พระราชบัญญัติ
                     วิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
                              พ.ศ. 2528
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                    ให้ไว้ ณ วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2528
                        เป็นปีที่ 40 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
พ.ศ. 2528"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

   มาตรา 3 บรรดาบทกฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้
หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

   มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
   "วิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์" หมายความว่า วิชาชีพเกี่ยวกับการพยาบาลและ
การผดุงครรภ์
   "การพยาบาล" หมายความว่า การกระทำในการช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยเพื่อบรรเทาอาการ
ของโรค และการลุกลามของโรค การประเมินภาวะสุขภาพ การส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพอนามัย
และการป้องกันโรครวมทั้งการช่วยเหลือแพทย์ และการกระทำตามคำสั่งในการรักษาโรคของ
แพทย์ ทั้งนี้ โดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์และศิลปะการพยาบาล
   "การผดุงครรภ์" หมายความว่า การตรวจ การแนะนำ การส่งเสริมสุขภาพ และการปฏิบัติ
ต่อหญิงมีครรภ์ การป้องกันความผิดปกติในระยะตั้งครรภ์และระยะคลอด การทำคลอด การ
ดูแลและส่งเสริมสุขภาพมารดาและทารกในระยะหลังคลอด รวมทั้งการช่วยเหลือแพทย์และ
การกระทำตามคำสั่งในการรักษาโรคของแพทย์ ทั้งนี้ โดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์และศิลปะการ
ผดุงครรภ์
   "ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล" หมายความว่า บุคคลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็น
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลจากสภาการพยาบาล
   "ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์" หมายความว่า บุคคลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต
เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์จากสภาการพยาบาล
   "ใบอนุญาต" หมายความว่า ใบอนุญาตซึ่งสภาการพยาบาลออกให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพ
การพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์
   "สมาชิก" หมายความว่า สมาชิกสภาการพยาบาล
   "กรรมการ" หมายความว่า กรรมการสภาการพยาบาล
   "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการสภาการพยาบาล
   "เลขาธิการ" หมายความว่า เลขาธิการสภาการพยาบาล
   "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มี
อำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ และออกระเบียบ
เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
   กฎกระทรวงและระเบียบนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

   มาตรา 6 ให้มีสภาการพยาบาล มีวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
   ให้สภาการพยาบาลเป็นนิติบุคคล

   มาตรา 7 สภาการพยาบาลมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
   (1) ควบคุมความประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาล
และการผดุงครรภ์ ให้ถูกต้องตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพการพยาบาล และการผดุงครรภ์
   (2) ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และความก้าวหน้าในวิชาชีพ การพยาบาล การ
ผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์
   (3) ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติของสมาชิก
   (4) ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่ประชาชนและองค์กรอื่นในเรื่องที่
เกี่ยวกับการพยาบาล การผดุงครรภ์ และการสาธารณสุข
   (5) ให้คำปรึกษา หรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหาการพยาบาล การผดุงครรภ์
และการสาธารณสุข
   (6) เป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาล และ
การผดุงครรภ์ในประเทศไทย
   (7) ผดุงความเป็นธรรมและส่งเสริมสวัสดิการให้แก่สมาชิก

   มาตรา 8 สภาการพยาบาลมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
   (1) รับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การ
ผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์
   (2) สั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การ
ผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์
   (3) รับรองหลักสูตรต่าง ๆ สำหรับการศึกษา การฝึกอบรมของสถาบันที่จะทำการสอน และ
ฝึกอบรมในวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
   (4) รับรองวิทยฐานะของสถาบันที่ทำการสอนและฝึกอบรมตาม (3)
   (5) รับรองปริญญา อนุปริญญา ประกาศนียบัตรหรือวุฒิบัตร ในวิชาชีพการพยาบาล และ
การผดุงครรภ์ของสถาบันต่าง ๆ
   (6) ออกหนังสืออนุมัติ หรือวุฒิบัตรเกี่ยวกับความรู้หรือความชำนาญเฉพาะทางและหนังสือ
แสดงวุฒิอื่นในวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การ
ผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์
   (7) ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสภาการพยาบาล

   มาตรา 9 สภาการพยาบาลอาจมีรายได้ดังต่อไปนี้
   (1) เงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน
   (2) ค่าจดทะเบียนสมาชิกสามัญ ค่าบำรุง และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
   (3) ผลประโยชน์จากกิจกรรมอื่นของสภาการพยาบาล ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในมาตรา 7
   (4) เงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้ให้แก่สภาการพยาบาล
   (5) ดอกผลของเงินและทรัพย์สินอื่นตาม (1)(2)(3) และ(4)

