พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2530 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2530 เป็นปีที่ 42 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยมหิดล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2530"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิก (1) พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2512 (2) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 183 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 (3) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 197 ลงวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2515 บรรดาบทกฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัด หรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา 4 ให้มหาวิทยาลัยมหิดลซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2512 เป็นมหาวิทยาลัยมหิดลตามพระราชบัญญัตินี้ และเป็นนิติบุคคล
มาตรา 5 ในพระราชบัญญัตินี้ "มหาวิทยาลัย" หมายความว่า มหาวิทยาลัยมหิดล "สภามหาวิทยาลัย" หมายความว่า สภามหาวิทยาลัยมหิดล
มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และมีอำนาจ ออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้
มาตรา 7 ให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษา มีวัตถุประสงค์ให้การศึกษาส่งเสริม การศึกษา และวิจัยที่เป็นไปเพื่อสนองความต้องการของประเทศชาติ ผลิตบุคลากรที่มี ความสามารถในวิชาชีพและเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม ให้บริการทางวิชาการแก่สังคมและทนุบำรุง ศิลปะและวัฒนธรรม
มาตรา 8 มหาวิทยาลัยอาจแบ่งส่วนราชการ ดังนี้ (1) สำนักงานอธิการบดี (2) บัณฑิตวิทยาลัย (3) คณะ (4) วิทยาลัย (5) สถาบัน มหาวิทยาลัยอาจให้มีศูนย์ สำนัก และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่าคณะ เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในมาตรา 7 เป็นส่วนราชการในมหาวิทยาลัยอีก ได้ สำนักงานอธิการบดีอาจแบ่งส่วนราชการเป็นกองและส่วนราชการที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง บัณฑิตวิทยาลัยและคณะอาจแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานคณบดี โรงพยาบาล ภาควิชา กอง และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชาหรือกอง วิทยาลัยอาจแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานผู้อำนวยการ ภาควิชา กอง และ ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชาหรือกอง สถาบัน ศูนย์ สำนัก และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ อาจแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานผู้อำนวยการ กอง และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มี ฐานะเทียบเท่ากอง สำนักงานคณบดี สำนักงานผู้อำนวยการ ภาควิชา กองและส่วนราชการที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชาหรือกองอาจแบ่งส่วนราชการออกเป็นแผนก และส่วนราชการ ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าแผนก โรงพยาบาลอาจแบ่งส่วนราชการออกเป็นกอง แผนกและส่วนราชการที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากองหรือแผนก
มาตรา 9 การจัดตั้ง การรวม การยุบ บัณฑิตวิทยาลัย คณะวิทยาลัย สถาบัน ศูนย์ สำนัก และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ ให้ทำเป็นพระราชกฤษฎีกา การแบ่งส่วนราชการตามมาตรา 8 ให้ทำเป็นประกาศทบวงมหาวิทยาลัย
มาตรา 10 ภายใต้วัตถุประสงค์ตามมาตรา 7 มหาวิทยาลัยอาจรับสถาบันวิชาการชั้นสูงและ สถาบันอื่นเข้าสมทบหรือเข้าร่วมในมหาวิทยาลัยได้ และมีอำนาจให้ปริญญาหรือวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จ การศึกษาจากสถาบันสมทบได้ การรับสถาบันวิชาการชั้นสูงและสถาบันอื่นเข้าสมทบการยกเลิกการเข้าสมทบ การรับสถาบันดังกล่าวเข้าร่วมและการยกเลิกการเข้าร่วม ให้เป็นไปตามข้อบังคับของ มหาวิทยาลัยและทำเป็นประกาศทบวงมหาวิทยาลัย การควบคุมและการกำกับสถาบันสมทบและสถาบันร่วมให้เป็นไปตามข้อบังคับของ มหาวิทยาลัย
มาตรา 11 นอกจากเงินที่กำหนดไว้ในงบประมาณแผ่นดินมหาวิทยาลัยอาจมีรายได้ ดังนี้ (1) เงินผลประโยชน์และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย (2) ทรัพย์สินที่มีผู้ให้แก่มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจะดำเนินการหารายได้เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในมาตรา 7 ก็ได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในข้อบังคับของมหาวิทยาลัย รายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมาย ว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
