พระราชบัญญัติ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบางขาม อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ของวัดหัวไทร ตำบลหัวไทร อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ให้แก่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม พ.ศ. 2529 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2529 เป็นปีที่ 41 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบางขาม อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ของวัดหัวไทร ตำบลหัวไทร อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ให้แก่ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของ รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบล บางขาม อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ของวัดหัวไทร ตำบลหัวไทร อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ให้แก่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม พ.ศ. 2529"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบางขาม อำเภอบ้านสร้าง จังหวัด ปราจีนบุรี เนื้อที่ 639 ไร่ 2 งาน 37 ตารางวา ของวัดหัวไทร ตำบลหัวไทร อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้แก่สำนักงานการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ป. ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากได้มีพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในท้องที่กิ่งอำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2518 และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมได้ทำ การสำรวจแล้วปรากฏว่า แนวเขตปฏิรูปที่ดินตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวถูกที่ธรณีสงฆ์ที่ตั้งอยู่ ในท้องที่ ตำบลบางขาม อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ของวัดหัวไทร ตำบลหัวไทร อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เนื้อที่ 639 ไร่ 2 งาน 37 ตารางวา ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ 3229 ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเขตปฏิรูปที่ดินได้ชำระค่าผาติกรรมเป็นค่าทดแทนแล้ว สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจึงได้ติดต่อกับกรมการศาสนาเพื่อขอโอนกรรมสิทธิ์ ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวให้แก่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และกรมการศาสนาได้นำเสนอ มหาเถรสมาคมพิจารณาแล้วไม่ขัดข้อง สมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวให้แก่สำนักงาน การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 34 บัญญัติว่าที่วัดและที่ธรณีสงฆ์จะโอนกรรมสิทธิ์ได้ก็แต่โดยพระราชบัญญัติ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (แผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ดูได้จาก ร.จ.เล่ม 103 ตอนที่ 231 หน้า 44 29 ธันวาคม 2529) |