   มาตรา 10 ให้รัฐมนตรีดำรงตำแหน่งสภานายกพิเศษแห่งสภาการพยาบาลและมีอำนาจหน้า
ที่ตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 11 สภาการพยาบาลประกอบด้วยสมาชิกสองประเภท คือ
   (1) สมาชิกสามัญ ได้แก่ผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
       (ก) มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์
       (ข) มีความรู้ในวิชาชีพการพยาบาลหรือการผดุงครรภ์ โดยได้รับปริญญา อนุปริญญา หรือ
ประกาศนียบัตรในสาขาการพยาบาลการผดุงครรภ์ หรือการพยาบาล และการผดุงครรภ์ที่สภา
การพยาบาลรับรอง
       (ค) ไม่เป็นผู้ประพฤติเสียหาย ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย
เกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
       (ง ) ไม่เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด หรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ให้
จำคุกในคดีที่คณะกรรมการเห็นว่าจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
       (จ )ไม่เป็นผู้มีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือไม่เป็นโรคที่กำหนดไว้ในข้อบังคับสภา
การพยาบาล
   (2) สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งสภาการพยาบาลเชิญให้เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์

   มาตรา 12 สิทธิและหน้าที่ของสมาชิกสามัญมีดังต่อไปนี้
   (1) ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์หรือ
การพยาบาลและการผดุงครรภ์ และขอหนังสืออนุมัติ หรือวุฒิบัตรเกี่ยวกับความรู้หรือความชำนาญ
เฉพาะทาง หรือหนังสือแสดงวุฒิอื่นในวิชาชีพการพยาบาลและกาผดุงครรภ์ โดยปฏิบัติตาม
ข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยการนั้น
   (2) แสดงความเป็นเป็นหนังสือเกี่ยวกับกิจการของสภาการพยาบาลส่งไปยังคณะกรรมการ
เพื่อพิจารณา และในกรณีที่สมาชิกสามัญร่วมกันตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไปเสนอให้
คณะกรรมการพิจารณาเรื่องใดที่เกี่ยวกับกิจการของสภาการพยาบาล คณะกรรมการต้องพิจารณาและแจ้งผล
การพิจารณาให้ผู้เสนอทราบโดยมิชักช้า
   (3) เลือกตั้ง รับเลือกตั้งหรือรับเลือกเป็นกรรมการ
   (4) ผดุงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพและปฏิบัติตนตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 13 สมาชิกสภาของสมาชิกสามัญสิ้นสุดลง เมื่อ
   (1) ตาย
   (2) ลาออก
   (3) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 11(1)

   มาตรา 14 ให้มีคณะกรรมการสภาการพยาบาล ประกอบด้วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็น
นายก สภาการพยาบาล ผู้แทนทบวงมหาวิทยาลัยสามคน ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขสามคน ผู้
แทนกระทรวงกลาโหมสามคน  ผู้แทนกระทรวงมหาดไทยหนึ่งคน และผู้แทนสภากาชาดไทยหนึ่ง
คน ซึ่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้เสนอให้รัฐมนตรีแต่งตั้ง และสมาชิกสามัญของสภา
การพยาบาลอีกสิบสองคนซึ่งได้รับการเลือกตั้งโดยสมาชิกสามัญของสภาการพยาบาล เป็น
กรรมการและให้เลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ

   มาตรา 15 คณะกรรมการอาจแต่งตั้งสมาชิกกิตติมศักดิ์เป็นกรรมการที่ปรึกษาได้
   ให้กรรมการที่ปรึกษาดำรงตำแหน่งตามวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง

   มาตรา 16 ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการเพื่อดำรงตำแหน่งอุปนายกสภา
การพยาบาลคนที่หนึ่ง และอุปนายกสภาการพยาบาลคนที่สอง ตำแหน่งละหนึ่งคน
ให้นายกสภาการพยาบาลเลือกสมาชิกสามัญผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 18  เพื่อ
ดำรงตำแหน่งเลขาธิการหนึ่งคน และเลือกกรรมการเพื่อดำรงตำแหน่ง
รองเลขาธิการ  ประชาสัมพันธ์และเหรัญญิกตำแหน่งละหนึ่งคน ทั้งนี้ โดยความเห็นชอบ
ของคณะกรรมการ
   ให้กรรมการผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองดำรงตำแหน่งตามวาระ
ของกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งหรือเลือกตั้ง เว้นแต่ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการให้ดำรงตำแหน่ง
ตามวาระของกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้ง
   ให้นายกสภาการพยาบาลมีอำนาจถอดถอนเลขาธิการก่อนครบวาระตามวรรคสามได้ ทั้งนี้
โดยความเป็นชอบของคณะกรรมการ
   กรรมการซึ่งดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ตามมาตรานี้แต่ละตำแหน่ง อาจพ้นจากตำแหน่งดัง
กล่าวก่อนครบวาระได้โดยอนุมัติของคณะกรรมการ

