พระราชบัญญัติ โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบล เขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2526 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2526 เป็นปีที่ 38 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ให้ แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ อำเภอ อุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่นให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2526"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของ แผ่นดินโดยเฉพาะตาม น.ส. 3 แปลงทะเบียนครอบครอง เลขที่ 19 เนื้อที่ประมาณ 14 ไร่ และแปลงทะเบียนครอบครอง เลขที่ 20 เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ในท้องที่ตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้แก่การไฟฟ้า แห่งประเทศไทย
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอกป. ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือ เนื่องจากตามประกาศของ คณะปฏิวัติ ฉบับที่ 40 ลงวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2515 ให้โอนทรัพย์สินของการพลังงานแห่งชาติ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับโครงการแม่น้ำพุงและโครงการน้ำพอง ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทย แต่โดยที่ในขณะนั้นมีที่ดินสองแปลง คือที่ดินตาม น.ส. 3 แปลงทะเบียนครอบครอง เลขที่ 19 และแปลงทะเบียนครอบครอง เลขที่ 20 ซึ่งเป็นทรัพย์สินของการพลังงานแห่งชาติที่จะ ต้องโอนให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวนั้น กำลัง เป็นคดีพิพาทกันอยู่ จึงยังมิได้โอนไปให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยบัดนี้ คดีถึงที่สุดแล้วและ ที่ดินทั้งสองแปลงนั้นได้ตกเป็นทรัพย์สินของสำนักงานพลังงานแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน จึงสมควรโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ต่อไป แต่โดยที่ที่ดินทั้งสองแปลงนี้เป็นที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ซึ่งมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 และมาตรา 1305 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดให้การโอนกระทำ โดยตราเป็นพระราชบัญญัติ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (แผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ดูจาก ร.จ. เล่ม 100 ตอนที่ 67 หน้า 7 28 เมษายน 2526) |