มาตรา 12 บรรดารายได้และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยจะต้องจัดการเพื่อประโยชน์และ วัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย ทรัพย์สินที่มีผู้ให้แก่มหาวิทยาลัยจะต้องจัดการตามเงื่อนไขที่ผู้ให้กำหนดไว้ และ ตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย
มาตรา 13 ให้มีสภามหาวิทยาลัย ประกอบด้วย (1) นายกสภามหาวิทยาลัย ซึ่งจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง (2) อุปนายกสภามหาวิทยาลัย ได้แก่ อธิการบดีโดยตำแหน่ง (3) ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยโดยตำแหน่ง (4) กรรมการสภามหาวิทยาลัยจำนวนเจ็ดคน โดยการเลือกตั้งจากผู้ดำรง ตำแหน่งคณบดี ผู้อำนวยการวิทยาลัย ผู้อำนวยการสถาบัน ผู้อำนวยการศูนย์ ผู้อำนวยการสำนัก และหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ (5) กรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยการเลือกตั้งจากคณาจารย์ประจำ ผู้ได้ทำ การสอนในมหาวิทยาลัยมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีอีกจำนวนเจ็ดคน และ (6) กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสิบห้าคน ซึ่งจะทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งจากบุคคลภายนอกโดยคำแนะนำของนายกสภามหาวิทยาลัย อุปนายก สภามหาวิทยาลัยประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัย และกรรมการสภามหาวิทยาลัย ตาม (4) และ (5) คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ คุณสมบัติของผู้รับเลือกตั้งตลอดจนหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งกรรมการ สภามหาวิทยาลัย ตาม (4) และ (5) ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งรองอธิการบดีคนหนึ่งเป็นเลขานุการสภามหาวิทยาลัย โดยคำแนะนำของอธิการบดี
มาตรา 14 นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการ ดำรงตำแหน่งสองปี และอาจทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งอีกได้ กรรมการสภามหาวิทยาลัยตามมาตรา 13 (4) และ (5) มีวาระการดำรง ตำแหน่งสองปี และอาจได้รับเลือกตั้งอีกได้
มาตรา 15 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 14 นายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภามหาวิทยาลัยตามมาตรา 13(4) (5) และ (6) พ้นจากตำแหน่งเมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก (3) มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ถอดถอนเพราะขาดคุณสมบัติของ การเป็นนายกสภามหาวิทยาลัย หรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ (4) ขาดคุณสมบัติของการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยในประเภทนั้น ในกรณีที่นายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยตามมาตรา 13 (4) (5) หรือ (6) พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ และได้มีการเลือกตั้งหรือได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง ผู้ดำรงตำแหน่งแทนแล้ว ให้ผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งหรือผู้ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งอยู่ ในตำแหน่งเพียงเท่าวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน ในกรณีที่นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยพ้นจากตำแหน่งตามวาระ แต่ ยังมิได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ กับยังมิได้เลือกตั้งกรรมการสภามหาวิทยาลัยอื่นขึ้นใหม่ ให้นายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภามหาวิทยาลัยซึ่งพ้นจากตำแหน่ง ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้ง ได้มีการเลือกตั้งกรรมการสภามหาวิทยาลัยอื่นขึ้นใหม่
มาตรา 16 สภามหาวิทยาลัยมีอำนาจและหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของมหาวิทยาลัย และมีอำนาจและหน้าที่ดังนี้ (1) วางนโยบายเกี่ยวกับการศึกษา การวิจัย การให้บริการทางวิชาการแก่ สังคมและการทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม (2) วางระเบียบและออกข้อบังคับของมหาวิทยาลัย (3) พิจารณาการจัดตั้งการรวมและการยุบบัณฑิตวิทยาลัย คณะ วิทยาลัย สถาบัน ศูนย์ สำนัก และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ รวมทั้ง การแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการตามมาตรา 8 (4) พิจารณาการรับสถาบันเข้าสมทบและเข้าร่วมตลอดจนการยกเลิกการเข้า สมทบและการเข้าร่วม (5) พิจารณาและให้ความเห็นชอบโครงการและหลักสูตรการศึกษา ให้สอดคล้อง