   มาตรา 17 การเลือกตั้งกรรมการตามมาตรา 14 การแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษาตาม
มาตรา 15 และการเลือกกรรมการเพื่อดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ตามมาตรา 16 ให้เป็นไปตามข้อ
บังคับสภาการพยาบาล

   มาตรา 18 กรรมการนอกจากปลัดกระทรวงสาธารณสุขและกรรมการที่ปรึกษาต้องมี
คุณสมบัติดังต่อไปนี้
   (1) เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์
   (2) ไม่เคยถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาต
   (3) ไม่เคยเป็นบุคคลล้มละลาย

   มาตรา 19 ให้กรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งและรับเลือกตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี
และอาจได้รับแต่งตั้งหรือรับเลือกตั้งใหม่ได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองคราวติดต่อกันไม่ได้

   มาตรา 20 นอกจากพ้นจากตำแหน่งวาระ กรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งและรับเลือกตั้งพ้น
จากตำแหน่ง เมื่อ
   (1) สมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามมาตรา 13
   (2) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 18
   (3) ลาออก

   มาตรา 21 ในกรณีตำแหน่งกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งว่างลงไม่เกินกึ่งหนึ่งของ
จำนวน กรรมการดังกล่าวทั้งหมดก่อนครบวาระ ให้คณะกรรมการเลือกสมาชิกสามัญผู้มีคุณสมบัติ
ตามมาตรา 18 เป็นกรรมการแทนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งกรรมการนั้นว่างลง
   ในกรณีตำแหน่งกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งว่างลงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการดังกล่าวทั้งหมด
ให้วาระของกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งอื่นที่คงอยู่สิ้นสุดลง และให้มีการเลือกตั้งกรรมการ
ใหม่แทนโดยสมาชิกสามัญภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งกรรมการดังกล่าวได้ว่างลงเกินกึ่งหนึ่ง
   ถ้าวาระของกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งเหลืออยู่ไม่ถึงเก้าสิบวันคณะกรรมการจะไม่ให้มีการ
เลือกกรรมการแทนก็ได้
   ให้ผู้ซึ่งเป็นกรรมการแทนนั้นอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่าวาระที่ยังเหลืออยู่ของกรรมการซึ่งคนแทน

   มาตรา 22 ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
   (1) บริหารกิจการสภาการพยาบาลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดตามมาตรา 7
   (2) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจริยธรรม คณะอนุกรรมการสอบสวน และคณะอนุกรรมการอื่น
เพื่อทำกิจการหรือพิจารณาเรื่องต่าง ๆ อันอยู่ในขอบเขตแห่งวัตถุประสงค์ของสภาการพยาบาล
   (3) ออกข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วย
       (ก) การเป็นสมาชิก
       (ข) การกำหนดโรคตามมาตรา 11(1)(จ)
       (ค)การกำหนดค่าจดทะเบียนสมาชิกสามัญ ค่าบำรุง และค่าธรรมเนียมอื่นนอกจากที่
กำหนดไว้ในอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัตินี้
       (ง) การเลือกและการเลือกตั้งกรรมการ และการแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษาตามมาตรา 17
       (จ ) หลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนและการออกใบอนุญาตแบบและประเภทใบอนุญาต
       (ฉ ) หลักเกณฑ์การออกหนังสืออนุมัติ หรือวุฒิอื่นในวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
       (ช ) ข้อจำกัดและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
       (ซ ) การรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
       (ฌ) การประชุมคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ
       (ญ) หลักเกฑณ์การรับรองสถาบันการศึกษาวิชาการพยาบาลและการผดุงครรภ์
       (ฎ) หลักเกณฑ์ว่าด้วยการสอบความรู้ตามอำนาจหน้าที่ของสภาการพยาบาล
       (ฏ ) หลักเกณฑ์ว่าด้วยการสืบสวนหรือสอบสวนในกรณีมีการกล่าวหาหรือกล่าวโทษว่ามี
ผู้ประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
       (ฐ ) เรื่องอื่น ๆ ที่อยู่ภายในวัตถุประสงค์ของสภาการพยาบาลหรือยู่ภายในอำนาจ
หน้าที่ของสภาการพยาบาลตามกฎหมายอื่น
   ข้อบังคับสภาการพยาบาล เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

