           (2) ทรัพย์สินที่มีผู้ยกให้
           (3) เงินรายได้อื่น ๆ

   มาตรา 11 ห้ามบุคคลใดนอกจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยใช้ชื่อที่เป็นภาษาไทยว่า
"สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย" หรืออักษรต่างประเทศที่แปลหรืออ่านว่า "สภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย"

   มาตรา 12 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีสมาชิกสองประเภท คือ
           (1) สมาชิกสามัญ
           (2) สมาชิกสมทบ
   สมาชิกทั้งสองประเภทมีสิทธิและหน้าที่ตามที่กำหนดในข้อบังคับ

   มาตรา 13 สมาชิกสามัญของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
           (1) เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และประกอบอุตสาหกรรม โดยมี
โรงงานที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานแล้ว หรือ
           (2) เป็นสมาคมการค้าที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสมาคมการค้า และมี
วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการประกอบอุตสาหกรรม

   มาตรา 14 สมาชิกสมทบของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
           (1) เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งประกอบอุตสาหกรรมหรือวิสาหกิจอื่นในราชอาณาจักร
           (2) เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและมิใช่สมาคมการค้าตามมาตรา 13
(2) หรือ
           (3) เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งมีผลงานทางวิชาการหรือเทคโนโลยีเกี่ยวกับ
อุตสาหกรรม และมีคุณสมบัติอื่นตามที่กำหนดในข้อบังคับ

   มาตรา 15 ให้มีคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยคณะหนึ่ง มีจำนวนตามที่
กำหนดในข้อบังคับ ประกอบด้วย
           (1) กรรมการประเภทเลือกตั้ง ซึ่งที่ประชุมสมาชิกสามัญเลือกตั้งจากผู้แทน
สมาชิกสามัญมีจำนวนสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด
           (2) กรรมการประเภทแต่งตั้งมีจำนวนหนึ่งในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด
ซึ่งกรรมการประเภทเลือกตั้งตาม (1) เป็นผู้แต่งตั้งจากรายชื่อผู้แทนสมาชิกสามัญที่สำนักงาน
สาขาหรือกลุ่มอุตสาหกรรมหรือกลุ่มท้องที่เสนอตามวิธีการที่กำหนดในข้อบังคับ
   ให้คณะกรรมการทั้งสองประเภทข้างต้นเลือกกรรมการเป็นประธานสภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทยคนหนึ่ง รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยคนหนึ่งหรือหลายคน
เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยคนหนึ่ง และตำแหน่งอื่น ๆ ตามที่กำหนดในข้อบังคับ

   มาตรา 16 ห้ามผู้แทนสมาชิกสามัญผู้มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ เป็นกรรมการ
           (1) เป็นพนักงานของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
           (2) เป็นบุคคลล้มละลาย
           (3) เป็นข้าราชการประจำหรือข้าราชการการเมืองยกเว้นกรณีตามมาตรา 41
           (4) เป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
           (5) เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้
จำคุก เว้นแต่ในความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

   มาตรา 17 กรรมการมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี วิธีการดำรงตำแหน่งให้เป็นไป
ตามที่กำหนดในข้อบังคับ

   มาตรา 18 นอกจาการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 17 กรรมการพ้นจากตำแหน่ง
เมื่อ
           (1) ตาย
           (2) ลาออก
           (3) ที่ประชุมใหญ่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีมติให้ออกด้วยคะแนนเสียง
ไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกสามัญที่มาประชุม
           (4) ในกรณีเป็นผู้แทนสมาชิกสามัญตามมาตรา 15 (1) และพ้นจากตำแหน่งผู้แทน
สมาชิกสามัญนั้น หรือสมาชิกสามัญนั้นพ้นจากสมาชิกภาพ
           (5) ในกรณีเป็นผู้แทนสำนักงานสาขา ผู้แทนกลุ่มอุตสาหกรรมหรือกลุ่มท้องที่ตาม
มาตรา 15 (2) และพ้นจากตำแหน่งผู้แทนนั้น
           (6) มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 16
           (7) รัฐมนตรีโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 33