กับมาตรฐานที่ทบวงมหาวิทยาลัยกำหนด (6) อนุมัติให้ปริญญาและวุฒิบัตร (7) พิจารณาแต่งตั้งและถอดถอนรองอธิการบดีคณบดี รองคณบดี ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ หัวหน้าส่วนราชการและรองหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่าคณะผู้อำนวยการโรงพยาบาล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล หัวหน้าภาควิชา รองหัวหน้าภาควิชา หัวหน้าส่วนราชการและรองหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่าภาควิชาและศาสตราจารย์เกียรติคุณ (8) พิจารณาดำเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งและถอดถอน นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ และอธิการบดี (9) พิจารณาดำเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งและถอดถอน ศาสตราจารย์และศาสตราจารย์พิเศษ (10) พิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี (11) วางระเบียบเกี่ยวกับการบริหารการเงินและทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย (12) พิจารณาแต่งตั้งผู้ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรา 19 ให้รักษาราชการแทน อธิการบดีในกรณีที่ตำแหน่งอธิการบดีว่างลง (13) พิจารณาและให้ความเห็นในเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการของมหาวิทยาลัยตามที่ อธิการบดีเสนอ (14) ดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการของมหาวิทยาลัยที่มิได้ระบุให้เป็น อำนาจและหน้าที่ของผู้ใดโดยเฉพาะ
มาตรา 17 การดำเนินงานของสภามหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับของ มหาวิทยาลัย
มาตรา 18 ให้มีอธิการบดีคนหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบในการบริหารงานของ มหาวิทยาลัย ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ นโยบาย และวัตถุประสงค์ ของมหาวิทยาลัยและมีอำนาจและหน้าที่ ดังนี้ (1) เป็นผู้แทนมหาวิทยาลัยในกิจการทั่วไป (2) ควบคุมดูแลการบริหารงานด้านวิชาการ ด้านการบริหารงานบุคคล ด้าน การเงิน การพัสดุ สถานที่และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย (3) พัฒนามหาวิทยาลัย (4) เสนอแผนดำเนินงานและงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตลอดจนรายงาน เกี่ยวกับกิจการของมหาวิทยาลัยต่อสภามหาวิทยาลัย (5) ดำเนินการตามระเบียบและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย หรือตามที่ สภามหาวิทยาลัยมอบหมาย
มาตรา 19 อธิการบดีนั้น จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งโดยคำแนะนำของ สภามหาวิทยาลัยจากผู้ซึ่งมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ (1) ได้รับปริญญาเอกหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษาชั้นสูงอื่นที่ สภามหาวิทยาลัยรับรอง หรือ (2) ได้รับปริญญาระดับหนึ่งระดับใด หรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถาน ศึกษาชั้นสูงอื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง และได้สอนในมหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษาชั้นสูงอื่นที่ สภามหาวิทยาลัยรับรองรวมเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี หรือ (3) เคยดำรงตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยรวมเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสี่ปี หรือ (4) เคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ หรือศาสตราจารย์พิเศษ ของ มหาวิทยาลัย อธิการบดีมีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี และอาจทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งอีกได้แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้
มาตรา 20 ให้มหาวิทยาลัยมีรองอธิการบดี และอาจมีผู้ช่วยอธิการบดี เพื่อปฏิบัติราชการ ตามที่อธิการบดีจะมอบหมาย รองอธิการบดีต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง และต้องเป็น ข้าราชการพลเรือนของมหาวิทยาลัย โดยอธิการบดีเป็นผู้เสนอการแต่งตั้งและถอดถอนต่อ สภามหาวิทยาลัย ผู้ช่วยอธิการบดีต้องมีคุณสมบัติได้ปริญญาชั้นใดชั้นหนึ่งหรือเทียบเท่าจาก มหาวิทยาลัย หรือสถานศึกษาชั้นสูงอื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง และเป็นข้าราชการพลเรือนของ มหาวิทยาลัย โดยให้อธิการบดีเป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอน เมื่ออธิการบดีพ้นจากตำแหน่ง ให้รองอธิการบดีและผู้ช่วยอธิการบดีพ้นจาก ตำแหน่งด้วย อำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ หรือการปฏิบัติราชการที่อธิการบดีจะพึง ปฏิบัติหรือดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ หรือคำสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรี อธิการบดีจะมอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือให้รองอธิการบดีปฏิบัติราชการแทนก็ได้
