พระราชบัญญัติ
                   ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 3)
                         พ.ศ. 2530
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
               ให้ไว้ ณ วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2530
                   เป็นปีที่ 42 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.
2530"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ยกเลิกบทนิยามคำว่า "เสพ" ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติ
ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   ""เสพ" หมายความว่า การรับยาเสพติดให้โทษเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าด้วยวิธีใด"

   มาตรา 4 ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า "ติดยาเสพติดให้โทษ" และ "การบำบัดรักษา" ระหว่าง
บทนิยามคำว่า "เสพ" และ "สถานพยาบาล" ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
พ.ศ. 2522 ดังต่อไปนี้
   ""ติดยาเสพติดให้โทษ" หมายความว่า เสพเป็นประจำติดต่อกันและตกอยู่ในสภาพที่จำเป็น
ต้องพึ่งยาเสพติดให้โทษนั้น โดยสามารถตรวจพบสภาพเช่นว่านั้นได้ตามหลักวิชาการ
   "การบำบัดรักษา" หมายความว่า การบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดให้โทษ ซึ่งรวมตลอดถึงการ
ฟื้นฟูสมรรถภาพและการติดตามผลหลังการบำบัดรักษาด้วย"

   มาตรา 5 ให้ยกเลิกความใน (3) ของมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
พ.ศ. 2522 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "(3) ประเภท 3 ยาเสพติดให้โทษที่มีลักษณะเป็นตำรับยา และมียาเสพติดให้โทษใน
ประเภท 2 ผสมอยู่ด้วย ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา"

   มาตรา 6 ให้ยกเลิกความใน (6) ของมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
พ.ศ. 2522 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "(6) กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 ตามมาตรา 7 (3)"

   มาตรา 7 ให้ยกเลิกความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 20 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท
3 เว้นแต่ได้รับใบอนุญาต
   ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับแก่
   (1) การจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 ที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือ
ผู้ประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบันชั้นหนึ่งในสาขาทันตกรรมจำหน่ายเฉพาะผู้ป่วยซึ่งตนเป็นผู้ให้
การรักษา
   (2) การจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 ที่ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์ชั้นหนึ่ง
จำหน่ายเฉพาะสัตว์ที่ตนบำบัด
   ทั้งนี้ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบันชั้นหนึ่งสาขาทันตกรรม หรือ
ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์ชั้นหนึ่ง ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในมาตรา 19 (3)
   การขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่
กำหนดในกฎกระทรวง"

   มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในมาตรา 43 และมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติ
ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 43 ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้าซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 จะผลิตหรือ
นำเข้าซึ่งยาเสพติดให้โทษดังกล่าว ต้องนำตำรับยาเสพติดให้โทษนั้นมาขอขึ้นทะเบียนตำรับ
ยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน และเมื่อได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติด
ให้โทษแล้ว จึงจะผลิตหรือนำเข้าซึ่งยาเสพติดให้โทษนั้นได้
   การขอขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 และการออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียน
ตำรับยาเสพติดให้โทษดังกล่าว ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดใน
กฎกระทรวง

   มาตรา 44 ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้าซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 เมื่อได้รับใบสำคัญ
การขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษตามมาตรา 43 แล้ว จะแก้ไขรายการทะเบียนตำรับ
ยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 ดังกล่าวได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อนุญาต
   การขอแก้ไขรายการและการอนุญาตให้แก้ไขรายการทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษใน
ประเภท 3 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง"

   มาตรา 9 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 93 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
พ.ศ. 2522
   "มาตรา 93 ทวิ ผู้ใดยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือ
ยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 โดยฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุก
ตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาท
   ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 5
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท"

   มาตรา 10 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 94 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
พ.ศ. 2522
   "มาตรา 94 ทวิ ผู้ใดบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดให้โทษเป็นปกติธุระโดยใช้ยาตามกฎหมาย
ว่าด้วยยา วัตถุออกฤทธิ์ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท หรือ
ยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ซึ่งมิได้กระทำในสถานพยาบาลไม่ว่าจะได้
รับประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ"

   มาตรา 11 ให้ยกเลิกความในมาตรา 101 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.
2522 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 101 ในกรณีที่มีการยึดยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท
3 ตามมาตรา 49 (2) หรือตามกฎหมายอื่นและไม่มีการฟ้องคดีต่อศาล ถ้าไม่มีผู้ใดมาอ้างว่า
เป็นเจ้าของภายในกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ยึด ให้ยาเสพติดให้โทษนั้นตกเป็นของ
กระทรวงสาธารณสุข"