   มาตรา 19 เมื่อกรรมการที่ได้รับเลือกตั้งตามมาตรา 15 (1) พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ
ให้คณะกรรมการเลือกผู้แทนสมาชิกสามัญเป็นกรรมการแทนภายในหกสิบวัน เว้นแต่วาระของ
กรรมการผู้นั้นจะเหลือน้อยกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
   ในกรณีที่กรรมการที่ได้รับแต่งบตั้งตามมาตรา 15 (2) พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้ดำเนิน
การตามมาตรา 15 (2) ภายในหกสิบวันเว้นแต่วาระของกรรมการผู้นั้นจะเหลือน้อยกว่าหนึ่ง
ร้อยแปดสิบวัน
   บุคคลซึ่งเข้าเป็นกรรมการแทนตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่าวาระ
ที่ยังเหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน

   มาตรา 20 ในกรณีที่กรรมการทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งนอกจากการพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะตาม
มาตรา 33 ให้กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งยังคงรักษาการในตำแหน่งเพื่อดำเนินกิจการของสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยต่อไปเท่าที่จำเป็นจนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่เข้ารับหน้าที่
   กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่งต้องจัดให้มีการประชุมสมาชิกสามัญ เพื่อให้มี
คณะกรรมการชุดใหม่ตามมาตรา 15 ภายในสามสิบวันนับแต่วันพ้นจากตำแหน่ง
   ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงจนเหลือจำนวนน้อยกว่าที่จะเป็นองค์ประชุมตามมาตรา
22 ให้กรรมการที่เหลืออยู่กระทำการในนามของคณะกรรมการต่อไปได้แต่เฉพาะการจัดให้มี
การประชุมเพื่อเลือกตั้งหรือแต่งตั้งผู้แทนสมาชิกสามัญเป็นกรรมการแทนตามมาตรา 19 และการ
จัดให้มีการประชุมใหญ่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

   มาตรา 21 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและดำเนินงานของสภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทยให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตามมาตรา
6 รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
           (1) ออกข้อบังคับเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ของสมาชิกการรับสมัคร คุณสมบัติ วินัย
การลงโทษสมาชิกและการพ้นจากสมาชิกภาพ รวมทั้งการอุทธรณ์
           (2) ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการเลือกตั้งคณะกรรมการ
           (3) ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการประชุมและดำเนินกิจการของคณะกรรมการและ
การประชุมใหญ่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
           (4) ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการจัดตั้งและการดำเนินกิจการของสำนักงานสาขา
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยตามมาตรา 8
           (5) ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการจำแนกกลุ่มสมาชิกตามมาตรา 9 การเลือกตั้ง
หรือแต่งตั้งกรรมการกลุ่มสมาชิก การประชุมและดำเนินการของสาขาอุตสาหกรรม ตลอดจน
กิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
           (6) ออกข้อบังคับกำหนดค่าลงทะเบียน ค่าบำรุงและค่าบริการที่จะพึงเรียกเก็บ
จากสมาชิกหรือบุคคลภายนอก
           (7) ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการบัญชีและการเงินของสภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย
           (8) ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการบรรจุ การแต่งตั้งการถอดถอน การกำหนด
ตำแหน่ง อัตราเงินเดือน ค่าจ้าง และเงินบำเหน็จรางวัลพนักงาน รวมทั้งระเบียบ วินัย
การลงโทษและการร้องทุกข์ของพนักงาน
           (9) ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการสงเคราะห์พนักงานตลอดจนครอบครัวของบุคคล
ดังกล่าว หรือผู้ซึ่งพ้นจากการเป็นพนักงาน
          (10) ออกระเบียบหรือข้อบังคับในเรื่องอื่นใดที่จำเป็นต่อการดำเนินงานภายใน
เกี่ยวกับกิจการของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
          (11) ให้คำปรึกษา แนะนำ ชี้แจง และอำนวยความสะดวกแก่สมาชิกในการ
ประกอบอุตสาหกรรม
          (12) เสนอแนะให้ความเห็นและให้คำปรึกษาแก่รัฐมนตรีในเรื่องที่เกี่ยวกับการ
ประกอบอุตสาหกรรม
   การกำหนดหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับตาม (1)(2)(3) และ(6) ต้องได้รับอนุมัติจาก
ที่ประชุมใหญ่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยก่อน และการกำหนดหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลง
ข้อบังคับตาม (2) และ (6) เมื่อได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีแล้วจึงให้ใช้บังคับได้

