พระราชบัญญัติ
                       โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดสะแก
                ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
                           ให้แก่กรมชลประทาน
                              พ.ศ. 2527
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                   ให้ไว้แก่ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2527
                        เป็นปีที่ 39 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ
ให้ประกาศว่า
      โดยที่เป็นการสมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดสะแก ตำบลข้าวเม่าอำเภออุทัย
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน
      จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม
ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้

      มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดสะแก
ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. 2527"

      มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

      มาตรา 3 ให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดสะแก ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัย
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ 1 งาน 94 ตารางวา  ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้าย
พระราชบัญญัตินี้ ให้แก่กรมชลประทาน

      มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
   พลเอก ประจวบ สุนทรางกูร
     รองนายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับที่ คือ เนื่องจากกรมชลประทาน
ได้ขุดคลองระบายน้ำสาย 2 ขวา- 1 ซ้าย ป่าสัก เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานตามโครงการ
นครหลวง ที่ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และได้ทำการสำรวจแล้ว
ปรากฏว่า แนวเขตคลองระบายน้ำสายนี้ระหว่าง กม.ที่ 3.114 ถึง กม.ที่ 3.350 ถูกที่ธรณีสงฆ์
วัดสะแก ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ 1 งาน 94 ตารางวา
ตามโฉนดที่ 1506 และคณะกรรมการจัดซื้อและกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อการชลประทาน
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้กำหนดค่าผาติกรรมให้ ราคาไร่ละ 4,000.- บาท เป็นเงิน
1,940.- บาท กรมชลประทานได้ติดต่อกับกรมศาสนา เพื่อขอโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าว
ให้แก่กรมชลประทานและกรมการศาสนาได้นำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณาแล้วไม่ขัดข้อง
สมควรโอนกรรมสิทธ์ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวให้แก่กรมชลประทานจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(แผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ดูได้จาก ร.จ.เล่ม 101 ตอนที่ 171 หน้า 22  21 พฤศจิกายน 2527)