   มาตรา 23 นายกสภาการพยาบาล อุปนายกสภาการพยาบาลคนที่หนึ่ง อุปนายกสภา
การพยาบาลคนที่สอง เลขาธิการ รองเลขาธิการ ประชาสัมพันธ์และเหรัญญิก มีอำนาจหน้าที่ดัง
ต่อไปนี้
   (1) นายกสภาการพยาบาลมีอำนาจหน้าที่
       (ก) ดำเนินกิจการของสภาการพยาบาลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามมติ
ของคณะกรรมการ
       (ข) เป็นผู้แทนสภาการพยาบาลในกิจการต่าง ๆ
       (ค) เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ
   นายกสภาการพยาบาลอาจมอบหมายเป็นหนังสือให้กรรมการอื่นปฏิบัติหน้าที่แทนตามที่เห็นสมควรได้
   (2) อุปนายกสภาการพยาบาลคนที่หนึ่งเป็นผู้ช่วยนายกสภาการพยาบาลในกิจการอันอยู่ใน
อำนาจหน้าที่ของนายกสภาการพยาบาลตามที่นายกสภาการพยาบาลมอบหมายและเป็นผู้ทำการแทน
นายกสภาการพยาบาลเมื่อนายกสภาการพยาบาลไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
   (3) อุปนายกสภาการพยาบาลคนที่สองเป็นผู้ช่วยนายกสภาการพยาบาลในกิจการอันอยู่ใน
อำนาจหน้าที่ของนายกสภาการพยาบาลตามที่นายกสภาการพยาบาลมอบหมายและเป็นผู้ทำการ
แทนนายกสภาการพยาบาลเมื่อทั้งนายกสภาการพยาบาลและอุปนายกสภาการพยาบาลคนที่หนึ่ง
ไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
   (4) เลขาธิการมีอำนาจหน้าที่
       (ก) ควบคุมบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่สภาการพยาบาลทุกระดับ
       (ข) ควบคุมรับผิดชอบในงานธุรการทั่วไปของสภาการพยาบาล
       (ค)รับผิดชอบในการดูแลรักษาทะเบียนสมาชิก ทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล
การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และทะเบียนอื่น ๆ
       (ง ) ควบคุม ดูแลทรัพย์สินของสภาการพยาบาล
       (จ ) เป็นเลขานุการคณะกรรมการ
   (5) รองเลขาธิการเป็นผู้ช่วยเลขาธิการในกิจการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการ
ตามที่เลขาธิการมอบหมาย และเป็นผู้ทำการแทนเลขาธิการเมื่อเลขาธิการไม่อยู่หรือไม่
สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
   (6) ประชาสัมพันธ์มีหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์ แนะนำ เผยแพร่กิจการของสภาการพยาบาล
และให้การศึกษาแก่ประชาชน และองค์กรอื่นใดเรื่องที่เกี่ยวกับการพยาบาล การผดุงครรภ์
และการสาธารณสุข
   (7) เหรัญญิกมีอำนาจหน้าที่ควบคุม ดูแล รับผิดชอบการบัญชีการเงินและการงบประมาณ
ของสภาการพยาบาล

   มาตรา 24 การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ
จำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
   มติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งเสียงในการลงคะแนน ถ้า
คะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
   มติของที่ประชุมในกรณีให้สมาชิกสามัญพ้นจากสมาชิกภาพเนื่องจากขาดคุณสมบัติตามมาตรา
11(1)(ค)(ง) และ (จ) ให้ถือคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งคณะ
   การประชุมคณะอนุกรรมการ ให้นำความในวรรคหนึ่งและวรรคสองมาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 25 สภานายกพิเศษจะเข้าฟังการประชุมและชี้แจงแสดงความเห็นในที่ประชุมคณะ
กรรมการ หรือจะส่งความเห็นเป็นหนังสือไปยังคณะกรรมการในเรื่องใด ๆ ก็ได้

   มาตรา 26  มติของที่ประชุมคณะกรรมการในเรื่องต่อไปนี้ ต้องได้รับความเห็นชอบ
จากสภานายกพิเศษก่อน จึงจะดำเนินการตามมตินั้นได้
   (1) การออกข้อบังคับ
   (2) การกำหนดงบประมาณของสภาการพยาบาล
   (3) การให้สมาชิกสามัญพ้นจากสมาชิกภาพตามมาตรา 24 วรรคสาม
   (4) การวินิจฉัยชี้ขาดตามมาตรา 41 วรรคสาม (4)และ(5)
   ให้นายกสภาการพยาบาลเสนอมติตามวรรคหนึ่งต่อสภานายกพิเศษโดยไม่ชักช้า สภานายกพิเศษ
อาจมีคำสั่งยับยั้งมตินั้นได้ ในกรณีที่มิได้ยังยั้งภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับมติที่นายกสภา
การพยาบาลเสนอ ให้ถือว่าสภานายกพิเศษให้ความเห็นชอบมตินั้น
   ถ้าสภานายกพิเศษยับยั้งมติใด ให้คณะกรรมการประชุมพิจารณาอีกครั้งหนึ่งภายในสามสิบวัน
นับแต่วันได้รับทราบการยังยั้ง ในการประชุมนั้น ถ้ามีเสียงยืนยันมติไม่น้อยกว่าสองในสามของ
จำนวนกรรมการทั้งครบ ก็ให้ดำเนินการตามมตินั้นได้

