พระราชบัญญัติ
                แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 26)
                            พ.ศ. 2525
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                 ให้ไว้ ณ วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2525
                      เป็นปีที่ 37 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ
ให้ประกาศว่า
      โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
      จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม
ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้

      มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2525"

      มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป เว้นแต่
      (1) บทบัญญัติมาตรา 3 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัตินี้
ว่าด้วยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำ พ.ศ. 2525 ที่
จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. 2526 เป็นต้นไป
      (2) บทบัญญัติมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัตินี้ ว่าด้วยภาษีเงินได้บริษัท
และห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งรอบ
ระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2525 เป็นต้นไป

      มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของ (ข) ของมาตรา 40 (4) แห่ง
ประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2522 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
      "(ข) เงินปันผล เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทหรือ
ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กองทุนรวม หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทย
จัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม เงินปันผล
หรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วย
ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว"

      มาตรา 4 ให้ยกเลิกความใน (14) ของมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไข
เพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 10 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 และให้ใช้
ความต่อไปนี้แทน
      "(14) เงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
แต่มิใช่กองทุนรวม"

      มาตรา 5 ให้ยกเลิกความใน (20) ของมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไข
เพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 206 ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2515

      มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของ (จ) ของมาตรา 47 (1) แห่ง
ประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่
6) พ.ศ. 2523 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
      "(จ) เงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ข) เท่าจำนวนที่ได้รับแต่ต้องไม่เกิน 10,000
บาท เฉพาะส่วนที่ได้รับจากกองทุนรวม หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศ
ไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม"

      มาตรา 7 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของมาตรา 48 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 10 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520
      "ภาษีที่เสียแทนตามวรรคหนึ่งให้ถือเป็นเครดิตของผู้เสียภาษีในการคำนวณภาษี"

      มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของ (ง) ของมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2523
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
      "(ง) ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ข) ที่จ่ายจากกองทุนรวม หรือ
สถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริม
เกษตรกรรมพาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม ให้หักลดหย่อนตามอัตราในวรรคสองของมาตรา
47 (1) (จ) ก่อน แล้วคำนวณหักตามอัตราภาษีเงินได้"

      มาตรา 9 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของ (10) ของมาตรา 65 ทวิ แห่ง
ประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2521 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
      "(10) สำหรับบริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ให้นำเงินปันผลที่ได้จากบริษัทจำกัด
ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือกองทุนรวม หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของ
ประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรือ
อุตสาหกรรมหรือเงินส่วนแบ่งกำไรที่ได้จากกิจการร่วมค้า มารวมคำนวณเป็นรายได้เพียง
กึ่งหนึ่งของจำนวนที่ได้ เว้นแต่บริษัทจดทะเบียนไม่ต้องนำเงินปันผลที่ได้จากบริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้น
ตามกฎหมายไทย หรือบริษัทจดทะเบียน หรือกองทุนรวม หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดย
เฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรมหรือ
อุตสาหกรรม และเงินส่วนแบ่งกำไรที่ได้จากกิจการร่วมค้ามารวมคำนวณเป็นรายได้"

      มาตรา 10 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 65 จัตวา แห่งประมวลรัษฎากร
      "มาตรา 65 จัตวา ให้องค์การของรัฐบาลเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้าทอดหนึ่งทอด
ใดหรือทุกทอดซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ซื้อสินค้าจากองค์การของรัฐบาลตามวิธีการ
อัตรา และประเภทสินค้าที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับเงินได้จากการขายสินค้านั้น
      ภาษีที่เสียแทนตามวรรคหนึ่งให้ถือเป็นเครดิตของผู้เสียภาษีในการคำนวณภาษี"

      มาตรา 11 ให้ยกเลิกความในมาตรา 75 และมาตรา 76 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่ง
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496

      มาตรา 12 บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัตินี้ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไป เฉพาะในการปฏิบัติจัดเก็บภาษีอากรที่ค้างอยู่หรือที่
พึงชำระก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

      มาตรา 13 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือโดยที่เป็นการสมควรกำหนด
ให้เงินปันผลที่ได้จากสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้
กู้ยืมเงินเพื่อสิ่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม เป็นเงินได้พึงประเมิน
ประเภทเดียวกับเงินปันผลที่ได้จากบริษัทจำกัด โดยให้เงินปันผลดังกล่าวนี้ได้รับการปฏิบัติ
เหมือนกับเงินปันผลที่ได้รับจากกองทุนรวม และยกเลิกการให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
เสียภาษีเงินได้อย่างบุคคลธรรมดา เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี และให้องค์การของรัฐบาล
เสียภาษีเงินได้จากการขายสินค้าขององค์การของรัฐบาลแทนผู้ขายสินค้าซึ่งเป็นบริษัทหรือ
ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเช่นเดียวกับผู้ขายสินค้าซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา จึงจำเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 99 ตอนที่ 121 หน้า 1 27 สิงหาคม 2525)