พระราชบัญญัติ
                          โรงเรียนเอกชน
                            พ.ศ. 2525
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                  ให้ไว้ ณ วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2525
                      เป็นปีที่ 37 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ
ให้ประกาศว่า
      โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนราษฎร์
      จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม
ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้

      มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2525"

      มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

      มาตรา 3 ให้ยกเลิก
      (1) พระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. 2497
      (2) พระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2518

      มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
      "โรงเรียน" หมายความว่า โรงเรียนเอกชน อันได้แก่สถานศึกษาหรือสถานที่ที่บุคคล
จัดการให้การศึกษาในระดับที่ต่ำกว่าขั้นปริญญาตรีแก่นักเรียนทุกผลัดรวมกันเกินเจ็ดคนขึ้นไป
      "นักเรียน" หมายความว่า ผู้รับการศึกษาจากโรงเรียน
      "ผู้รับใบอนุญาต" หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน
      "ผู้จัดการ" หมายความว่า ผู้ทำหน้าที่ผู้จัดการหรือผู้อำนวยการโรงเรียน
      "ครูใหญ่" หมายความว่า ผู้ทำหน้าที่ครูใหญ่หรืออาจารย์ใหญ่
      "ครู" หมายความว่า ผู้ทำหน้าที่ครูหรืออาจารย์
      "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ข้าราชการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตาม
พระราชบัญญัตินี้
      "เลขาธิการ" หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน
      "ผู้อนุญาต" หมายความว่า เลขาธิการ สำหรับกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัด
สำหรับจังหวัดอื่น
      "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

      มาตรา 5 พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่
      (1) สถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร หรือราชการ
ส่วนท้องถิ่นจัดตั้งขึ้น
      (2) สถานศึกษาที่มิได้สอบตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการที่กระทรวง ทบวง
กรม หน่วยงาน หรือองค์การของรัฐจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้การศึกษาเฉพาะอย่างตาม
ความต้องการของกระทรวง ทบวง กรม หน่วยงาน หรือองค์การของรัฐนั้น
      (3) สถานศึกษาที่คณะสงฆ์จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การศึกษาอบรมและสั่งสอน
พระธรรมวินัย
      (4) สถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน

      มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และ
ให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้าย
พระราชบัญญัตินี้และกำหนดกิจการอื่นหรือออกระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
      กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

      มาตรา 7 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า "คณะกรรมการการศึกษาเอกชน"
ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานกรรมการ อธิบดี
กรมการศึกษานอกโรงเรียนอธิบดีกรมวิชาการ อธิบดีกรมสามัญศึกษา อธิบดีกรมอาชีวศึกษา
และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนเจ็ดคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้รับใบอนุญาตหรือผู้จัดการสองคน
ครูใหญ่หรือครูสองคน และบุคคลอื่นอีกสามคนเป็นกรรมการ และให้เลขาธิการเป็นกรรมการ
และเลขานุการ

      มาตรา 8 ให้คณะกรรมการการศึกษาเอกชน มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
      (1) ให้ความเห็นหรือคำแนะนำแก่รัฐมนตรีเกี่ยวกับการศึกษาและการดำเนินงานของ
โรงเรียน การจัดทำโครงการส่งเสริมการศึกษาของโรงเรียนและประสานงานการศึกษากับ
ส่วนราชการอื่นเพื่อประโยชน์ในการควบคุมและส่งเสริมการศึกษาและกิจการของโรงเรียน
      (2) ให้ความเห็นหรือคำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวง หรือระเบียบเพื่อ
ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
      (3) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่
คณะกรรมการศึกษาเอกชนมอบหมาย
      (4) ปฏิบัติการอื่นตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการศึกษาเอกชน
      ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนทำหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของ
คณะกรรมการการศึกษาเอกชน

      มาตรา 9 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 7 มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
      กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้

