พระราชบัญญัติ เครื่องแบบและบัตรประจำตัว เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2530 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2530 เป็นปีที่ 42 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบและบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ กรุงเทพมหานคร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติเครื่องแบบและบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2530"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติเครื่องแบบสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2516 บรรดาบทกฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัด หรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ "เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร" หมายความว่า ประธานสภากรุงเทพมหานคร รองประธานสภากรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานสภาเขต รองประธานสภาเขต สมาชิกสภาเขต เลขานุการประธานสภากรุงเทพมหานคร เลขานุการรองประธานสภากรุงเทพมหานคร เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานที่ปรึกษา และที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร "เครื่องแบบ" หมายความว่า เครื่องแต่งกายทั้งหลายรวมทั้งเครื่องหมายต่าง ๆ ตลอดจนสิ่งประกอบเครื่องแต่งกายอย่างอื่นที่ได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครแต่ง "บัตรประจำตัว" หมายความว่า บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร
มาตรา 5 ลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบ และระเบียบในการแต่งเครื่องแบบ แต่ละประเภท ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 6 ให้เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครมีบัตรประจำตัว
มาตรา 7 ผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัว คือ (1) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สำหรับตำแหน่งประธานสภา กรุงเทพมหานคร รองประธานสภากรุงเทพมหานครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร และรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (2) ประธานสภากรุงเทพมหานคร สำหรับตำแหน่งประธานสภาเขต รองประธานสภาเขต สมาชิกสภาเขต เลขานุการประธานสภากรุงเทพมหานคร และเลขานุการ รองประธานสภากรุงเทพมหานคร (3) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำหรับตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานที่ปรึกษา และที่ปรึกษา ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
มาตรา 8 การขอและการออกบัตรประจำตัว ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 9 บัตรประจำตัวให้ใช้ได้ตลอดไปจนกว่าจะพ้นจากตำแหน่ง
มาตรา 10 ถ้าเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครที่ได้รับบัตรประจำตัวตามพระราชบัญญัตินี้พ้นจาก ตำแหน่ง ให้เป็นอันหมดสิทธิที่จะใช้บัตรประจำตัวนั้นต่อไป และให้ผู้นั้นส่งมอบบัตรประจำตัวคืนให้ แก่ผู้ออกบัตรโดยยื่นต่อปลัดกรุงเทพมหานครภายในสามสิบวันนับแต่วันพ้นจากตำแหน่ง
มาตรา 11 ผู้ใดไม่มีสิทธิแต่งเครื่องแบบตามพระราชบัญญัตินี้ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ง เครื่องแบบนั้นเพื่อจะให้ผู้อื่นเชื่อว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 12 ผู้ใดใช้ หรือแสดงบัตรประจำตัว ซึ่งตนไม่มีสิทธิที่จะใช้ตามกฎหมาย ต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 13 บรรดาบัตรประจำตัวที่ได้ออกก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับให้คงใช้ได้ต่อไป และให้นำความในมาตรา 9 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 14 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้ มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ป. ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบัน พระราชบัญญัติเครื่องแบบสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2516 ไม่เหมาะสมกับกาลสมัยและ ไม่มีกฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวที่ใช้บังคับกับประธานสภากรุงเทพมหานคร รองประธาน สภากรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานสภาเขต รองประธานสภาเขต สมาชิกสภาเขต เลขานุการสภากรุงเทพมหานคร เลขานุการรองประธานสภากรุงเทพมหานคร เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ช่วย เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานที่ปรึกษา และที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร สมควรยกเลิกพระราชบัญญัติเครื่องแบบสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2516 และมีกฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้น จึงสมควรให้มี กฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบและบัตรประจำสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตรา พระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม 104 ตอนที่ 224 หน้า 14 6 พฤศจิกายน 2530) |