พระราชบัญญัติ
                 โอนกิจการในส่วนที่เกี่ยวกับท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ
             ของกองทัพเรือ กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม
                และของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม
                     ไปเป็นของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
                              พ.ศ. 2526
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                    ให้ไว้ ณ วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2526
                        เป็นปีที่ 38 ในราชการปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรโอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของกองทัพเรือ
กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหมและของสำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงคมนาคม เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ไปเป็นของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม
ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนกิจการในส่วนที่เกี่ยวกับท่าเรือ
พาณิชย์สัตหีบของกองทัพเรือ กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม และของ
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม ไปเป็นของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2526"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ตลอดจนงบประมาณของกองทัพเรือ
กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม และของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม
ในส่วนที่เกี่ยวกับท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ที่อยู่ในอาณาบริเวณตามพระราชกฤษฎีกากำหนด
อาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2522
ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้วแต่กรณี
จะได้กำหนดและประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไปเป็นของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ตั้งแต่
วันที่กำหนดในประกาศนั้น และในกรณีที่เห็นสมควรให้กำหนดวันโอนย้อนหลังไปได้  แต่ต้องไม่
ก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือพาณิชย์
สัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2522  ใช้บังคับ

   มาตรา 4 บรรดาที่ราชพัสดุซึ่งอยู่ในความครอบครองและใช้ประโยชน์ของกองทัพเรือ
อันเกี่ยวกับการท่าเรือสัตหีบ และที่ราชพัสดุซึ่งกองทัพอากาศครอบครองและใช้ประโยชน์เกี่ยวกับ
การบินภายในอาณาบริเวณตามพระราชกฤษฎีกากำหนดอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ณ ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2522 ให้กองทัพเรือมีอำนาจ
อนุญาตให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยใช้ประโยชน์ได้ การใช้ที่ราชพัสดุ การปลูกสร้าง ดัดแปลง
รื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคารหรือสิ่งปลูกสร่างในที่ราชพัสดุ ตลอดจนการเรียกค่าตอบแทนการใช้
ประโยชน์ให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงการคลังและกองทัพเรือร่วมกันกำหนด

   มาตรา 5 ข้าราชการหรือลูกจ้างผู้ใดของกองทัพเรือ กองบัญชาการทหารสูงสุด
กระทรวงกลาโหม และของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม ซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับกิจการที่โอน
ไปตามมาตรา 3 ถ้าสมัครใจจะโอนไปปฏิบัติงานกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือพาณิชย์
สัตหีบ และได้แจ้งความจำนงเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนเงินเดือนภายใน
สามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้โอนข้าราชการหรือลูกจ้างผู้นั้นไปเป็นพนักงาน
หรือลูกจ้างของการท่าเรือแห่งประเทศไทย แต่ทั้งนี้ตามที่กระทรวงเจ้าสังกัดและการท่าเรือ
แห่งประเทศไทยจะได้ตกลงกัน
   ให้ข้าราชการหรือลูกจ้างที่โอนไปตามวรรคหนึ่ง ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งสิทธิและ
ประโยชน์ต่าง ๆ เท่ากับที่เคยได้รับอยู่เดิมพลางก่อนจนกว่าผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จะได้บรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง แต่จะแต่งตั้งให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเงินเดือน
หรือค่าจ้างที่ได้รับอยู่เดิมไม่ได้

   มาตรา 6 การโอนข้าราชการตามมาตรา 5 ให้ถือว่าเป็นการให้ออกจากประจำการเพราะ
เลิกหรือยุบตำแหน่ง ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
   การโอนลูกจ้างตามมาตรา 5 ให้ถือว่าเป็นการให้ออกจากงานเพราะทางราชการยุบตำแหน่ง
หรือทางราชการเลิกจ้างโดยไม่มีความผิดและให้ได้รับบำเหน็จ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง

   มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษา
การตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
   พลเอกป. ติณสูลานนท์
      นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากได้มีพระราชกฤษฎีกา
กำหนดอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ อำเภอสัตหีบ
จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2522 ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเข้าปรับปรุงและดำเนินกิจการท่าเรือ
สัตหีบ ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกให้เป็นท่าเรือพาณิชย์เพื่อให้รับกับการขยายตัวของกิจการท่าเรือของ
ประเทศมาตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2522 ในการนี้สมควรโอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และ
งบประมาณของกองทัพเรือ กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม และของสำนักงานปลัด
กระทรวงคมนาคม เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ให้แก่การท่าเรือแห่งประเทศไทย
ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้สามารถบริหารและดำเนินกิจการท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ให้เจริญก้าวหน้า
ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ จึงจำเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 100  ตอนที่ 56  หน้า 7   8 เมษายน 2526)