พระราชบัญญัติ เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุต อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2527 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2527 เป็นปีที่ 39 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบล มาบตาพุต อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมและกิจการอื่น ที่เป็นประโยชน์หรือเกี่ยวเนื่องกับนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ทำการสำรวจที่ที่จะต้องเวนคืนเสร็จแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุต อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2527"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืน อสังหาริมทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 4 ให้เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ซึ่ง ปรากฏรายชื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้แก่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
มาตรา 5 ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกำหนดราคาของอสังหาริมทรัพย์ ที่เวนคืนตามความเป็นธรรมที่เป็นอยู่ในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณ ที่ที่จะเวนคืนในท้องที่กิ่งอำเภอบ้านฉาง อำเภอเมืองระยอง และอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2525 ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงผลการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ซึ่งตีราคาเพื่อ ประโยชน์แก่การเสียภาษีบำรุงท้องที่และราคาประเมินทุนทรัพย์ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตลอดจนสภาพและที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ประกอบกับเหตุและวัตถุประสงค์ของการเวนคืน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม
มาตรา 6 ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง โดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัตินี้ มารับเงินค่าทดแทน ตามจำนวนที่กำหนดตามมาตรา 5 ภายในระยะเวลาที่กำหนด ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทนผู้ใดไม่ยอมมารับเงินค่าทดแทนภายในระยะเวลาที่ กำหนด หรือในกรณีที่ไม่อาจจ่ายเงินค่าทดแทนให้ผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทนรายใดได้รับทันที เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับสิทธิระหว่างผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทนในอสังหาริมทรัพย์นั้น ให้การ นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยวางเงินค่าทดแทนนั้นตามมาตรา 7 โดยพลัน เมื่อได้จ่ายหรือวางเงินค่าทดแทนเพื่ออสังหาริมทรัพย์ที่เวนคืนรายใดแล้ว ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีอำนาจเข้าครอบครองและใช้อสังหาริมทรัพย์ นั้นได้ ในการจะจ่ายหรือวางเงินค่าทดแทนนี้ ถ้าเป็นกรณีการใช้เงินค่าทดแทนสำหรับ อสังหาริมทรัพย์ที่อาจรื้อถอนออกไปได้ ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแจ้งให้ เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งอสังหาริมทรัพย์นั้นรื้อถอนอสังหาริมทรัพย์ ดังกล่าวออกไปภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครอง โดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งอสังหาริมทรัพย์ไม่รื้อถอนไปภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้การ นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีอำนาจเข้ารื้อถอนได้โดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบ ด้วยกฎหมายดังกล่าวต้องเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่าย ถ้าไม่มีการชำระ ให้หักค่าใช้จ่ายเพื่อการ นี้ออกจากเงินค่าทดแทนที่จะได้รับแล้วจึงจ่ายหรือวางเงินค่าทดแทนส่วนที่เหลือให้ การที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ฟ้องคดียังศาลเพื่อเรียกเงินในส่วน ที่ตนเห็นควรจะได้รับไม่เป็นเหตุให้การครอบครองอสังหาริมทรัพย์การรื้อถอนอสังหาริมทรัพย์ หรือการขนย้ายทรัพย์สินสดุดหยุดลง
มาตรา 7 ในกรณีที่จะต้องมีการวางเงินค่าทดแทนไม่ว่าเนื่องในกรณีใด ๆการวาง เงินค่าทดแทนให้กระทำโดยการนำเงินไปวางต่อศาลหรือฝากไว้กับธนาคารออมสินในซื่อของ ผู้มีสิทธิได้รับโดยแยกฝากเป็นบัญชีเฉพาะราย ในการนี้ถ้ามี ดอกเบี้ยหรือค่าทดแทนใด ๆ เกิด ขึ้นเนื่องจากการฝากเงินนั้น ให้ตกเป็นสิทธิแก่ผู้นั้นด้วย ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนจะขอรับ เงินจากศาลเมื่อใดก็ได้ แต่การไปรับเงินฝากจากธนาคารออมสิน ให้ผู้ประสงค์ขอรับเงินแจ้ง ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน เพื่อการ นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะได้ดำเนินการเบิกจ่ายได้ การนำเงินค่าทดแทนไปวางต่อศาลหรือฝากไว้กับธนาคารออมสิน ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด
มาตรา 8 ในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้การนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทยแจ้งการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ที่ตกมาเป็นของการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมทราบเพื่อบันทึกหลักฐานทาง ทะเบียน เพื่อประโยชน์ในการบันทึกหลักฐานตามวรรคหนึ่งให้พนักงานที่ดังกล่าวมีอำนาจตาม ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 74 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายที่ดินด้วย
มาตรา 9 ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทนรับชำระเงินค่าทดแทนแต่ยังไม่ยินยอม ตกลงในจำนวนเงินค่าทดแทนที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกำหนดหรือรับหรือไม่ รับเงินค่าทดแทนที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยวางไว้ตามมาตรา 7 ไม่ตัดสิทธิ ผู้นั้นที่จะอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อเรียกเงินส่วนที่ตนเห็นว่าควร จะได้รับภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ตนรับเงินค่าทดแทนจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือวันที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยวางเงินค่าทดแทนตามมาตรา 7 หรือ ในกรณีที่ไม่ได้รับเงินค่าทดแทนไปนับแต่วันที่ตนได้รับแจ้ง แล้วแต่กรณี ในการพิจารณาอุทธรณ์จำนวนค่าทดแทนตามมาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่ง ประกอบด้วยบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมาย และ ผู้มีความรู้ความสามารถในการตีราคาอสังหาริมทรัพย์มีจำนวนทั้งหมดไม่น้อยกว่าห้าคนเป็น ผู้พิจารณาเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในกรณีที่มีสิทธิได้รับค่าทดแทนยังไม่พอใจคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ฟ้องต่อศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมหรือศาลวินิจฉัยให้ชำระเงินค่าทดแทน เพิ่มขึ้น ให้ผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทนได้รับดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภท ฝากประจำของธนาคารในจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ได้มีการจ่ายหรือวางเงิน ค่าทดแทนนั้น
มาตรา 10 นอกจากที่ได้บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ การดำเนินการเวนคืน ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 11 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอกป. ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี (ร.จ. เล่ม 101 ตอนที่ 105 หน้าที่ 1 10 สิงหาคม 2527) |