   มาตรา 27 ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล หรือมิได้เป็นผู้ประกอบ
วิชาชีพการผดุงครรภ์ หรือมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ กระทำ
การพยาบาลหรือการผดุงครรภ์ หรือแสดงด้วยวิธีใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประ
กอบวิชาชีพดังกล่าว โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต เว้นแต่ในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
   (1) การพยาบาลหรือการผดุงครรภ์ที่กระทำต่อตนเอง
   (2)การช่วยเหลือหรือเยียวยาแก่ผู้ป่วยตามหน้าที่ตามกฎหมายหรือตามธรรมจรรยาโดยมิ
ได้รับประโยชน์ตอบแทน แต่การกระทำดังกล่าวต้องมิใช่เป็นการฉีดยาหรือสารใด ๆ เข้าไปใน
ร่างกายของผู้ป่วย หรือการให้ยาอันตราย ยาควบคุมพิเศษ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทหรือ
ยาเสพติดให้โทษ ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
   (3) นักเรียน นักศึกษา หรือผู้รับการฝึกอบรม ในความควบคุมของสถาบันการศึกษาวิชา
การพยาบาลหรือการผดุงครรภ์ของรัฐ หรือที่ได้รับอนุญษตจากทางราชการให้จัดตั้ง หรือสถาบัน
การศึกษาที่คณะกรรมการรับรอง ทั้งนี้ ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ผู้ฝึกหัดหรือผู้ให้การฝึก
อบรมซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์
   (4) บุคคลซึ่งกระทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัด
เทศบาล สุขาภิบาล องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
หรือสภากาชาดไทย มอบหมายให้กระทำการพยาบาลหรือการผดุงครรภ์ ในความควบคุม
ของเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการ
ผดุงครรภ์ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
   (5)ผู้ประกอบโรคศิลปะซึ่งประกอบโรคศิลปะตามข้อจำกัดและเงื่อนไขตามกฎหมายว่าด้วยการ
ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ
   (6)การพยาบาลหรือการผดุงครรภ์ของที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญของทางราชการ หรือผู้
สอนในสถาบันการศึกษาของรัฐ ซึ่งมีใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์
หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ของต่างประเทศ โดยอนุมัติของคณะกรรมการ
   (7) บุคคลซึ่งได้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพยาบาลหรือการผดุงครรภ์เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ซึ่ง
เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ในกรณีที่มี
สาธารณภัยหรือเกิดภัยพิบัติอย่างร้ายแรง
   (8)บุคคลซึ่งช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยในสถานพยาบาลในความควบคุมของผู้ประกอบวิชาชีพ
การพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ตามระเบียบซึ่งรัฐมนตรีกำหนด
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

   มาตรา 28 การขึ้นทะเบียน การออกใบอนุญาต การออกหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรเกี่ยว
กับความรู้หรือความชำนาญเฉพาะทางและหนังสือแสดงวุฒิอื่นในวิชาชีพการพยาบาลและการ
ผดุงครรภ์ ให้เป็นไปตามข้อบังคับสภาการพยาบาล

   มาตรา 29 การขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แบ่งเป็นสามประเภท คือ ผู้ประกอบ
วิชาชีพการพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ และผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
   ผู้ประกอบวิชาชีพในแต่ละประเภทตามวรรคหนึ่งให้แบ่งเป็นสองชั้น คือ ชั้นหนึ่ง และชั้นสอง

   มาตรา 30 ผู้มีสิทธิขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญษตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพตามมาตรา 29 ต้องมี
ความรู้ดังนี้ คือ
   (1) ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ หรือผู้ประกอบวิชาชีพ
การพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งต้อง
        (ก) ได้รับปรัชญา อนุปริญญาที่มีหลักสูตรการศึกษาไม่น้อยกว่าสามปี หรือ
ประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญาหรืออนุปริญญาในสาขาการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาล
และการผดุงครรภ์จากสถานศึกษาในประเทศไทยที่คณะกรรมการรับรองหรือ
        (ข) ได้รับปริญญา หรือประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญาในสาขาการพยาบาล การ
ผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์จากสถานศึกษาในต่างประเทศ และได้รับอนุญาต
ให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพในประเทศที่ตนได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตร ซึ่งคณะกรรมการได้
สอบความรู้จนเป็นที่พอใจแล้ว แต่ถ้าเป็นผู้มีสัญชาติไทยไม่ต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เป็น
ผู้ประกอบวิชาชีพในประเทศที่ผู้นั้นได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรก็ได้
   (2) ผู้ประกอบกวิชาชีพการพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ หรือผู้ประกอบ
วิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นสองต้อง
        (ก) ได้รับประกาศนียบัตรในสาขาการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและ
การผดุงครรภ์ ระดับต้น จากสถานศึกษาในประเทศไทยที่คณะกรรมการรับรอง หรือ
        (ข) ได้รับประกาศนียบัตรในสาขาการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและ
การผดุงครรภ์ จากสถานศึกษาในต่างประเทศ และได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพใน
ประเทศที่ตนได้รับประกาศนียบัตร ซึ่งคณะกรรมการได้สอบความรู้จนเป็นที่พอใจแล้ว แต่ถ้าเป็นผู้มี
สัญชาติไทยไม่ต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพในประเทศที่ผู้นั้นได้รับประกาศนียบัตร
ก็ได้

