พระราชบัญญัติ
                 เวนคืนสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล
          สายรัชดาภิเษก ในท้องที่แขวงห้วยขวาง แขวงสามเสนนอก
               เขตห้วยขวาง และแขวงลาดยาว เขตบางเขน
                             กรุงเทพมหานคร
                              พ.ศ. 2526
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                    ให้ไว้ ณ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2526
                        เป็นปีที่ 38 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรให้เวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษก
ในท้องที่แขวงห้วยขวาง แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวางและแขวงลาดยาว
เขตบางขุน กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ทำการสำรวจที่ที่จะต้องเวนคืนเสร็จแล้วตามความในประกาศ
ของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 259 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวง
เทศบาล สายรัชดาภิเษก ในท้องที่แขวงห้วยขวาง แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง
และแขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2526"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตาม
พระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 4 ให้เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่เขตห้วยขวาง แขวงสามเสนนอก เขต
ห้วยขวาง และแขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ให้แก่กระทรวงมหาดไทย
เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายรัชดาภิเษก โดยมีแนวทางส่วนแคบที่สุดสี่สิบเมตร และ
ส่วนกว้างที่สุดสองร้อยเมตร ตามแผนผังที่ดินซึ่งจะได้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ว่าการเขตและที่ซึ่ง
อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่

   มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
  พลเอกป.ติณสูลานนท์
     นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ: เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกรุงเทพมหานครได้
สำรวจที่ที่จะต้องเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษก ในท้องที่เขตห้วยขวาง
แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง และแขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
เสร็จแล้ว สมควรที่จะเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 259
ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
(ร.จ. เล่ม 100 ตอนที่ 50 หน้า 1 31 มีนาคม 2526)