พระราชบัญญัติ
                         โอนที่ธรณีสงฆ์ วัดพระพุทธ
                    ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
                           ให้แก่กรมชลประทาน
                              พ.ศ. 2529
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                     ให้ไว้ ณ วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2529
                         เป็นปีที่ 41 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
      โดยที่เป็นการสมควรโอนที่ธรณีสงฆ์ วัดพระพุทธ ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัด
นราธิวาส  ให้แก่กรมชลประทาน
      จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของ
รัฐสภา ดังต่อไปนี้

      มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนที่ธรณีสงฆ์ วัดพระพุทธ ตำบลพร่อน
อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ให้แก่กรมชลประทาน พงศ. 2529"

      มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

      มาตรา 3 ให้โอนที่ธรณีสงฆ์ วัดพระพุทธ ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
จำนวน 2 แปลง คือ แปลงที่ 1 เนื้อที่ 2 งาน 80 ตารางวา  และแปลงที่ 2 เนื้อที่ 58 ไร่
3 งาน 25 ตารางวา รวมเนื้อที่ 59 ไร่ 2 งาน 5 ตารางวา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้าย
พระราชบัญญัตินี้ ให้แก่กรมชลประทาน

      มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
   พลเอก ป. ติณสูลานนท์
     นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :-เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกรมชลประทานได้สร้าง
หัวงานประตูระบายน้ำคลองปูยู เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานตามโครงการมูโนะ ที่ตำบลพร่อน
อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส และได้ทำการสำรวจแล้วปรากฏว่า บริเวณหัวงานประตูระบายน้ำ
แห่งนี้ถูกที่ธรณีสงฆ์ วัดพระพุทธ ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส จำนวน 2 แปลง
รวมเนื้อที่ 59 ไร่ 2 งาน 5 ตารางวา ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.)เลขที่
4305 และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.)เลขที่ 6688 ซึ่งคณะกรรมการจัดซื้อและ
กำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อการชลประทานจังหวัดนราธิวาสได้ชำระค่าผาติกรรมเป็นค่าทดแทนแล้ว
กรมชลประทานจึงได้ติดต่อกับกรมการศาสนาเพื่อขอโอนที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวให้แก่กรมชลประทาน
และกรมการศาสนาได้นำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณาแล้วไม่ขัดข้อง สมควรโอนที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าว
ให้แก่กรมชลประทาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(แผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ดูได้จาก ร.จ. เล่ม 103 ตอนที่ 231 หน้า 60  29 ธันวาคม 2529)