มาตรา 21 ในกรณีที่อธิการบดีไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองอธิการบดีเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองอธิการบดีหลายคน ให้รองอธิการบดีผู้ซึ่งได้รับมอบหมายเป็นหนังสือจากอธิการบดีไว้ ล่วงหน้าเป็นผู้รักษาราชการแทน ในกรณีที่อธิการบดีไม่ได้มอบหมายให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้ง รองอธิการบดีคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองอธิการบดี หรือมี แต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งผู้ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง เป็นผู้รักษาราชการแทน
มาตรา 22 ให้มีสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยประกอบด้วยสมาชิกซึ่งคณาจารย์ประจำของ มหาวิทยาลัยเลือกตั้งจากคณาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัย สภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยมีหน้าที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่อธิการบดีและ หน้าที่อื่นตามที่สภามหาวิทยาลัยหรืออธิการบดีจะมอบหมาย จำนวนสมาชิก หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้ง และการดำเนินงานของสภา คณาจารย์มหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 23 ในบัณฑิตวิทยาลัย ให้มีคณบดีคนหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบในการบริหาร งานของบัณฑิตวิทยาลัย โดยให้สภามหาวิทยาลัยเป็นผู้พิจารณาแต่งตั้งจากข้าราชการพลเรือนของ มหาวิทยาลัยผู้ซึ่งได้รับปริญญาระดับหนึ่งระดับใด หรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษา ชั้นสูงอื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง คณบดีมีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรง ตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้
มาตรา 24 ให้บัณฑิตวิทยาลัยมีรองคณบดีเพื่อปฏิบัติราชการแทนคณบดีตามที่คณบดีจะมอบหมาย รองคณบดีต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 23 วรรคหนึ่งโดยคณบดีเป็นผู้เสนอ การแต่งตั้งและถอดถอนต่อสภามหาวิทยาลัย เมื่อคณบดีพ้นจากตำแหน่ง ให้รองคณบดีพ้นจากตำแหน่งด้วย อำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ หรือการปฏิบัติราชการที่คณบดีจะพึง ปฏิบัติหรือดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ หรือคำสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรี คณบดี จะมอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือให้รองคณบดีปฏิบัติราชการแทนก็ได้
มาตรา 25 ในกรณีที่คณบดีไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองคณบดีเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามี รองคณบดีหลายคน ให้รองคณบดีผู้ซึ่งได้รับมอบหมายเป็นหนังสือจากคณบดีไว้ล่วงหน้าเป็น ผู้รักษาราชการแทน ในกรณีที่คณบดีไม่ได้มอบหมายให้อธิการบดีแต่งตั้งรองคณบดีคนหนึ่งเป็นผู้ รักษาราชการแทน ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองคณบดี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ อธิการบดีแต่งตั้งผู้ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรา 23 วรรคหนึ่ง คนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ในกรณีที่คณบดีพ้นจากตำแหน่ง ให้อธิการบดีแต่งตั้งผู้ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรา 23 วรรคหนึ่ง คนหนึ่งรักษาราชการแทนคณบดี จนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งคณบดีใหม่
มาตรา 26 ในบัณฑิตวิทยาลัย ให้มีคณะกรรมการประจำบัณฑิตวิทยาลัย ดังนี้ (1) คณะกรรมการนโยบาย ประกอบด้วย อธิการบดีเป็นประธานกรรมการ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยเป็นรองประธานกรรมการคณบดี ผู้อำนวยการ และหัวหน้าส่วนราชการที่ เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ ซึ่งดำเนินการบัณฑิตศึกษา เป็นกรรมการ คณะกรรมการนโยบาย มีอำนาจและหน้าที่ ดังนี้ (ก) วางนโยบายและแผนงานบัณฑิตวิทยาลัยให้สอดคล้องกับนโยบายของ มหาวิทยาลัย (ข) ประสานงานระหว่างส่วนราชการ ที่ดำเนินการบัณฑิตศึกษา (2) คณะกรรมการดำเนินการ ประกอบด้วย คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย เป็น ประธานกรรมการ รองคณะบดีบัณฑิตวิทยาลัย และคณาจารย์หรือข้าราชการประจำของ ส่วนราชการที่ดำเนินการบัณฑิตศึกษาเป็นกรรมการ จำนวนและการได้มาซึ่งกรรมการจากคณาจารย์หรือข้าราชการประจำ วาระการ ดำรงตำแหน่ง