      มาตรา 10 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 7 พ้นจากตำแหน่งก่อนถึงวาระ เมื่อ
      (1) ตาย
      (2) ลาออก
      (3) คณะรัฐมนตรีให้ออก เพราะมีความประพฤติเสื่อมเสีย
      (4) เป็นบุคคลล้มละลาย
      (5) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
      (6) พ้นจากการเป็นผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ ครูใหญ่หรือครูในกรณีที่ได้รับแต่งตั้งให้
เป็นกรรมการในฐานะนั้น
      (7) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด ให้จำคุกเว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่
ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
      ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งผู้อื่นเป็น
กรรมการแทน เว้นแต่วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการจะเหลือไม่ถึงเก้าสิบวัน และให้
กรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของ
กรรมการซึ่งตนแทน

      มาตรา 11 การประชุมของคณะกรรมการการศึกษาเอกชนต้องมีกรรมการมาประชุมไม่
น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม
      ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการ
คนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม

      มาตรา 12 การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมากกรรมการคนหนึ่งให้มี
เสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีก
เสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

      มาตรา 13 ให้นำมาตรา 11 และมาตรา 12 มาใช้บังคับแก่การประชุมของ
คณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

      มาตรา 14 ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ คณะกรรมการการศึกษาเอกชนและ
คณะอนุกรรมการอาจเชิญบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริงคำอธิบาย คำแนะนำ หรือความเห็นได้ตามที่
เห็นสมควร

      มาตรา 15 โรงเรียนมี 3 ลักษณะดังต่อไปนี้
      (1) โรงเรียนที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ หรือหลักสูตรที่ได้
รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการและจัดเป็นรูปแบบการศึกษาในระบบโรงเรียน
      (2) โรงเรียนที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ หรือหลักสูตรที่ได้
รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการและจัดเป็นรูปแบบการศึกษานอกระบบโรงเรียน
      (3) โรงเรียนที่จัดให้การศึกษาแก่บุคคลที่มีลักษณะพิเศษหรือผิดปกติทางร่างกาย
สติปัญญา หรือจิตใจ ที่จัดเป็นรูปแบบการศึกษาพิเศษ หรือโรงเรียนที่จัดให้การศึกษาแก่บุคคลผู้
ยากไร้หรือผู้ที่เสียเปรียบทางการศึกษาในลักษณะต่าง ๆ ที่จัดเป็นรูปแบบการศึกษาสงเคราะห์
      โรงเรียนแต่ละลักษณะจะแบ่งออกเป็นประเภทใดหรือระดับใด ให้เป็นไปตามที่รับมนตรี
กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

      มาตรา 16 รัฐมนตรีอาจจำกัดจำนวนโรงเรียนลักษณะใดประเภทใด หรือระดับใด ใน
ท้องที่ใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

      มาตรา 17 เพื่อประโยชน์แก่การจัดตั้ง ควบคุมและส่งเสริมโรงเรียน ให้รัฐมนตรี
มีอำนาจวางระเบียบ
      (1) กำหนดมาตรฐานของโรงเรียน
      (2) ยกเว้นมิให้นำบทบัญญัติในหมวด 3 หมวด 5 หมวด 6 และหมวด 7 ทั้งหมด หรือ
บางส่วนมาใช้บังคับแก่โรงเรียนตามมาตรา 15 (2) ที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติ
จากกระทรวงศึกษาธิการ หรือโรงเรียนตามมาตรา 15 (3) ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ
เงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 18 ห้ามบุคคลใดจัดตั้งโรงเรียน เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนจากผู้อนุญาต
      การขออนุญาตและการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด
ในกฎกระทรวง
      โรงเรียนใดจะจัดให้มีการสอบประเภทใดหรือระดับใด และจะรับนักเรียนเข้าเรียนใน
โรงเรียนได้มีจำนวนเท่าใด ให้เป็นไปตามที่ระบุในใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน

      มาตรา 19 ผู้ขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
      (1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
      (2) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
      (3) มีทรัพย์สิน หรือฐานะพอที่จะจัดตั้งและดำเนินกิจการโรงเรียนได้
      (4) มีความรู้ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด
      (5) มีความประพฤติเรียบร้อยไม่บกพร่องในศีลธรรมอันดี
      (6) ไม่ฝักใฝ่หรือเลื่อมใสในลัทธิที่เป็นภัยต่อความมั่นคงหรือความปลอดภัยของประเทศ
หรือขัดต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ
      (7) ไม่เคยถูกออกจากราชการโดยมีความผิด เว้นแต่ได้ถูกออกจากราชการมาแล้วไม่
น้อยกว่าสองปีก่อนวันขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน
      (8) ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนเว้นแต่ได้ถูกเพิกถอนใบอนุญาต
ดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีก่อนวันขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน
      (9) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
     (10) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับ
ความผิดที่ผู้อนุญาตเห็นว่าไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือความผิดที่ได้กระทำโดย
ประมาท หรือความผิดลหุโทษ และได้พ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีก่อนวันขอรับใบอนุญาตให้
จัดตั้งโรงเรียน
      ในกรณีที่ผู้ขอจัดตั้งโรงเรียนเป็นนิติบุคคล นิติบุคคลนั้นต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ
ต้องห้ามดังต่อไปนี้
      (1) มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษา เว้นแต่นิติบุคคลที่ขอจัดตั้งนั้นเป็นองค์การของรัฐ
หรือรัฐวิสาหกิจขอจัดตั้งโรงเรียนเพื่อวัตถุประสงค์ขององค์การของรัฐหรือของรัฐวิสาหกิจ
      (2) มีทรัพย์สินหรือฐานะพอที่จะตั้งและดำเนินกิจการโรงเรียนได้
      (3) นิติบุคคลที่เป็นบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วน จะต้องมีทุนหรือจำนวนหุ้นเป็นของ
ผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วนที่มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนทุนหรือจำนวนหุ้นทั้งหมด
และจะต้องมีจำนวนผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนที่มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ถือหุ้น
หรือผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด
      (4) นิติบุคคลที่เป็นมูลนิธิ จะต้องมีกรรมการมูลนิธิที่มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ
จำนวนกรรมการบริหารทั้งหมด
      (5) นิติบุคคลที่เป็นสมาคมหรือสหกรณ์ จะต้องมีกรรมการที่มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่า
กึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดและสมาชิกของสมาคมหรือสหกรณ์ต้องมีสัญชาติไทยไม่
น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
      (6) ผู้จัดการของนิติบุคคลหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้อง
ห้ามตามวรรคหนึ่ง (1) (2)(5) (6) (7) (9) และ (10)

      มาตรา 20 ห้ามผู้รับใบอนุญาตดำเนินการอันเป็นการเปลี่ยนแปลงโรงเรียนให้ผิดไป
จากที่ระบุไว้ในใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนเว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อนุญาตตาม
ระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 21 ผู้รับใบอนุญาตอาจโอนโรงเรียนที่ตนได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนให้
แก่บุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 19 ได้ โดยขอรับอนุญาตจากผู้อนุญาต
      การโอนโรงเรียนตามวรรคหนึ่ง ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อนุญาตตามระเบียบ
ที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 22 ถ้าผู้รับใบอนุญาตตาย ให้ทายาทซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม
มาตรา 19 หรือในกรณีที่มีทายาทหลายคนให้ทายาทด้วยกันนั้นตกลงตั้งทายาทคนหนึ่งซึ่งมี
คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 19 เป็นผู้ยื่นคำขอต่อผู้อนุญาตเพื่อรับโอนโรงเรียน
ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ผู้รับใบอนุญาตตายหรือภายในระยะเวลาที่ผู้อนุญาตขยายเวลาให้ตาม
ความจำเป็น ถ้ามิได้ยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้อนุญาตอาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้
จัดตั้งโรงเรียนได้โดยแจ้งเป็นหนังสือให้ทายาทหรือผู้จัดการมรดกทราบ
      ในระหว่างระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ทายาทหรือผู้จัดการมรดกซึ่งเข้าประกอบกิจการ
โรงเรียนมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเสมือนผู้รับใบอนุญาต
      ในกรณีที่ผู้ขอรับโอนตามวรรคหนึ่งขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 19
หรือไม่อาจปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่กำหนดในกฎกระทรวงตามมาตรา 18
วรรคสองได้โดยครบถ้วนผู้อนุญาตอาจสั่งเพิกถอนในอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนนั้นได้โดยแจ้งเป็น
หนังสือให้ผู้ยื่นคำขอทราบ