   มาตรา 31 ผู้ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตต้องเป็นสมาชิกสามัญแห่งสภาการพยาบาลและ
มีคุณสมบัติอื่นตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับสภาการพยาบาล
   เมื่อผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ผู้ใด
ขาดจากสมมาชิกภาพ ให้ใบอนุญาตของผู้นั้นสิ้นสุดลง
   ให้ผู้ซึ่งขาดจากสมาชิกภาพตามวรรคสองส่งคืนใบอนุญาตต่อเลขาธิการภายในสิบห้าวันนับ
แต่วันที่ทราบการขาดจากสมาชิกภาพ

   มาตรา 32 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและ
การผดุงครรภ์ ต้องรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ตามที่ได้กำหนดไว้ใน
ข้อบังคับสภาการพยาบาล

   มาตรา 33 บุคคลซึ่งได้รับความเสียหายเพราะผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การ
ผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพการพยาบาลและ
การผดุงครรภ์ มีสิทธิกล่าวหาผู้ก่อให้เกิดความเสียหายนั้น โดยทำเรื่องยื่นต่อสภาการพยาบาล
   กรรมการมีสิทธิกล่าวโทษผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและ
การผดุงครรภ์ ว่าประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ โดยแจ้ง
เรื่องต่อสภาการพยาบาล
   สิทธิการกล่าวหาตามวรรคหนึ่ง หรือสิทธิการกล่าวโทษตามวรรคสอง สิ้นสุดลงเมื่อพ้นหนึ่ง
ปีนับแต่วันที่ผู้ได้รับความเสียหายหรือผู้กล่าวโทษรู้เรื่องการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพ
ดังกล่าวและรู้ตัวผู้ประพฤติผิด ทั้งนี้ ไม่เกินสามปีนับแต่วันที่มีการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพนั้น
   การถอนเรื่องการกล่าวหาหรือการกล่าวโทษที่ได้ยื่นหรือแจ้งไว้แล้วนั้น ไม่เป็นเหตุให้ระงับ
การดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 34 เมื่อสภาการพยาบาลได้รับเรื่องการกล่าวหาหรือการกล่าวโทษตามมาตรา 33
หรือในกรณีที่คณะกรรมการมีมติว่ามีพฤติการณ์อันสมควรให้มีการพิจารณาเกี่ยวกับจริยธรรม
แห่งวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ผู้ใด
 ให้เลขาธิการเสนอเรื่องดังกล่าวต่อประธานอนุกรรมการจริยธรรมโดยไม่ชักช้า

   มาตรา 35 ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจริยธรรมจากสมาชิกสามัญประกอบด้วย
ประธานคนหนึ่ง และอนุกรรมการมีจำนวนรวมกันไม่น้อยกว่าสามคนมีหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริงใน
เรื่องที่ได้รับตามมาตรา 34 แล้วทำรายงานพร้อมทั้งความเห็นเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา

   มาตรา 36 เมื่อคณะกรรมการได้รับรายงานและความเห็นของคณะอนุกรรมการจริยธรรม
แล้ว ให้คณะกรรมการพิจารณารายงานและความเห็นดังกล่าว แล้วมีมติอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
   (1) ให้คณะอนุกรรมการจริยธรรมแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อเสนอให้คณะกรรมการพิจารณา
   (2)ให้คณะอนุกรรมการสอบสวนทำการสอบสวน ในกรณีที่เห็นว่าข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษ
นั้นมีมูล
   (3) ให้ยกข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษ ในกรณีที่เห็นว่าข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษนั้นไม่มีมูล

   มาตรา 37 ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนจากสมาชิกสามัญ ประกอบด้วย
ประธานคนหนึ่ง และอนุกรรมการมีจำนวนรวมกันไม้น้อยกว่าสามคนมีหน้าที่สอบสวนสรุป
ผลการสอบสวนและเสนอสำนวนการสอบสวนพร้อมทั้งความเห็นต่อคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด

