พระราชบัญญัติ
                            รักษาคลองประปา
                              พ.ศ. 2526
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                     ให้ไว้ ณ วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2526
                        เป็นปีที่ 38 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ
ให้ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการรักษาคลองประปา
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม
ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติรักษาคลองประปา พ.ศ. 2526"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติรักษาคลองประปา พระพุทธศักราช 2456
   บรรดาบทกฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้หรือซึ่ง
ขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

   มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
   "คลองประปา" หมายความว่า คลองที่การประปาใช้เก็บน้ำและส่งน้ำที่ได้มาจากแหล่งน้ำดิบ
คลองรับน้ำ หรือคลองขังน้ำ เพื่อใช้ในการผลิตน้ำประปาตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็น
คลองประปาตามมาตรา 5
   "แหล่งน้ำดิบ" หมายความว่า แหล่งน้ำที่นำน้ำมาใช้ในการผลิตน้ำประปาของการประปา
   "คลองรับน้ำ" หมายความว่า คลองที่ใช้รับน้ำดิบจากแหล่งน้ำดิบเข้าสู่คลองขังน้ำหรือคลองประปา
   "คลองขังน้ำ" หมายความว่า คลองหรือที่ที่ใช้เก็บน้ำดิบสำหรับส่งเข้าคลองประปา
   "เขตหวงห้าม" หมายความว่า เขตของคลองขังน้ำที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดเป็นเขตหวงห้าม
ตามมาตรา 5
   "คันคลอง" หมายความว่า มูลดินที่ถมขึ้นหรือสิ่งที่ทำขึ้นเป็นคันยาวไปตามแนวคลองประปา
คลองรับน้ำ หรือคลองขังน้ำ
   "ท่อส่งน้ำดิบ" หมายความว่า ท่อส่งน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำประปาของการประปารวมทั้ง
ท่ออื่นใดซึ่งส่งน้ำดิบจากคลองประปาลอดใต้คลองอื่นที่มิใช่คลองประปา
   "ท่อผ่านคลอง" หมายความว่า ท่อส่งน้ำจากคลองอื่นหรือแหล่งน้ำอื่นที่ฝังลอดใต้คลองประปา
   "การประปา" หมายความว่า การประปานครหลวงตามกฎหมายว่าด้วยการประปานครหลวง
หรือการประปาส่วนภูมิภาคตามกฎหมายว่าด้วยการประปาส่วนภูมิภาค หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่
ดำเนินการประปาแล้วแต่กรณี
   "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 5  การกำหนดบริเวณใดเป็นคลองประปา คลองรับ คลองขังน้ำ และการกำหนด
เขตคลองดังกล่าวหรือเขตหวงห้ามตามพระราชบัญญัตินี้ รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดโดยประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา
   การเปลี่ยนแปลงบริเวณคลอง เขตคลองหรือเขตหวงห้าม หรือการยกเลิกคลองหรือเขตคลอง
หรือเขตหวงห้ามที่ได้ประกาศกำหนดไว้รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

   มาตรา 6 ให้การประปาจัดให้มีหลักเขตและป้ายหรือเครื่องหมายอื่นแสดงเขตคลองประปาและ
เขตหวงห้ามไว้ให้เห็นได้โดยชัดเจน

   มาตรา 7 ผู้ใดประสงค์จะขออนุญาตเพื่อกระทำการตามที่มาตรา 8 วรรคหนึ่ง มาตรา 9
วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 10 ได้บัญญัติห้ามไว้ให้ปฏิบัติดังนี้
   (1) ในเขตการประปานครหลวงตามกฎหมายว่าด้วยการประปานครหลวง และในเขตคลองประปา
คลองรับน้ำ คลองขังน้ำ และเขตหวงห้ามในจังหวัดปทุมธานี ตามที่รัฐมนตรีกำหนด โดยให้
ยื่นคำขอต่อการประปานครหลวง
   (2)ในเขตการประปาส่วนภูมิภาคตามกฎหมายว่าด้วยการประปาส่วนภูมิภาค ให้ยื่นต่อ
การประปาส่วนภูมิภาค
   (3) ในเขตการประปาซึ่งดำเนินกิจการโดยหน่วยงานอื่นของรัฐให้ยื่นคำขอต่อหน่วยงานนั้นๆ
   การขออนุญาต การอนุญาต และเงื่อนไขในการอนุญาตเพื่อดำเนินการดังกล่าวตามวรรคหนึ่งใน
เขตการประปาใด ให้เป็นไปตามข้อบังคับของการประปาตาม (1) (2) หรือ (3) แล้วแต่กรณี