รวมทั้งการดำเนินงานของคณะกรรมการประจำบัณฑิตวิทยาลัย ให้เป็นไปตาม ข้อบังคับของมหาวิทยาลัย คณะกรรมการดำเนินการ มีอำนาจและหน้าที่ดังนี้ (ก) ดำเนินงานตามนโยบายและแผนงานตามที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด (ข) ให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่คณบดี (ค) วางระเบียบปฏิบัติและออกข้อบังคับของบัณฑิตวิทยาลัย เกี่ยวกับงานบัณฑิต ศึกษาโดยไม่ขัดต่อระเบียบ ข้อบังคับและนโยบายของมหาวิทยาลัย (ง) พิจารณาเสนอเปิด หรือยุบโครงการบัณฑิตศึกษา หลักสูตรและรายละเอียด เกี่ยวกับหลักสูตรของบัณฑิตวิทยาลัย ต่อสภามหาวิทยาลัย (จ) พิจารณาดำเนินการวัดผล และประเมินผลบัณฑิตศึกษา
มาตรา 27 ในคณะ ให้มีคณบดีคนหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบในการบริหารงานของ คณะ คณะอาจมีรองคณบดีเพื่อปฏิบัติราชการแทนคณบดีตามที่คณบดีจะมอบหมาย
มาตรา 28 การแต่งตั้ง คุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่งของคณบดีและรองคณบดีตาม มาตรา 27 ตลอดจนการปฏิบัติราชการแทนการรักษาราชการแทนและการแต่งตั้ง ผู้รักษาราชการแทน ให้นำมาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 25 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 29 ในคณะ ให้มีคณะกรรมการประจำคณะ ประกอบด้วย (1) คณบดีเป็นประธานกรรมการ (2) รองคณบดีเป็นกรรมการ (3) หัวหน้าภาควิชา และหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่าภาควิชา ถ้ามี เป็นกรรมการ ในกรณีที่ไม่มีการแบ่งภาควิชาหรือมีไม่ถึงสี่ภาควิชา ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณาจารย์ ประจำในคณะนั้นเป็นกรรมการเพิ่มขึ้นให้ได้จำนวนสี่คน (4) กรรมการประเภทคณาจารย์ประจำจำนวนไม่เกินสี่คน วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการซึ่งสภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งตาม (3) จำนวนการได้มา ซึ่งกรรมการประเภทคณาจารย์ประจำ และวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการดังกล่าวตาม (4) ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ให้คณะกรรมการประจำคณะแต่งตั้งกรรมการคนหนึ่งเป็นเลขานุการ
มาตรา 30 คณะกรรมการประจำคณะมีอำนาจและหน้าที่ ดังนี้ (1) ให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่คณบดี (2) วางนโยบายและแผนงานของคณะให้สอดคล้องกับนโยบายของมหาวิทยาลัย (3) วางระเบียบปฏิบัติและออกข้อบังคับของคณะเกี่ยวกับงานของคณะโดยไม่ขัด ต่อระเบียบและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย (4) พิจารณาเสนอเปิดหรือยุบโครงการศึกษาหลักสูตรและรายละเอียดเกี่ยวกับ หลักสูตรของคณะต่อสภามหาวิทยาลัย (5) พิจารณาดำเนินการวัดผลและประเมินผลการศึกษาของคณะ การดำเนินงานของคณะกรรมการประจำคณะ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 31 ในวิทยาลัย สถาบัน ศูนย์ สำนัก หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่าคณะ ให้มีผู้อำนวยการหรือหัวหน้าส่วนราชการคนหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบใน การบริหารงานของวิทยาลัย สถาบัน ศูนย์ สำนัก หรือส่วนราชการที่เรียกชื่อย่างอื่นนั้น วิทยาลัย สถาบัน ศูนย์ สำนัก หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เทียบเท่าคณะอาจมีรองผู้อำนวยการหรือรองหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อปฏิบัติราชการแทน ผู้อำนวยการ หรือหัวหน้าส่วนราชการตามที่ผู้อำนวยการหรือหัวหน้าส่วนราชการจะมอบหมาย
มาตรา 32 การแต่งตั้ง คุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่งของผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ หัวหน้าส่วนราชการ และรองหัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 31 ตลอดจน การปฏิบัติราชการแทน การรักษาราชการแทน และการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนให้นำมาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 25 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 33 การดำเนินงานในวิทยาลัย สถาบัน ศูนย์ สำนักหรือส่วนราชการที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ ที่มิได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของ มหาวิทยาลัย