   มาตรา 38 ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการจริยธรรมและของคณะอนุกรรม
การสอบสวนตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อนุกรรมการจริยธรรมและอนุกรรมการสอบสวนเป็นเจ้าพนัก
งานตามประมวลกฎหมายอาญา มีอำนาจเรียกบุคคลใด ๆ มาให้ถ้อยคำและมีหนังสือแจ้งให้
บุคคลใด ๆ ส่งเอกสารหรือวัตถุ เพื่อประโยชน์แก่การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการดังกล่าว

   มาตรา 39 ให้ประธานอนุกรรมการสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษพร้อมทั้งส่ง
สำเนาเรื่องที่กล่าวหาหรือกล่าวโทษ ให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
ก่อนวันเริ่มทำการสอบสวน
   ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวโทษมีสิทธิทำคำชี้แจงหรือนำพยานหลักฐานใด ๆ มาให้
คณะอนุกรรมการสอบสวน คำชี้แจงหรือพยานหลักฐานนั้น ให้ยื่นต่อประธานอนุกรรมการสอบสวน
ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากประธานอนุกรรมการสอบสวน หรือภายในกำหนดเวลาที่
คณะอนุกรรมการสอบสวนจะขยายให้

   มาตรา 40 เมื่อคณะอนุกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วให้เสนอสำนวน
การสอบสวนพร้อมทั้งความเห็นต่อคณะกรรมการโดยไม่ชักช้าเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด

   มาตรา 41 เมื่อคณะกรรมการได้รับสำนวนการสอบสวนและความเห็นของคณะอนุกรรมการ
สอบสวนแล้ว ให้คณะกรรมการพิจารณาสำนวนการสอบสวนและความเห็นดังกล่าว
   คณะกรรมการอาจให้คณะอนุกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมก่อนวินิจฉัยชี้ขาดก็ได้
   คณะกรรมการมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
   (1) ยกข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษ
   (2) ว่ากล่าวตักเตือน
   (3) ภาคทัณฑ์
   (4) พักใช้ใบอนุญาตมีกำหนดตามเวลาที่เห็นสมควร แต่ไม่เกินสองปี
   (5) เพิกถอนใบอนุญาต
   ภายใต้บังคับมาตรา 26 คำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการตามมาตรานี้ให้ทำเป็นคำสั่ง
สภาการพยาบาล และให้ถือเป็นที่สุด

   มาตรา 42 ให้เลขาธิการแจ้งคำสั่งสภาการพยาบาลตามมาตรา 41 ไปยังผู้ถูกกล่าวหาหรือ
ผู้ถูกกล่าวโทษเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า และให้บันทึกข้อความตามคำสั่งนั้นไว้ในทะเบียน
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ด้วย

   มาตรา 43 ภายใต้บังคับมาตรา 27 ห้ามมิให้ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์
หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ซึ่งอยู่ในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือซึ่งถูกสั่งเพิกถอน
ใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพดังกล่าวหรือแสดงด้วยวิธีใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิ
ประกอบวิชาชีพดังกล่าว นับแต่วันที่ทราบคำสั่งสภาการพยาบาลที่สั่งพักใช้ใบอนุญาต หรือ
สั่งเพิกถอนใบอนุญาตนั้น

   มาตรา 44 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการ
ผดุงครรภ์ ซึ่งอยู่ในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตผู้ใด กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 43 และถูกลง
โทษจำคุกตามมาตรา 46 โดยคำพิพากษาถึงที่สุด ให้คณะกรรมการสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของผู้นั้น
ตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด

   มาตรา 45 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการ
ผดุงครรภ์ซึ่งถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตอาจขอรับใบอนุญาตอีกได้เมื่อพ้นสองปีนับแต่วันที่ถูกสั่ง
เพิกถอนใบอนุญาต ถ้าคณะกรรมการได้พิจารณาคำขอรับใบอนุญาตและปฏิเสธการออกใบอนุญาตผู้นั้น
จะยื่นคำขอรับใบอนุญาตได้อีกต่อเมื่อสิ้นระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่คณะกรรมการปฏิเสธการออก
ใบอนุญาต ถ้าคณะกรรมการปฏิเสธการออกใบอนุญาตเป็นครั้งที่สองแล้ว ผู้นั้นเป็นอันหมดสิทธิ
ขอรับใบอนุญาตอีกต่อไป

   มาตรา 46 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 27 หรือมาตรา 43 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือ
ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 47 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 31 วรรคสาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

   มาตรา 48 ผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคำ หรือไม่ส่งเอกสารหรือวัตถุใด ๆ ตามที่เรียกหรือแจ้งให้ส่ง
ตามมาตรา 39 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้ง
ปรับ