   มาตรา 22 การประชุมของคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ
จำนวนกรรมการทั้งหมดตามมาตรา 15 จึงจะเป็นองค์ประชุม
   ให้ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รองประธานสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นประธานในที่ประชุม
   ถ้าประธานและรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการซึ่งเป็นสมาชิกสามัญคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
   การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือตามเสียงข้างมาก
   กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานใน
ที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
   ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้ามีการพิจารณาเรื่องใดที่เกี่ยวกับตัวกรรมการผู้ใด กรรมการ
ผู้นั้นมีสิทธิชี้แจงในเรื่องนั้น แต่ไม่มีสิทธิออกเสียง

   มาตรา 23 ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
เป็นผู้แทนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
   การดำเนินกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอกให้เป็นไปตามที่กำหนดในข้อบังคับ

   มาตรา 24 ให้คณะกรรมการจัดให้มีการประชุมใหญ่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยปีละ
หนึ่งครั้ง การประชุมใหญ่เช่นนี้เรียกว่าประชุมสามัญ
   การประชุมใหญ่คราวอื่นนอกจากการประชุมตามวรรคหนึ่ง เรียกว่าประชุมวิสามัญ

   มาตรา 25 เมื่อมีเหตุจำเป็น คณะกรรมการจะเรียกประชุมวิสามัญเมื่อใดก็ได้
   สมาชิกสามัญจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกสามัญจะทำหนังสือร้องขอต่อ
คณะกรรมการให้เรียกประชุมวิสามัญก็ได้ในหนังสือร้องขอนั้นต้องระบุว่าประสงค์ให้เรียกประชุม
เพื่อการใด
   ในกรณีที่สมาชิกสามัญเป็นผู้ร้องขอให้เรียกประชุมวิสามัญตามวรรคสอง ให้คณะกรรมการ
เรียกประชุมวิสามัญภายในสามสิบวันนับแต่วันที่รับหนังสือร้องขอ

   มาตรา 26 ในการประชุมใหญ่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยต้องมีสมาชิกสามัญมาประชุม
ไม่น้อยกว่าหนึ่งในแปดของจำนวนสมาชิกสามัญจึงจะเป็นองค์ประชุม
   การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือตามเสียงข้างมากของสมาชิกสามัญซึ่งมาประชุม

   มาตรา 27 ในการประชุมใหญ่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยถ้าสมาชิกสามัญมาประชุม
ไม่ครบองค์ประชุม ให้เลื่อนการประชุมนั้นออกไปอีกครั้งหนึ่ง โดยให้ประธานสภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทยแจ้งวันประชุมครั้งใหม่ให้สมาชิกสามัญทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
การประชุมใหญ่ครั้งใหม่นี้ถ้าเป็นการประชุมที่คณะกรรมการเรียกไม่ว่าจะมีสมาชิกสามัญมาประชุม
จำนวนเท่าใดให้ถือเป็นองค์ประชุมได้ แต่การประชุมในครั้งนี้ให้ดำเนินการได้เฉพาะ มาตรา
28 และมาตรา 29 เท่านั้น

   มาตรา 28 ให้คณะกรรมการจัดทำรายงานประจำปีแสดงผลงานของคณะกรรมการในปีที่ล่วง
มา และคำชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายเสนอต่อที่ประชุมสามัญพร้อมด้วยงบดุลและบัญชีรายได้และ
รายจ่ายประจำปี ซึ่งมีผู้สอบบัญชีรับรองภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน และให้ส่ง
สำเนาเอกสารดังกล่าวไปยังรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ที่ประชุมสามัญรับรองแล้ว

