พระราชบัญญัติ สุขาภิบาล (ฉบับที่ 3) |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2528 เป็นปีที่ 40 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสุขาภิบาล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติสุขาภิบาล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2528"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติสุขาภิบาล พ.ศ. 2495 และให้ ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 7 ให้มีคณะกรรมการสุขาภิบาลประกอบด้วย (1)นายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอแห่งท้องที่ที่สุขาภิบาลนั้นตั้งอยู่ แล้วแต่กรณี (2)ปลัดอำเภอแห่งอำเภอหรือกิ่งอำเภอที่สุขาภิบาลนั้นตั้งอยู่แล้วแต่กรณี ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งขึ้นจำนวนหนึ่งคน (3) กำนันแห่งตำบลซึ่งมีพื้นที่ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของตำบลนั้นอยู่ในเขตสุขาภิบาล (4)ผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาเทศบาล ซึ่งราษฎรในเขตสุขาภิบาลนั้นเลือกตั้งขึ้นเก้าคน การเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาลตามความใน (4) ให้ใช้วิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภา เทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลโดยอนุโลม"
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติสุขาภิบาล พ.ศ. 2495 และให้ ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 8 ให้นายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอแห่งท้องที่ที่สุขาภิบาล นั้นตั้งอยู่แล้วแต่กรณีเป็นประธานกรรมการสุขาภิบาลโดยตำแหน่ง และให้มีรองประธานกรรมการ สุขาภิบาลหนึ่งคนซึ่งคณะกรรมการสุขาภิบาลได้ประชุมกันเลือกจากกรรมการตาม มาตรา 7 (4) รองประธานกรรมการให้อยู่ในตำแหน่งได้คราวละหนึ่งปี นับแต่วันที่ได้รับเลือกตั้ง"
มาตรา 5 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 8 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติสุขาภิบาล พ.ศ. 2493 "มาตรา 8 ทวิ เมื่อสุขาภิบาลใดมีฐานะทางการคลังเพียงพอที่จะบริหารงานประจำของ สุขาภิบาลได้ ให้กระทรวงมหาดไทยประกาศรายชื่อสุขาภิบาลนั้นในราชกิจจานุเบกษา และให้ นายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอพ้นจากตำแหน่งกรรมการสุขาภิบาลและ ประธานกรรมการสุขาภิบาลโดยให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมการสุขาภิบาลแทน ให้นายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอดำเนินการให้คณะกรรมการ สุขาภิบาลเลือกประธานกรรมการสุขาภิบาลหนึ่งคนจากกรรมการสุขาภิบาลตามมาตรา 7(4) ให้ แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่นายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอพ้น จากตำแหน่ง ให้ประธานกรรมการสุขาภิบาลตามวรรคสองอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของกรรมการ สุขาภิบาลตามมาตรา 7(4) เหตุแห่งการพ้นจากตำแหน่งให้เป็นไปตามมาตรา 10 โดยอนุโลม หลักเกณฑ์การพิจารณาฐานะการคลังของสุขาภิบาลตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามระเบียบที่ กระทรวงมหาดไทยกำหนด"
มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติสุขาภิบาล พ.ศ. 2495 และให้ ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 9 กรรมการสุขาภิบาลตามความในมาตรา 7 (4) ให้อยู่ในตำแหน่งได้คราวละสี่ปี ถ้าตำแหน่งกรรมการดังกล่าวว่างลง เพราะเหตุอื่นนอกจากถึงคราวออกตามวาระ ให้เลือกตั้ง กรรมการขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างภายในเก้าสิบวัน แต่กรรมการเข้ามาแทนนั้นให้อยู่ในตำแหน่งได้ เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน ถ้าตำแหน่งกรรมการดังกล่าวในวรรคหนึ่งว่างลงก่อนถึงกำหนดออกตามวาระไม่เกินหนึ่งร้อย แปดสิบวันจะเลือกตั้งกรรมการขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นมิได้"
มาตรา 7 ให้ยกเลิกความในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติสุขาภิบาล พ.ศ. 2495 และ ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 10 กรรมการสุขาภิบาลตามความในมาตรา 7 (4) พ้นจากตำแหน่งเมื่อ (1) ถึงคราวออกตามวาระ (2) ตาย (3) ลาออก โดยยื่นใบลาออกต่อผู้ว่าราชการจังหวัด (4) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่า ด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (5) กรรมการสุขาภิบาลไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมดมีมติให้ออกโดยเห็น ว่าเป็นผู้มีความประพฤติอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่สุขาภิบาล ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ กรรมการมีมติ หรือ (6) ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สอบสวนแล้วสั่งให้ออก โดยเห็นว่ามีความประพฤติในทางจะนำ มาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหรือเสื่อมเสียแก่สุขาภิบาล หรือราชการ ฝ่าฝืนต่อ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชนหรือไม่มาประชุมคณะกรรมการสุขาภิบาลสามครั้ง ติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร การวินิจฉัยชี้ขาดตาม(4)ให้ศาลแขวงหรือในกรณีที่ไม่มีศาลแขวงก็ให้ศาลจังหวัดวินิจฉัยตาม วิธีพิจารณาสำหรับศาลนั้นๆแต่การชี้ขาดของศาลดังกล่าวย่อมไม่กระทบกระทั่งการที่ กรรมการนั้นได้ปฏิบัติหน้าที่ก่อนที่มีการชี้ขาด"
มาตรา 8 กรรมการสุขาภิบาลที่ได้รับเลือกตั้งจากราษฎรซึ่งอยู่ในตำแหน่งในวันที่ พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปจนครบวาระ
มาตรา 9 ให้เลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาลเพิ่มให้ครบจำนวนตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ นี้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเว้นแต่ระยะเวลาของกรรมการสุขาภิบาล ตามมาตรา 8 เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวัน ให้กรรมการสุขาภิบาลที่ได้รับเลือกตั้งตามวรรคหนึ่งอยู่ในตำแหน่งเพียงเท่าที่กำหนดเวลา ที่เหลือของกรรมการสุขาภิบาลตามมาตรา 8
มาตรา 10 ให้กระทรวงมหาดไทยออกระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาฐานะการคลัง ของสุขาภิบาลตามมาตรา 8 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติสุขาภิบาล พ.ศ. 2495 ภายในหนึ่งปีนับ แต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา 11 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประจวบ สุนทรางกูร นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือ เนื่องจากเป็นการสมควรปรับปรุง โครงสร้างคณะกรรมการสุขาภิบาลตามพระราชบัญญัติสุขาภิบาลพ.ศ.2495 โดยลดจำนวนข้าราชการ ประจำที่เป็นกรรมการสุขาภิบาลโดยตำแหน่งลงเหลือเท่าที่จำเป็นเพิ่มจำนวนกรรมการสุขาภิบาลที่ได้ รับเลือกตั้งโดยตรงจากราษฎรให้มากขึ้น และเมื่อสุขาภิบาลใดมีฐานะการคลังซึ่งเพียงพอที่จะบริหารงาน ประจำของสุขาภิบาลได้ให้มีการเลือกประธานกรรมการสุขาภิบาลจากกรรมการสุขาภิบาลจากกรรมการ สุขาภิบาลที่มาจากการเลือกตั้งทั้งควรแก้ไขคุณสมบัติองผู้สมัครรับเลือกตั้งและวิธีการเลือกตั้งกรรมการ สุขาภิบาลให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบันจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น (ร.จ. เล่ม 102 ตอนที่ 154 หน้า13 24 ตุลาคม 2528) |