   มาตรา 12 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 101 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
พ.ศ. 2522
   "มาตรา 101 ทวิ ในกรณีที่มีการยึดยาเสพติดให้โทษในประเภท4 หรือประเภท 5 ตาม
มาตรา 49 (2) หรือตามกฎหมายอื่น ไม่ว่าจะมีการฟ้องคดีต่อศาลหรือไม่ก็ตาม เมื่อได้มี
การตรวจพิสูจน์ชนิดและปริมาณแล้วว่าเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภทดังกล่าว โดยบันทึกราย
งานการตรวจพิสูจน์ไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายทำลาย
หรือนำไปใช้ประโยชน์ได้ตามระเบียบที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด"

   มาตรา 13 ให้ยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
และให้ใช้อัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัตินี้แทน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติ
ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มิได้นิยามคำว่า "เสพ" ให้แตกต่างจากคำว่า "ติดยาเสพติดให้
โทษ" และมิได้นิยามคำว่า "บำบัดรักษา" ไว้ ซึ่งทำให้มีปัญหาในทางปฏิบัติ และบทบัญญัติ
บางประการเกี่ยวกับความหมายและการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 และการยึด
ยาเสพติดให้โทษในประเภทต่าง ๆ ยังไม่เหมาะสมกับทางปฏิบัติในปัจจุบัน ตลอดจนยังไม่มีบท
กำหนดโทษสำหรับผู้ที่ยุยงส่งเสริมหรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้
ความสะดวกในการที่ผู้อื่นเสพยาเสพติดให้โทษโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ และไม่มี
บทกำหนดโทษสำหรับผู้ที่บำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดให้โทษเป็นปกติธุระโดยมิได้กระทำใน
สถานพยาบาลตามพระราชบัญญัตินี้ สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.
2522 โดยนิยามถ้อยคำดังกล่าวให้ชัดเจน และแก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับความหมายและ
การจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 และการยึดยาเสพติดให้โทษให้เหมาะสมและตรงกับ
ทางปฏิบัติยิ่งขึ้นตลอดจนเพิ่มบทกำหนดโทษสำหรับกรณีเช่นว่านั้น และสมควรปรับปรุงอัตรา
ค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติ ฯ ด้วยเพื่อให้สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาต
จำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 และใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษใน
ประเภท 4 ได้จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 104 ตอนที่ 269 หน้า 49  28 ธันวาคม 2530)
   อัตราค่าธรรมเนียม
 (1) ใบอนุญาตจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 2  ฉบับละ    500 บาท
 (2) ใบอนุญาตจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 3  ฉบับละ    500 บาท
 (3) ใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ
     ในประเภท 2                           ฉบับละ    100 บาท
 (4) ใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ
     ในประเภท 4                           ฉบับละ    100 บาท
 (5) ใบอนุญาตผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 3
     หรือประเภท 4                          ฉบับละ  3,000 บาท
 (6) ใบอนุญาตนำเข้าซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 3
     หรือประเภท 4                          ฉบับละ  3,000 บาท
 (7) ใบอนุญาตส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 3
     หรือประเภท 4                          ฉบับละ    100 บาท
 (8) ใบอนุญาตนำเข้าหรือส่งออกแต่ละครั้งซึ่ง
     ยาเสพติดให้โทษในประเภท 3               ฉบับละ     50 บาท
 (9) ใบอนุญาตจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพ
     ติดให้โทษในประเภท 2 เกินปริมาณที่ รัฐมนตรี
     กำหนดตามมาตรา 60                     ฉบับละ    100 บาท
(10) ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษ
     ในประเภท 3                           ฉบับละ  1,000 บาท
(11) ใบแทนใบอนุญาต                         ฉบับละ     50 บาท
(12) ใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติด
     ให้โทษในประเภท 3                      ฉบับละ     50 บาท
(13) การอนุญาตให้แก้ไขรายการทะเบียนตาม
     มาตรา 44                             ครั้งละ    500 บาท
(14) การต่ออายุใบอนุญาตหรือใบสำคัญการขึ้น
     ทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษ               ครั้งละเท่ากับค่า
                                          ธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาต
                                          หรือใบสำคัญนั้น