      มาตรา 23 ถ้าผู้รับใบอนุญาตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 19 ใน
ภายหลัง ผู้อนุญาตอาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการโอนโรงเรียนที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง
โรงเรียนให้แก่บุคคลอื่นซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 19 ภายในเก้าสิบวัน
นับแต่วันที่ผู้รับใบอนุญาตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวหรือภายในระยะเวลาที่
ผู้อนุญาตขยายเวลาให้ตามความจำเป็น ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งภายในระยะเวลาที่กำหนด
ผู้อนุญาตอาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตทราบ
      ให้นำระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 21 วรรคสองมาใช้บังคับแก่การโอน
โรงเรียนตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม

      มาตรา 24 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกระเบียบกำหนดให้โรงเรียนลักษณะใด ประเภทใด
หรือระดับใด ต้องมีคณะกรรมการอำนวยการเพื่อทำหน้าที่ควบคุมดูแลการบริหารโรงเรียนได้

      มาตรา 25 ให้คณะกรรมการอำนวยการตามมาตรา 24 ประกอบด้วยผู้รับใบอนุญาต
หรือผู้แทนของนิติบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนเป็นประธานกรรมการ ผู้จัดการ
ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการหนึ่งคน และบุคคลอื่นซึ่งผู้รับใบอนุญาตแต่งตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าห้าคน
แต่ไม่เกินแปดคน ในจำนวนนี้อย่างน้อยต้องเป็นผู้แทนของครั้งในโรงเรียนนั้นหนึ่งคน และผู้แทน
ของผู้ปกครองนักเรียนในโรงเรียนนั้นหนึ่งคนเป็นกรรมการและให้ครูใหญ่เป็นกรรมการและ
เลขานุการ
      กรรมการอำนวยการที่ผู้รับใบอนุญาตแต่งตั้งต้องมีความประพฤติเรียบร้อย ไม่บกพร่อง
ในศีลธรรมอันดี

      มาตรา 26 กรรมการอำนวยการซึ่งผู้รับใบอนุญาตแต่งตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
      กรรมการอำนวยการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้

      มาตรา 27 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 26 กรรมการ
อำนวยการซึ่งผู้รับใบอนุญาตแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
      (1) ตาย
      (2) ลาออก
      (3) เป็นบุคคลล้มละลาย
      (4) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
      (5) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้
กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
      (6) ผู้รับใบอนุญาตให้ออก เนื่องจากมีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
      (7) พ้นจากการเป็นครู หรือการเป็นผู้ปกครองนักเรียนในโรงเรียน สำหรับกรรมการ
อำนวยการซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนของครูหรือผู้แทนของผู้ปกครองนักเรียนในโรงเรียน
      ในกรณีที่กรรมการอำนวยการพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระให้ผู้รับใบอนุญาตแต่งตั้งผู้อื่นเป็น
กรรมการแทน เว้นแต่วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการจะเหลือไม่ถึงเก้าสิบวัน และให้
กรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของ
กรรมการซึ่งตนแทน

      มาตรา 28 ให้คณะกรรมการอำนวยการตามมาตรา 24 ปีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
      (1) ควบคุมดูแลให้โรงเรียนปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายอื่น
      (2) พิจารณาวินิจฉัยคำร้องทุกข์ของครู นักเรียน หรือผู้ปกครองของนักเรียน
      (3) เสนอความเห็นและให้คำแนะนำแก่ผู้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินงาน
ของโรงงาน

      มาตรา 29 คณะกรรมการอำนวยการของโรงเรียนต้องจัดให้มีการประชุมอย่างน้อย
หนึ่งครั้งในแต่ละภาคการศึกษา
      การประชุมของคณะกรรมการอำนวยการของโรงเรียน ให้นำมาตรา 11 และมาตรา
12 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