   มาตรา 49 ผู้ใดได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบันในสาขา
การพยาบาล สาขาการผดุงครรภ์ หรือสาขาการพยาบาลและผดุงครรภ์ ตามกฎหมายว่าด้วย
การควบคุมการประกอบโรคศิลปะอยู่แล้วในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นสมาชิกสามัญของสภาการพยาบาลตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 50 ผู้ใดได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบัน ใน
สาขาการพยาบาล สาขาการผดุงครรภ์ หรือสาขาการพยาบาลและผดุงครรภ์ ตามกฎหมายว่า
ด้วยการควบคุมการประกอบโรคศิลปะ และใบอนุญาตนั้นยังคงใช้ได้ในวันที่พระราชบัญญัตินี้
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ถือว่าผู้นั้นได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพใน
ประเภทและชั้น แล้วแต่กรณี ตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 51 ในระยะเริ่มแรกที่ยังมิได้เลือกตั้งสมาชิกสามัญของสภาการพยาบาลเป็น
กรรมการ ให้คณะกรรมการประกอบด้วยปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นนายกสภาการพยาบาล
และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งตามมาตรา 14 เป็นกรรมการ การแต่งตั้งดังกล่าวจะต้องกระทำให้แล้ว
เสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
   ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเลือกผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ
ตามมาตรา 14 ให้ทำหน้าที่เลขาธิการ รองเลขาธิการ และเหรัญญิก ตำแหน่งละหนึ่งคน ทั้งนี้
จนกว่าจะได้เลือกตั้งสมาชิกสามัญของสภาการพยาบาลเป็นกรรมการแล้วเสร็จ
   การเลือกตั้งสมาชิกสามัญของสภาการพยาบาลเป็นกรรมการ ให้กระทำให้แล้วเสร็จภายใน
หนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

   มาตรา 52 ในระหว่างที่ยังมิได้ออกระเบียบหรือข้อบังคับเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
ให้นำกฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการประกอบ
โรคศิลปะในส่วนที่เกี่ยวกับวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์มาใช้บังคับโดยอนุโลม  แต่ทั้ง
นี้ต้องไม่เกินหนึ่งนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือ โดยที่ในปัจจุบันการประกอบโรคศิลปะ
แผนปัจจุบันในสาขาการพยาบาลและการผดุงครรภ์อยู่ในความควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการ
ประกอบโรคศิลปะซึ่งมีคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะทำหน้าที่ควบคุมทั้งการประกอบ
โรคศิลปะแผนปัจจุบันในสาขาทันตกรรม เภสัชกรรม การพยาบาล การผดุงครรภ์ กายภาพบำบัดเทคนิค
การแพทย์ และการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณในสาขาเวชกรรม เภสัชกรรม การผดุงครรภ์และใน
ปัจจุบันมีผู้ประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบันในสาขาการพยาบาลและการผดุงครรภ์เป็นจำนวนมากสมควรแยก
การควบคุมการประกอบวิชาชีพดังกล่าวออกจากอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมการประกอบ
โรคศิลปะโดยจัดตั้งสภาการพยาบาลขึ้น ประกอบด้วยผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผู้ประกอบ
วิชาชีพดังกล่าว และผู้ประกอบวิชาชีพดังกล่าว ซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยผู้ประกอบวิชาชีพด้วยกันเอง เป็น
กรรมการ เพื่อความคล่องตัวในการทำหน้าที่ควบคุมและส่งเสริมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพ
การพยาบาลและการผดุงครรภ์โดยอิสระเหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 102 ตอนที่ 120 หน้า 10   5 กันยายน 2528)
   อัตราค่าธรรมเนียม
   (1) ค่าขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบ
       วิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง                    ฉบับละ 300 บาท
   (2) ค่าขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบ
       วิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง                   ฉบับละ 300 บาท
   (3) ค่าขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบ
       วิชาชีพการพยาบาลแบะการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง       ฉบับละ 300 บาท
   (4) ค่าขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบ
       วิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นสอง                   ฉบับละ 200 บาท
   (5) ค่าขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบ
       วิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นสอง                   ฉบับละ 200 บาท
   (6) ค่าขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบ
       วิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นสอง       ฉบับละ 200 บาท
   (7) ค่าหนังสืออนุมัติ หรือวุฒิบัตรเกี่ยวกับความรู้
       และความชำนาญเฉพาะทางหนังสือแสดงวุฒิ
       อื่นในวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์
       หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์              ฉบับละ 200 บาท
   (8) ค่าหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบ
       วิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือ
       การพยาบาลและการผดุงครรภ์                 ฉบับละ 150 บาท
   (9) ค่าใบแทนใบอนุญาต และค่าใบแทนเอกสาร
       ตาม (7)                                ฉบับละ 100 บาท