   มาตรา 29 ผู้สอบบัญชีตามมาตรา 28 นั้น ให้ที่ประชุมใหญ่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
แต่งตั้งจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชี และต้องไม่เป็นกรรมการหรือ
พนักงาน
   ให้ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบสรรพสมุดบัญชี และเอกสารหลักฐานของสภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย และขอคำชี้แจงจากกรรมการและพนักงานได้
   ให้ผู้สอบบัญชีได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่ที่ประชุมใหญ่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
กำหนด

   มาตรา 30 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจดังต่อไปนี้
           (1) ควบคุมดูแลให้คณะกรรมการดำเนินการตามมาตรา 28
           (2) สั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานของสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
           (3) สั่งเป็นหนังสือให้กรรมการชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกิจการของสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และจะให้ส่งเอกสารเกี่ยวกับการดำเนินงานหรือรายงาน
การประชุมของคณะกรรมการด้วยก็ได้
           (4) สั่งเป็นหนังสือให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือกรรมการระงับหรือ
แก้ไขการกระทำใด ๆ ที่ปรากฏว่าขัดต่อกฎหมาย นโยบายของรัฐบาล หรือมติของคณะรัฐมนตรี
หรือข้อบังคับเมื่อสั่งการอย่างใดแล้วให้รายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ

   มาตรา 31 เพื่อปฏิบัติการตามคำสั่งของรัฐมนตรีตามมาตรา 30 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่
มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบเอกสารหรือหลักฐานในสำนักงานของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ได้ในระหว่างเวลาทำการหรือให้บุคคลซึ่งเกี่ยวข้องชี้แจงแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่ร้องขอ
   ในการปฏิบัติการของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้บุคคลซึ่งเกี่ยวข้องอำนวย
ความสะดวกตามสมควร

   มาตรา 32 ในการปฏิบัติการตามมาตรา 31 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงบัตรประจำตัวต่อ
บุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง
   บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนด

   มาตรา 33 เมื่อปรากฏว่าสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐมนตรี
ตามมาตรา 30 หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของสภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย หรือกระทำการใด ๆ อันอาจเป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจ ความมั่นคงของ
ประเทศหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ให้รัฐมนตรีโดยอนุมัติของ
คณะรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้กรรมการคนใดคนหนึ่งหรือทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ในกรณีเช่นนี้
กรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง ไม่มีสิทธิเป็นกรรมการอีก เว้นแต่จะพ้นกำหนดห้าปีนับแต่วันที่รัฐมนตรี
มีคำสั่ง

   มาตรา 34 ในกรณีที่รัฐมนตรีมีคำสั่งให้กรรมการทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 33 ให้
รัฐมนตรีแต่งตั้งบุคคลจากสมาชิกสามัญของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจำนวนไม่น้อยกว่าสิบ
ห้าคน แต่ไม่เกินยี่สิบเอ็ดคน เป็นคณะกรรมการชั่วคราวในวันเดียวกันกับวันที่รัฐมนตรีมีคำสั่งให้
กรรมการทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง และให้นำความในมาตรา 15 วรรคสองมาใช้บังคับโดยอนุโลม
   ให้คณะกรรมการชั่วคราวตามวรรคหนึ่ง มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการเพียงเท่าที่จำเป็น และ
ดำเนินการเรียกประชุมสมาชิกสามัญภายในหกสิบวันนับแต่วันที่รัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้ง
คณะกรรมการชั่วคราว เพื่อให้มีการเลือกตั้งและแต่งตั้งกรรมการคณะใหม่ตามมาตรา 15
   เมื่อกรรมการคณะใหม่เข้ารับหน้าที่แล้ว ให้คณะกรรมการชั่วคราวซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจาก
ตำแหน่ง

   มาตรา 35 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยฝ่าฝืนมาตรา 7 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
ห้าหมื่นบาท

