พระราชบัญญัติ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดบ้านกลิ้ง ตำบลบางประแดง อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. 2530 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 เป็นปีที่ 42 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดบ้านกลิ้ง ตำบลบางประแดง อำเภอ บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดบ้านกลิ้ง ตำบลบางประแดง อำเภอบางปะอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. 2530"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดบ้านกลิ้ง ตำบลบางประแดง อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 2 แปลง แปลงที่ 1 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 97 ตารางวา แปลงที่ 2 เนื้อที่ 24 ตารางวา รวมเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 20 ตารางวา ภายในแนวเขตตาม แผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้แก่กรมชลประทาน
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ป. ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากการชลประทานได้ ทำการขุดคลองส่งน้ำสาย 1 ซ้าย - ส. 9 เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ตามโครงการ บางบาล ที่ตำบลบางประแดง อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และได้ทำการสำรวจ แล้วปรากฏว่า แนวเขตคลองส่งน้ำสายนี้ตอน กม. ที่ 1.378 ถึง กม. ที่ 1.463 ถูกที่ธรณีสงฆ์ วัดบ้านกลิ้ง ตำบลบางประแดง อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 2 แปลง แปลงที่1 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 97 ตารางวา ตามโฉนดที่ 3673 และแปลงที่ 2 เนื้อที่24 ตารางวา ตอนโฉนดที่ 3674 รวม 2 แปลง เป็นเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 21 ตารางวา ซึ่ง คณะกรรมการจัดซื้อและกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อการชลประทาน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้กำหนดค่าผาติกรรมเป็นค่าทดแทนแล้วกรมชลประทานจึงได้ติดต่อกับกรมการศาสนาเพื่อขอ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวให้แก่กรมชลประทาน และกรมการศาสนาได้นำเสนอ มหาเถรสมาคมพิจารณาแล้วไม่ขัดข้อง สมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวให้แก่กรม ชลประทาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (แผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ดูได้จาก ร.จ. เล่ม 104 ตอนที่ 152 หน้า 31 10 สิงหาคม 2530) |