      มาตรา 30 ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีผู้จัดการคนหนึ่งเป็นผู้มีหน้าที่ควบคุมดูแลรับผิดชอบ
ในกิจการทั่วไปของโรงเรียน และควบคุมปกครองครูใหญ่ ครู และนักเรียนในโรงเรียน

      มาตรา 31 ห้ามบุคคลใดเป็นผู้จัดการ เว้นแต่ได้รับแต่งตั้งจากผู้รับใบอนุญาตและได้รับ
อนุญาตและได้รับอนุญาตให้เป็นผู้จัดการจากผู้อนุญาต
      การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไขที่
กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 32 ผู้ขอรับใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
      (1) มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง (1)(2)(5)(6) และ (9)
      (2) มีความรู้ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด
      (3) ไม่เคยถูกออกจากราชการโดยมีความผิดเว้นแต่ได้ถูกออกจากราชการมาแล้วไม่
น้อยกว่าสองปีก่อนวันขอรับใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ
      (4) ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการเว้นแต่ได้ถูกเพิกถอนใบอนุญาต
ดังกล่าว มาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีก่อนรับขอรับใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ
      (5) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับ
ความผิดที่ผู้อนุญาตเห็นว่าไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือความผิดที่ได้กระทำโดย
ประมาท หรือความผิดลหุโทษ และได้พ้นโฆษณาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีก่อนวันขอรับใบอนุญาตให้
เป็นผู้จัดการ
      (6) ไม่เป็นโรคตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 33 ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีครูใหญ่คนหนึ่ง เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบในด้านวิชาการ
ของโรงเรียน และเป็นผู้ควบคุมปกครองครูและนักเรียนของโรงเรียน

      มาตรา 34 ห้ามบุคคลใดเป็นครูใหญ่ เว้นแต่ได้รับแต่งตั้งจากผู้จัดการโดย
ความเห็นชอบของผู้รับใบอนุญาต และได้รับใบอนุญาตให้เป็นครูใหญ่จากผู้อนุญาต
      การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่
กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 35 ผู้ขอรับใบอนุญาตให้เป็นครูใหญ่ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
      (1) ได้รับใบอนุญาตให้เป็นครูตามมาตรา 39
      (2) มีความรู้และประสบการณ์ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 36 ครูใหญ่ต้องทำงานประจำอยู่ที่โรงเรียนตลอดเวลาที่มีการสอน เว้นแต่จะ
มีเหตุอันสมควร

      มาตรา 37 ผู้รับใบอนุญาตอาจแต่งตั้งให้บุคคลผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม
มาตรา 32 เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ หรือแต่งตั้งครูในโรงเรียนของตนเป็นผู้ช่วยครูใหญ่ เพื่อ
ช่วยเหลือผู้จัดการหรือครูใหญ่ แล้วแต่กรณี ปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียนของตนได้โดยขอรับอนุญาต
จากผู้อนุญาต
      การแต่งตั้งผู้ช่วยผู้จัดการหรือผู้ช่วยครูใหญ่ตามวรรคหนึ่ง ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ
จากผู้อนุญาตตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 38 ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีครูประจำการสอนอยู่ในโรงเรียนให้เพียงพอแก่
จำนวนนักเรียนและจำนวนชั้นของโรงเรียน
      จำนวนครูต่อจำนวนนักเรียน และจำนวนนักเรียนต่อชั้น ให้เป็นไปตามระเบียบที่
รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 39 ห้ามบุคคลใดเป็นครูในโรงเรียน เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นครูจากผู้อนุญาต
      การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่
กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 40 ผู้ขอรับใบอนุญาตให้เป็นครู ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
      (1) มีสัญชาติไทย
      (2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์
      (3) มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง (5) (6) (8) และ (9)
      (4) มีความรู้ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด
      (5) ไม่เคยถูกออกจากราชการโดยมีความผิดเว้นแต่ได้ถูกออกจากราชการมาแล้วไม่
น้อยกว่าสองปีก่อนวันขอรับใบอนุญาตให้เป็นครู
      (6) ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตให้เป็นครู เว้นแต่ได้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวมา
แล้วไม่น้อยกว่าสองปีก่อนวันขอรับในอนุญาตให้เป็นครู
      (7) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับ
ความผิดที่ผู้อนุญาตเห็นว่าไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือความผิดที่ได้กระทำโดย
ประมาท หรือความผิดลหุโทษ และได้พ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีก่อนวันขอรับใบอนุญาตให้
เป็นครู
      (8) ไม่เป็นโรคตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
      สำหรับคุณสมบัติตาม (1) ให้รัฐมนตรีมีอำนาจพิจารณาผ่อนผันได้ตามที่เห็นสมควร