มาตรา 34 ในโรงพยาบาล ให้มีผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนหนึ่งซึ่งสภามหาวิทยาลัยแต่งตั้ง โดยคำแนะนำของคณบดีเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบในการบริหารงานของโรงพยาบาล และ อาจมีรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพื่อปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลตามที่ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะมอบหมาย การแต่งตั้ง คุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่งของผู้อำนวยการโรงพยาบาล และ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลตามวรรคหนึ่งตลอดจนการปฏิบัติราชการแทน การรักษาราชการ แทน และการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทน ให้นำมาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 25 มาใช้ บังคับโดยอนุโลม ให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นรองคณบดีโดยตำแหน่ง
มาตรา 35 ในภาควิชา ให้มีหัวหน้าภาควิชาคนหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบใน การบริหารงานของภาควิชา และอาจมีรองหัวหน้าภาควิชาคนหนึ่ง เพื่อปฏิบัติราชการแทนหัวหน้า ภาควิชาตามที่หัวหน้าภาควิชาจะมอบหมาย การแต่งตั้ง คุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่งของหัวหน้าภาควิชาและรองหัวหน้า ภาควิชาตามวรรคหนึ่ง ตลอดจนการปฏิบัติราชการแทน การรักษาราชการแทน และการแต่งตั้ง ผู้รักษาราชการแทนให้นำมาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 25 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 36 เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการในบัณฑิตวิทยาลัยคณะ วิทยาลัย สถาบัน ศูนย์ สำนัก โรงพยาบาล ภาควิชาและส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ หรือภาควิชา อำนาจในการสั่งการอนุญาต การอนุมัติ หรือการปฏิบัติราชการที่อธิการบดีจะพึง ปฏิบัติหรือดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งใด หรือมติของคณะรัฐมนตรีใน เรื่องใด ถ้ากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งนั้นหรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้น มิได้ กำหนดเรื่องการมอบอำนาจไว้เป็นอย่างอื่น อธิการบดีจะมอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือให้ผู้ดำรง ตำแหน่งคณบดี ผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล หัวหน้าภาควิชา และหัวหน้าส่วนราชการ ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ หรือภาควิชาปฏิบัติราชการแทนอธิการบดีเฉพาะใน ส่วนราชการนั้นก็ได้ ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนตามวรรคหนึ่งมีอำนาจและหน้าที่ตามที่อธิการบดีกำหนด
มาตรา 37 ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนและผู้รักษาราชการแทนตามมาตรา 20 วรรคห้า มาตรา 21 มาตรา 24 วรรคสี่ มาตรา 25 มาตรา 27 มาตรา 31 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง และ มาตรา 35 วรรคหนึ่ง มีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน ในกรณีที่มีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ผู้ ดำรงตำแหน่งใดเป็นกรรมการ หรือให้มีอำนาจและหน้าที่อย่างใด ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทน หรือผู้ รักษาราชการแทนทำหน้าที่กรรมการ หรือมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งนั้น ในระหว่างที่ปฏิบัติราชการแทนหรือรักษาราชการแทนด้วยแล้วแต่กรณี
มาตรา 38 ผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี รองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี คณบดี รองคณบดี ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล หัวหน้า ภาควิชา รองหัวหน้าภาควิชา หัวหน้าส่วนราชการและรองหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือภาควิชาต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มเวลา และจะดำรงตำแหน่ง ดังกล่าวเกินกว่าหนึ่งตำแหน่งในขณะเดียวกันมิได้ เว้นแต่กรณีตามมาตรา 34 ผู้ดำรงตำแหน่งตามวรรคหนึ่งอยู่หนึ่งตำแหน่งแล้ว จะรักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว อีกตำแหน่งหนึ่งก็ได้ แต่ต้องไม่เกินหกเดือน
มาตรา 39 วิธีการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยกรรมการ สภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ อธิการบดีคณบดี ผู้อำนวยการ หัวหน้าภาควิชา และหัวหน้า ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะหรือภาควิชา ให้เป็นไปตามข้อบังคับของ มหาวิทยาลัย
มาตรา 40 การพ้นจากตำแหน่งของอธิการบดี รองอธิการบดีผู้ช่วยอธิการบดี คณบดี รองคณบดี ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการหัวหน้าภาควิชา รองหัวหน้าภาควิชา หัวหน้า ส่วนราชการและรองหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ หรือภาควิชา นอกจากที่ได้บัญญัติไว้แล้ว ให้นำมาตรา 15 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 41 คณาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยมีตำแหน่งทางวิชาการ ดังนี้ (1) ศาสตราจารย์ (2) รองศาสตราจารย์ (3) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (4) อาจารย์ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการแต่งตั้ง และการเข้าดำรงตำแหน่งคณาจารย์ประจำ ของมหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย
มาตรา 42 สภามหาวิทยาลัยอาจพิจารณาดำเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งผู้ซึ่งมีความสามารถและชำนาญพิเศษและมิได้เป็นคณาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยเป็น ศาสตราจารย์พิเศษในสาขาวิชาที่ผู้นั้นมีความสามารถและชำนาญพิเศษได้ หลักเกณฑ์ในการเสนอเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ พิเศษ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 43 ศาสตราจารย์ซึ่งมีความรู้ ความสามารถ และความชำนาญเป็นพิเศษและพ้นจาก ตำแหน่งไปโดยไม่มีความผิด สภามหาวิทยาลัยอาจแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณในสาขา วิชาที่ศาสตราจารย์ผู้นั้นมีความเชี่ยวชาญเพื่อเป็นเกียรติยศก็ได้ คุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณ ให้กำหนดเป็น ข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 44 อธิการบดีอาจแต่งตั้งผู้ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและมิได้เป็นคณาจารย์ประจำของ มหาวิทยาลัยเป็นรองศาสตราจารย์พิเศษผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ และอาจารย์พิเศษได้ตาม คำแนะนำของคณบดีผู้อำนวยการ หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า คณะ หลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งรองศาสตราจารย์พิเศษผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ และ อาจารย์พิเศษตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 45 ปริญญามีสามระดับ คือ เอก เรียกว่า ดุษฎีบัณฑิต ให้อักษรย่อ ด. โท เรียกว่า มหาบัณฑิต ใช้อักษรย่อ ม. ตรี เรียกว่า บัณฑิต ใช้อักษรย่อ บ.
มาตรา 46 มหาวิทยาลัยมีอำนาจให้ปริญญาในสาขาวิชาที่มีการสอนในมหาวิทยาลัย การกำหนดระดับปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาให้ตราเป็น พระราชกฤษฎีกา
มาตรา 47 สภามหาวิทยาลัยอาจออกข้อบังคับของมหาวิทยาลัยกำหนดให้ผู้สำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาบัณฑิตให้รับปริญญาเกียรตินิยมได้
มาตรา 48 สภามหาวิทยาลัยอาจกำหนดให้มีวุฒิบัตร หรือเข็มเครื่องหมายของมหาวิทยาลัย ได้โดยออกเป็นข้อบังคับของมหาวิทยาลัยและประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 49 มหาวิทยาลัยมีอำนาจให้ปริญญากิตติมศักดิ์แก่ผู้ซึ่งสภามหาวิทยาลัยเห็นว่าทรง คุณวุฒิสมควรแก่ปริญญานั้น ประเภทและระดับของปริญญา วิธีการพิจารณาและการให้ปริญญากิตติมศักดิ์ให้เป็น ไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 50 มหาวิทยาลัยอาจกำหนดให้มีครุยประจำตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัย และ ครุยประจำตำแหน่งคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย และอาจกำหนดให้มีครุยวิทยฐานะและ เข็มวิทยฐานะเป็นเครื่องหมายแสดงวิทยฐานะของผู้ได้รับปริญญาและวุฒิบัตรได้ การกำหนดลักษณะ ชนิด ประเภท และส่วนประกอบของครุยประจำตำแหน่ง ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะ ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา โอกาสและเงื่อนไขในการใช้ครุยประจำตำแหน่งครุยวิทยฐานะ และ เข็มวิทยฐานะ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มาตรา 51 การกำหนดให้มีเครื่องแบบ เครื่องหมาย และเครื่องแต่งกายของนักศึกษา ให้ เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 52 ผู้ใดใช้ครุยประจำตำแหน่ง ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ เข็มเครื่องหมาย เครื่องแบบ เครื่องหมาย หรือเครื่องแต่งกายนักศึกษาของมหาวิทยาลัยโดยที่ตนไม่มีสิทธิที่จะใช้ หรือแสดงด้วยประการใด ๆ ว่าตนมีปริญญาหรือวุฒิบัตรของมหาวิทยาลัยโดยที่ตนไม่มี ถ้าได้ กระทำเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิที่จะใช้หรือมีวิทยฐานะเช่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน หกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 53 ให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา มีสถานภาพดังต่อไปนี้ (1) อธิการบดีและคณบดีดำรงตำแหน่งต่อไปให้ครบกำหนดการดำรงตำแหน่งตาม พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดลพ.ศ. 2512 (2) รองอธิการบดีและรองคณบดีดำรงตำแหน่งต่อไปชั่วระยะเวลาที่อธิการบดี หรือคณบดียังดำรงตำแหน่งอยู่ตาม (1) (3) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่ามีการแต่งตั้ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตามพระราชบัญญัตินี้ (4) ผู้อำนวยการสถาบัน ผู้อำนวยการสำนักและหัวหน้าภาควิชา หรือหัวหน้า ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ครบสี่ปี ดำรง ตำแหน่งต่อไปจนครบสี่ปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง (5) ผู้อำนวยการสถาบันและหัวหน้าภาควิชา หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา ซึ่งดำรงตำแหน่งครบสี่ปีแล้ว ดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะ ได้มีการแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันและหัวหน้าภาควิชา หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่อ อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา แล้วแต่กรณีตามพระราชบัญญัตินี้ (6) ผู้อำนวยการสถาบันซึ่งขาดคุณสมบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ดำรงตำแหน่งต่อไป จนครบสองปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง (7) ศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ และอาจารย์ เป็น ศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ และอาจารย์ต่อไป ตามพระราชบัญญัตินี้ (8) ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ศาสตราจารย์พิเศษและอาจารย์พิเศษเป็น ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ศาสตราจารย์พิเศษ และอาจารย์พิเศษต่อไป ตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 54 ผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี รองอธิการบดี คณบดีรองคณบดี ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ และหัวหน้าภาควิชาผู้ใดดำรงตำแหน่งดังกล่าวเกินกว่าหนึ่งตำแหน่งในวันที่ พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ผู้นั้นเลือกดำรงตำแหน่งได้เพียงตำแหน่งเดียว ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา 55 การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 53 (4) และผู้ดำรงตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากมาตรา 54 ให้กระทำให้เสร็จสิ้นภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา 56 ให้ผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยอยู่ใน วันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คงทำหน้าที่นายกสภามหาวิทยาลัย และ กรรมการสภามหาวิทยาลัยต่อไปจนกว่าจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งนายกสภา มหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ และมีการเลือกตั้งกรรมการ สภามหาวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้ บังคับ
มาตรา 57 ให้คณะกรรมการประจำคณะที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนครบวาระการดำรงตำแหน่ง และให้ดำเนินการให้ได้มาซึ่ง กรรมการประเภทคณาจารย์ประจำตามมาตรา 29 (4) ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา 58 ให้คณะกรรมการประจำสถาบันที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าสภามหาวิทยาลัยจะได้ออกข้อบังคับของมหาวิทยาลัย เกี่ยวกับการดำเนินงานในสถาบัน ซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้ บังคับ
มาตรา 59 การนับวาระการดำรงตำแหน่งของอธิการบดี คณบดีผู้อำนวยการและหัวหน้า ภาควิชา ให้นับวันที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามพระราชบัญญัตินี้เป็นวาระแรก
มาตรา 60 ในระหว่างที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกา ประกาศทบวงมหาวิทยาลัย ระเบียบหรือ ข้อบังคับของมหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัตินี้ออกใช้บังคับ ให้นำพระราชกฤษฎีกา ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรีประกาศทบวงมหาวิทยาลัย ระเบียบ หรือข้อบังคับของมหาวิทยาลัย แล้วแต่ กรณี ที่ใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามาใช้บังคับโดยอนุโลม ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พิชัย รัตตกุล รองนายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2512 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลาเกินสิบปีแล้ว และในขณะนี้การบริหาร งานของมหาวิทยาลัยในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปมาก สมควรปรับปรุงโครงสร้างและระบบ การบริหารมหาวิทยาลัยเพื่อให้การบริหารการศึกษามีความคล่องตัวและเหมาะสมกับสภาพการณ์ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม 104 ตอนที่ 229 หน้า 1 11 พฤศจิกายน 2530) |