   มาตรา 36 กรรมการผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 7 หรือกระทำการอันเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการกระทำนั้นเป็นภัยต่อเศรษฐกิจ ความมั่นคงของ
ประเทศ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
สามหมื่นบาท

   มาตรา 37 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 11 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกิน
สองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละหนึ่งร้อยบาทจนกว่าจะเลิกใช้

   มาตรา 38 ผู้ใดขัดขวางหรือไม่ชี้แจงหรือไม่อำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่ง
ปฏิบัติการตามมาตรา 31 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

   มาตรา 39 เมื่อพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับแล้ว ให้สมาคมอุตสาหกรรมไทยซึ่งจัดตั้งขึ้นตาม
กฎหมายว่าด้วยสมาคมการค้าเป็นอันยกเลิก และให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ และหนี้
ของสมาคมดังกล่าวที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเป็นของสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

   มาตรา 40 ให้พนักงานและลูกจ้างของสมาคมอุตสาหกรรมไทยซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย
ว่าด้วยสมาคมการค้าที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นพนักงานของ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กับให้ถือว่าเวลาทำงานของบุคคลดังกล่าวในสมาคม
อุตสาหกรรมไทยเป็นเวลาทำงานในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยไทยนับแต่วันที่
พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

   มาตรา 41 ให้คณะกรรมการสมาคมอุตสาหกรรมไทยซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสมาคม
การค้าที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและให้บุคคลซึ่ง
ไม่ได้เป็นสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยตามที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีจำนวนไม่เกินแปดคน
ประกอบเป็นคณะกรรมการคณะแรกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีอำนาจดำเนินการ
ตามมาตรา 21 และปฏิบัติการอย่างอื่นเพียงเท่าที่จำเป็น เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตาม
พระราชบัญญัตินี้และดำเนินการเรียกประชุมสมาชิกสามัญเพื่อเลือกตั้งกรรมการใหม่ตามมาตรา
15 (1) ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
   ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีความจำเป็น รัฐมนตรีจะขยายระยะเวลาให้ก็ได้ การ
ขยายระยะเวลาดังกล่าวให้ขยายได้ครั้งละไม่เกินหกสิบวัน แต่ทั้งนี้รวมกันไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวัน

   มาตรา 42 กรรมการใหม่ซึ่งได้รับเลือกตั้งตามมาตรา 41 ต้องดำเนินการแต่งตั้งกรรมการ
ตามมาตรา 15 (2) ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับเลือกตั้ง

   มาตรา 43 เมื่อเลือกตั้งและแต่งตั้งกรรมการตามมาตรา 41 และมาตรา 42 แล้ว
กรรมการคณะใหม่ต้องจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันแต่งตั้งกรรมการ
ตามมาตรา 15 (2) เพื่อดำเนินการตามมาตรา 15 วรรคสอง
   เมื่อได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้คณะกรรมการคณะแรกพ้นจากตำแหน่ง

   มาตรา 44 เมื่อพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับแล้ว ให้สมาชิกสมาคมอุตสาหกรรมไทยที่ดำรง
สมาชิกภาพอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นสมาชิกสภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย และให้คณะกรรมการคณะแรกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพิจารณาว่า
สมาชิกผู้ใดมีคุณสมบัติที่จะเป็นสมาชิกสามัญตามมาตรา 13 หรือสมาชิกสมทบตามมาตรา 14 และ
ให้ลงทะเบียนสมาชิกผู้นั้นเป็นสมาชิกสามัญหรือสมาชิกสมทบของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
แล้วแต่กรณี แล้วแจ้งให้สมาชิกผู้นั้นทราบ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันการ
ประกอบอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและทำรายได้ให้แก่ประเทศชาติมากขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการประกอบอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับแผนพัฒนา
เศรษฐกิจของประเทศ สมควรจัดตั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยขึ้นทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ
ผู้ประกอบอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ ในการประสานนโยบายและการดำเนินงานระหว่าง
เอกชนกับรัฐ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 104 ตอนที่ 269 หน้า 62  28 ธันวาคม 2530)