      มาตรา 41 ผู้รับใบอนุญาตซึ่งประสงค์จะขอบรรจุบุคคลผู้ได้รับใบอนุญาตให้เป็นครูเข้า
เป็นครูในโรงเรียนของตน ให้ยื่นคำขออนุญาตต่อผู้อนุญาต เมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก
ผู้อนุญาตตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดแล้ว จึงจะบรรจุบุคคลนั้นเข้าทำการสอนได้

      มาตรา 42 ผู้ใดได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ ครูใหญ่หรือครูสำหรับโรงเรียนใดให้ผู้
นั้นเป็นผู้จัดการ ครูใหญ่ หรือครูสำหรับโรงเรียนนั้น
      การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการ ครูใหญ่ หรือครู ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อนุญาต
ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 43 ในกรณีจำเป็นระหว่างมีการขอเปลี่ยนหรือบรรจุผู้จัดการ ครูใหญ่ หรือครู
ผู้อนุญาตอาจอนุญาตให้บุคคลซึ่งขอเข้ารับการบรรจุเป็นผู้จัดการ ครูใหญ่ หรือครูนั้นเข้าปฏิบัติ
หน้าที่ในตำแหน่งที่จะขอเข้ารับการบรรจุเป็นการชั่วคราวก็ได้ และถ้าภายหลังผู้นั้นได้รับ
ใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ ครูใหญ่ หรือครู ก็ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้จัดการครูใหญ่ หรือครู นับแต่วัน
เริ่มเข้าปฏิบัติหน้าที่
      ในกรณีที่ผู้นั้นไม่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ ครูใหญ่ หรือครู ก็ให้ผู้นั้นพ้นจากหน้าที่
นับแต่วันที่มีคำสั่งไม่อนุญาต แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนต่อการที่ผู้นั้นได้ปฏิบัติไปตามหน้าที่ก่อน
วันที่มีคำสั่งไม่อนุญาต

      มาตรา 44 เวลาทำการของครูใหญ่และครูต้องเป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 45 การจัดดำเนินกิจการของโรงเรียน ในส่วนที่ว่าด้วยครู ภาคเรียน
หลักสูตรการเรียน การสอน การประเมินผลสื่อการเรียน เครื่องมือและอุปกรณ์การเรียน
การสอน และการบริหารโรงเรียน ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 46 ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีป้ายแสดงชื่อโรงเรียนเป็นอักษรไทยขนาดใหญ่พอ
เห็นได้ในระยะอันสมควร ติดไว้ที่โรงเรียนหรือบริเวณโรงเรียน ณ ที่ซึ่งเห็นได้ง่าย

      มาตรา 47 ผู้จัดการต้องจัดให้โรงเรียนเปิดทำการสอนภายในระยะเวลาที่กำหนดใน
กฎกระทรวง ในกรณีที่โรงเรียนหยุดทำการสอนติดต่อกันเกินเจ็ดวัน นอกจากการหยุดตามปกติ
ของโรงเรียนผู้จัดการต้องรายงานเป็นหนังสือต่อผู้อนุญาตก่อน หรือภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่
วันหยุดทำการสอนพร้อมด้วยเหตุผลของการหยุดทำการสอน

