พระราชบัญญัติ
             วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (ฉบับที่ 4)
                         พ.ศ. 2530
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
               ให้ไว้ ณ วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2530
                   เป็นปีที่ 42 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์
(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2530"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ยกเลิกบทนิยามคำว่า "คลื่นแฮรตเซียน" "วิทยุกระจายเสียง"
"วิทยุโทรทัศน์" "บริการส่งวิทยุกระจายเสียง" และ"บริการส่งวิทยุโทรทัศน์" ในมาตรา 3 แห่ง
พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 และให้ใช้บทนิยามคำว่า"คลื่น
แฮรตเซียน" "วิทยุกระจายเสียง" และ "วิทยุโทรทัศน์" ต่อไปนี้แทน ตามลำดับ
   ""คลื่นแฮรตเซียน" หมายความว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ระหว่างสิบกิโลเฮิตซ์ถึง
สามล้านเมกกาเฮิตซ์ และให้หมายความรวมถึงกระแสไฟฟ้าที่มีความถี่ระหว่างสิบกิโลเฮิตซ์
ถึงสามล้านเมกกาเฮิตซ์ด้วย
   "วิทยุกระจายเสียง" หมายความว่า การส่งหรือการรับเสียงด้วยคลื่นแฮรตเซียน ไม่ว่า
โดยวิธีการแพร่กระจายไปในบรรยากาศหรือโดยวิธีการใช้สายหรือสื่อตัวนำไฟฟ้า หรือทั้งสอง
วิธีการรวมกัน
   "วิทยุโทรทัศน์" หมายความว่า การส่งหรือการรับภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวในลักษณะไม่
ถาวรด้วยคลื่นแฮรตเซียน ไม่ว่าโดยวิธีการแพร่กระจายไปในบรรยากาศ หรือโดยวิธีการใช้
สายหรือสื่อตัวนำไฟฟ้าหรือทั้งสองวิธีการรวมกัน"

   มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติ
วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498
   "แต่ในการดำเนินบริการส่งวิทยุกระจายเสียงหรือบริการส่งวิทยุโทรทัศน์ส่วนราชการหรือ
นิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง จะต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในมาตรา 25 (2)"

   มาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียง และ
วิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 5 ห้ามมิให้ผู้ใดส่งวิทยุกระจายเสียงหรือส่งวิทยุโทรทัศน์เพื่อให้บริการแก่สาธารณะ
หรือแก่ชุมชน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินบริการส่งวิทยุกระจายเสียงหรือบริการส่ง
วิทยุโทรทัศน์จากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต
   การส่งวิทยุกระจายเสียงหรือการส่งวิทยุโทรทัศน์ ที่กระทำโดยการทำให้คลื่นแฮรตเซียน
แพร่กระจายไปในบรรยากาศ ถ้าได้ทำการส่งโดยมีรายการแน่นอนสม่ำเสมอหรือเป็นประจำ
และบุคคลอื่นสามารถรับการส่งวิทยุนั้นได้โดยใช้เครื่องรับวิทยุกระจายเสียงหรือเครื่องรับวิทยุ
โทรทัศน์ที่ผู้ส่งจัดหาให้หรือที่มีจำหน่ายโดยทั่วไป ให้ถือว่าการส่งวิทยุนั้นเป็นการส่ง
วิทยุกระจายเสียงหรือการส่งวิทยุโทรทัศน์เพื่อให้บริการแก่สาธารณะหรือแก่ชุมชนตามความใน
วรรคหนึ่ง
   การส่งวิทยุกระจายเสียงหรือการส่งวิทยุโทรทัศน์ ที่กระทำโดยการทำให้คลื่นแฮรตเซียน
ผ่านไปทางสายหรือสื่อตัวนำไฟฟ้า ถ้าได้ทำการส่งโดยมีรายการแน่นอนสม่ำเสมอหรือเป็นประจำ
และบุคคลอื่นสามารถรับการส่งวิทยุนั้นได้โดยใช้เครื่องรับวิทยุกระจายเสียงหรือเครื่องรับ
วิทยุโทรทัศน์ที่ผู้ส่งจัดหาให้หรือที่มีจำหน่ายโดยทั่วไป ไม่ว่าเครื่องรับนั้นจะมีความจำเป็นต้อง
ดัดแปลงหรือติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมหรือไม่ก็ตามและถ้าการส่งวิทยุนั้นได้กระทำตามลักษณะหรือ
ขอบเขตตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้ถือว่าการส่งวิทยุนั้นเป็นการส่งวิทยุกระจายเสียงหรือ
การส่งวิทยุโทรทัศน์เพื่อให้บริการแก่สาธารณะหรือแก่ชุมชนตามความในวรรคหนึ่ง
   กฎกระทรวงที่ออกตามความในวรรคสาม ให้ใช้บังคับในวันที่ระบุในกฎกระทรวง แต่จะใช้
บังคับก่อนเก้าสิบวันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไม่ได้ กฎกระทรวงที่ออกมา
เปลี่ยนแปลงลักษณะและขอบเขตของการส่งวิทยุตามที่ได้มีกฎกระทรวงกำหนดไว้แล้ว ย่อมไม่
กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้รับใบอนุญาตอยู่แล้วก่อนวันที่กฎกระทรวงดังกล่าวใช้บังคับ และให้
ผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวดำเนินการต่อไปได้จนกว่าอายุใบอนุญาตนั้นจะสิ้นสุดลง"

   มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียง และ
วิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 17 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 5 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการดำเนินบริการ
ส่งวิทยุกระจายเสียงหรือบริการส่งวิทยุโทรทัศน์ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามความใน
มาตรา 25 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้ง
ปรับ และปรับเป็นรายวันอีกวันละสองพันบาทจนกว่าจะดำเนินการให้ถูกต้อง"

   มาตรา 7 ให้ยกเลิกความในมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและ
วิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและ
วิทยุโทรทัศน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2502 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 19 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 6 ในกรณีทำเครื่องรับวิทยุกระจายเสียงหรือส่วนใด ๆ แห่ง
เครื่องรับวิทยุกระจายเสียงตามที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือฝ่าฝืนมาตรา 7 ต้องระวางโทษ
จำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

   มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในมาตรา 20 มาตรา 21 และมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติ
วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 20 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 6 ในกรณีค้าเครื่องรับวิทยุกระจายเสียง หรือส่วนใด ๆ
แห่งเครื่องรับวิทยุกระจายเสียงตามที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือฝ่าฝืนมาตรา 8 ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 21 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 10 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสอง
หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 22 ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต นายทะเบียนหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ตามมาตรา 12 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

   มาตรา 9 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 22 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและ
วิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498
   "มาตรา 22 ทวิ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดซึ่งต้องรับโทษตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นนิติบุคคล
กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้รับผิดชอบในการดำเนินการของนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษตามที่กฎหมาย
กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า การกระทำของนิติบุคคลนั้นได้กระทำ
โดยตนมิได้รู้เห็นหรือยินยอมด้วย"

   มาตรา 10 ให้ยกเลิกความในมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและ
วิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 25 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอำนาจแต่งตั้ง
เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต และนายทะเบียนและออกกฎกระทรวงกำหนด
          (1) หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตตาม
พระราชบัญญัตินี้
          (2) เงื่อนไขการดำเนินบริการส่งวิทยุกระจายเสียงและบริการส่งวิทยุโทรทัศน์
ของผู้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ในเรื่องดังต่อไปนี้
             (ก) กำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินการและการควบคุมด้านรายการ
             (ข) กำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินการและการควบคุมการโฆษณาและบริการ
ธุรกิจ
             (ค) กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับลักษณะพึงประสงค์ทางเทคนิค ทั้งนี้เท่าที่ไม่ขัด
กับบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคม รวมทั้งกฎกระทรวง ระเบียบหรือข้อบังคับที่ออกตาม
กฎหมายดังกล่าว
             (ง) กำหนดคุณสมบัติของบุคคลที่ผู้รับใบอนุญาตจะรับเข้าเป็นหรือให้ทำหน้าที่
เป็นผู้จัดรายการ หรือผู้ดำเนินรายการในการส่งวิทยุกระจายเสียงและส่งวิทยุโทรทัศน์
             (จ) กำหนดเวลาให้สถานีทำการถ่ายทอดหรือออกอากาศรายการที่กำหนด
             (ฉ) กำหนดเงื่อนไข ข้อบังคับ หรือระเบียบที่จำเป็นต้องปฏิบัติในการส่ง
วิทยุกระจายเสียงและส่งวิทยุโทรทัศน์
          (3) หลักเกณฑ์และวิธีการเพิกถอนและพักใช้ใบอนุญาต
          (4) ค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้
          (5) กิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
          กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้"

   มาตรา 11 ให้บทนิยามคำว่า "บริการส่งวิทยุกระจายเสียง" และ "บริการส่งวิทยุโทรทัศน์"
ตามมาตรา 3 และบทบัญญัติมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์
พ.ศ. 2498 ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับอยู่ต่อไปสำหรับการบริการส่ง
วิทยุกระจายเสียงและการบริการส่งวิทยุโทรทัศน์ที่กระทำโดยการทำให้คลื่นแฮรตเซียนผ่านไป
ทางสายหรือสื่อตัวนำไฟฟ้า ทั้งนี้จนกว่ากฎกระทรวงกำหนดลักษณะหรือขอบเขตการส่งวิทยุ
ดังกล่าว ที่ออกตามความในมาตรา 5 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและ
วิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้จะใช้บังคับ

   มาตรา 12 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วย
วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว และโดยที่ปัจจุบันเทคโนโลยี
ในด้านนี้ได้วิวัฒนาการไปเป็นอันมาก บทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาตและควบคุมการดำเนิน
บริการส่งวิทยุกระจายเสียงและบริการส่งวิทยุโทรทัศน์ ที่ใช้บังคับอยู่มีลักษณะที่ไม่ชัดเจน ก่อให้
เกิดปัญหาได้แย้งเกี่ยวกับขอบเขตการใช้บังคับของกฎหมายทำให้การบังคับการให้เป็นไปตาม
กฎหมายไม่สามารถดำเนินไปได้ตามความมุ่งหมาย และโดยที่ปรากฏว่าอัตราโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน
บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวยังไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมากในปัจจุบัน ใน
การนี้สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ให้
เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 104 ตอนที่ 166 หน้า 1  21 สิงหาคม 2530)