   มาตรา 8 ห้ามมิให้ผู้ใดชักน้ำหรือวิดน้ำในคลองประปา คลองรับน้ำ หรือคลองขังน้ำ โดย
ใช้เครื่องสูบน้ำ ระหัด แครง โชงโลง หรือเครื่องมืออื่นใดอันมีลักษณะเดียวกัน หรือทำให้น้ำใน
คลองดังกล่าวรั่วไหล เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากการประปาตามมาตรา 7 และต้องปฏิบัติ
ตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น
   ความในมาตรานี้มิให้ใช้บังคับแก่การตักน้ำไปใช้เพื่อการอุปโภคหรือบริโภคในครัวเรือน

   มาตรา 9 ห้ามมิให้ผู้ใดขุดหรือขยายคลองประปา คลองรับน้ำหรือคลองขังน้ำ สร้างทำนบ
หรือปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างอื่นใดลงในเขตคลองดังกล่าว เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก
การประปาตามมาตรา 7 และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น
   ในกรณีที่ได้รับอนุญาตจากการประปาตามมาตรา7ให้ปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างใน
บริเวณคลองประปา คลองรับน้ำ หรือคลองขังน้ำ และให้สิ่งก่อสร้างดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ
การประปา

   มาตรา 10 ห้ามมิให้ผู้ใดเดินเรือในคลองประปา คลองรับน้ำหรือเขตหวงห้าม เว้นแต่ได้รับ
อนุญาติเป็นหนังสือจากการประปาตามมาตรา 7 และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาต
นั้น

   มาตรา11 ห้ามมิให้ผู้ใดใช้ถ่อค้ำ หรือจอดเรือในบริเวณที่มีป้ายหรือเครื่องหมายของ
การประปาแสดงว่าเป็นบริเวณที่ฝังท่อส่งน้ำดิบ

   มาตรา 12  ห้ามมิให้ผู้ใดทำลายหรือทำให้เสียหายแก่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดังต่อไปนี้
   (1) คันคลอง
   (2) ประตูน้ำ ทำนบหรือเขื่อนของการประปา
   (3) ท่อส่งน้ำดิบ หรือท่อผ่านคลอง
   (4) สะพานข้ามคลองประปา สะพานข้ามคลองรับน้ำหรือสะพานข้ามคลองขังน้ำ

   มาตรา13 ห้ามมิให้ผู้ใดนำหรือปล่อยสัตว์ใด ๆ ลงไปในคลองประปา คลองรับน้ำ หรือ
เขตหวงห้าม

   มาตรา 14  ห้ามมิให้ผู้ใดเท หรือ ทิ้งสิ่งใด ๆ หรือระบายหรือทำให้น้ำโสโครกลงไปใน
คลองประปาในคลองประปา คลองรับน้ำ หรือคลองขังน้ำ

   มาตรา 15 ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งซากสัตว์ ขยะมูลฝอย หรือสิ่งปฏิกูลลงในเขตคลองประปา
คลองรับน้ำ หรือคลองขังน้ำ

   มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดซักผ้า ล้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรืออาบน้ำในเขตคลองประปา

   มาตรา 17 ห้ามมิให้ผู้ใดเพาะปลูกพืชชนิดหนึ่งชนิดใดในคลองประปา คลองรับน้ำ
หรือเขตหวงห้าม

   มาตรา 18 ห้ามมิให้ผู้ใดจับสัตว์น้ำ
   (1) ในคลองประปา คลองรับน้ำ หรือเขตหวงห้ามหรือ
   (2) ในคลองขังน้ำซึ่งอยู่นอกเขตหวงห้าม โดยใช้เครื่องมือที่ปักหรือดักไว้ อันเป็นการกีดขวาง
การปฏิบัติงานของการประปา

   มาตรา 19 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 8 วรรคหนึ่ง มาตรา 9 วรรคหนึ่ง มาตรา 14 หรือมาตรา 15
หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตให้กระทำการตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง หรือ
มาตรา9 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือ
ทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 20 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 13 มาตรา 17 หรือมาตรา 18 หรือ
ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตให้กระทำตามมาตรา 10 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
สองพันบาท

   มาตรา 21 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 12 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกนหกหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 22 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 16 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

   มาตรา 23 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มี
อำนาจออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
   ประกาศนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
   พลเอกป. ติณสูลานนท์
       นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ  โดยที่กฎหมายว่าด้วย
การรักษาคลองประปาซึ่งได้ตราขึ้นไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2456 มีบทบัญญัติที่ไม่เหมาะสมกับสภาพการใน
ปัจจุบันซึ่งได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอันมาก ทำให้เกิดความไม่สะดวกแก่การปฏิบัติราชการ
นอกจากนี้ได้มีการจัดตั้งการประปาส่วนภูมิภาคแยกต่างหากจากการประปานครหลวงแล้ว ในการนี้
สมควรปรับปรุงบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น รวมทั้งให้มีการรักษาคลองประปา
ในเขตของการประปาส่วนภูมิภาคในลักษณะเดียวกันกับคลองประปาในเขตของการประปานครหลวง
ด้วยจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 100  ตอนที่ 160 หน้า 1  6 ตุลาคม 2526)