      มาตรา 48 ผู้จัดการ ครูใหญ่ และครู มีหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันดังต่อไปนี้
      (1) จัดให้นักเรียนได้รับการศึกษาตลอดเวลาที่โรงเรียนเปิดทำการสอน
      (2) รักษาความสงบเรียบร้อยตลอดเวลาที่มีนักเรียนอยู่ในโรงเรียน รวมทั้งสอดส่อง
ระมัดระวังมิให้มีการดำเนินการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือความปลอดภัยของประเทศหรือ
ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนในบริเวณโรงเรียน

      มาตรา 49 ผู้จัดการและครูใหญ่ต้องจัดให้มีทะเบียนครูทะเบียนนักเรียน บัญชีเรียกชื่อ
นักเรียน ทะเบียนประวัติของโรงเรียนการประเมิน ผลการเรียน สมุดหมายเหตุรายวัน สมุด
ลงเวลาทำงานของครู และเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการให้การศึกษา ซึ่งต้องจัดทำให้ถูกต้องตาม
ความเป็นจริง และเก็บรักษาไว้ให้อยู่ในสภาพที่ตรวจสอบได้เว้นแต่ได้รับการยกเว้น หรือ
ผ่อนผันจากผู้อนุญาต ทั้งนี้ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 50 การจัดทำเอกสารเกี่ยวกับกิจการของโรงเรียนต้องใช้ภาษาไทย
      การสอนในโรงเรียนนอกจากการสอนวิชาภาษาต่างประเทศต้องใช้ภาษาไทย หากจะ
ใช้เป็นภาษาต่างประเทศให้กระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาตโดยได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรี

      มาตรา 51 รัฐมนตรีมีอำนาจออกระเบียบกำหนดอัตราและวิธีการเก็บค่าธรรมเนียม
การเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นของโรงเรียนได้ตามที่เห็นสมควร
      โรงเรียนใดจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเรียนและค่าธรรมเนียมอื่นได้เท่าใด ให้
เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาตทั้งนี้ โดยไม่เกินอัตรา และตามวิธีการเก็บตามระเบียบที่
รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 52 ให้ผู้รับใบอนุญาตและผู้จัดการร่วมกันรับผิดชอบในการจัดทำบัญชีการเงิน
และบัญชีอื่นของโรงเรียนตามแบบและระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด
      การลงรายการในบัญชี ต้องแสดงให้ถูกต้องตามความเป็นจริง

      มาตรา 53 ให้ผู้จัดการจัดทำรายงานแสดงกิจการของโรงเรียนเสนอต่อผู้อนุญาตตาม
กำหนดระยะเวลาและตามแผนที่กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 54 ในกรณีที่มีภยันตรายหรือการณ์อันกระทบกระเทือนต่อการจัดให้การศึกษาแก่
นักเรียนหรือสวัสดิภาพของนักเรียนเกิดขึ้นแก่โรงเรียน ให้ผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้รายงาน
เหตุการณ์นั้นให้ผู้อนุญาตทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ภยันตรายหรือเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นถ้า
เป็นการพ้นวิสัย ให้ผู้จัดการ หรือครูใหญ่ หรือครูผู้มีอาวุโสในตำแหน่งตามลำดับ เป็นผู้รายงาน
เหตุการนั้นให้ผู้อนุญาตทราบภายในกำหนดเวลาดังกล่าว

      มาตรา 55 ในกรณีที่สถานที่หรือบริเวณที่ตั้งของโรงเรียนมีสภาพขัดต่อหลักเกณฑ์หรือ
เงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 18 หรือเกิดมีสภาพขัดต่อสุขลักษณะอันอาจ
เป็นอันตรายต่อสุขภาพของนักเรียน ให้ผู้อนุญาตมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้รับใบอนุญาต
ดำเนินการแก้ไขสภาพเช่นว่านั้น และในกรณีที่เห็นว่าจำเป็นอาจมีคำสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนิน
การให้โรงเรียนดังกล่าวหยุดทำการสอนจนกว่าผู้รับใบอนุญาตจะได้ดำเนินการแก้ไขสภาพ
เช่นว่านั้นเสร็จสิ้นไปแล้ว
      ผู้รับใบอนุญาตต้องดำเนินการตามคำสั่งตามวรรคหนึ่งให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่
กำหนดไว้ในคำสั่ง

      มาตรา 56 ในกรณีที่มีโรคติดต่อ หรือมีเหตุอื่นอันอาจเป็นอันตรายแก่นักรียนเกิดขึ้น ให้
ผู้อนุญาตมีอำนาจมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการให้โรงเรียนหยุดทำการสอบได้จนกว่า
จะเห็นว่าพ้นเขตอันตรายแล้ว

      มาตรา 57 ห้ามผู้รับใบอนุญาตกระทำการใดในลักษณะเป็นตัวแทนหรือสาขาของสถาบัน
หรือสถานศึกษาในต่างประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อนุญาตตามระเบียบที่
รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 58 ห้ามผู้รับใบอนุญาตโฆษณาหรือยอมให้ผู้อื่นโฆษณาด้วยประการใด ซึ่งกิจการ
ของโรงเรียนในลักษณะโอ้อวดเกินความจริงหรือในลักษณะที่แสดงว่าโรงเรียนของตน
เป็นตัวแทนหรือสาขาของสถาบันหรือสถานศึกษาในต่างประเทศอันเป็นเท็จ

      มาตรา 59 ห้ามผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ ครูใหญ่ หรือครูใช้หรือยอมให้ผู้อื่นใช้สถานที่
หรือบริเวณโรงเรียนทำการสอนหรืออบรมเพื่อสนับสนุนซึ่งลัทธิที่เป็นภัยต่อความมั่นคงหรือ
ความปลอดภัยของประเทศหรือขัดต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญหรือทำ
การอื่นใดอันขัดต่อกฎหมาย หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือที่
ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่โรงเรียน

      มาตรา 60 ผู้รับใบอนุญาตซึ่งประสงค์จะเลิกดำเนินกิจการโรงเรียนเมื่อสิ้นปีการศึกษา
ให้ยื่นคำขอพร้อมทั้งแสดงรายละเอียดและเหตุผลที่ต้องการขอเลิกต่อผู้อนุญาตก่อนสิ้นปีการศึกษา
ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน
      ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตมีเหตุจำเป็นต้องเลิกดำเนินกิจการโรงเรียนก่อนสิ้นปีการศึกษา
ให้ยื่นคำขอตามวรรคหนึ่งต่อผู้อนุญาตไม่น้อยกว่าสามสิบวันก่อนวันที่ประสงค์จะเลิกดำเนินกิจการ
      เมื่อได้รับคำขอตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้ผู้อนุญาตพิจารณาและมีคำสั่งว่าจะควร
อนุญาตให้เลิกได้เมื่อใด ภายใต้เงื่อนไขและวิธีการอย่างใด ทั้งนี้โดยให้พิจารณาถึงประโยชน์
และส่วนได้เสียของนักเรียนในโรงเรียนนั้นเป็นสำคัญ
      ให้ผู้รับใบอนุญาตรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับการวัดผลการศึกษาการประเมินผลการเรียน
และสมุดหมายเหตุรายวัน ส่งมอบต่อผู้อนุญาตให้เสร็จสิ้นภายในสิบห้าวันนับแต่วันเลิกดำเนิน
กิจการ เว้นแต่ผู้รับใบอนุญาตไม่สามารถส่งมอบหลักฐานดังกล่าวได้โดยมีเหตุผลสมควรอันมิใช่
เป็นความผิดของผู้รับใบอนุญาต

      มาตรา 61 ผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ ครูใหญ่ หรือครู ต้องมีจรรยาและมรรยาทอันดี
งาม และต้องปฏิบัติตนให้อยู่ในวินัยและหน้าที่ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด
      นอกจากที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ครูใหญ่และครูต้องปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยจรรยา
มรรยาท และวินัยตามระเบียบประเพณีของครูตามที่คุรุสภากำหนด และตามระเบียบของ
โรงเรียนที่ตนมีหน้าที่ทำการสอนซึ่งได้รับอนุมัติจากผู้อนุญาตด้วย

      มาตรา 62 ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ ครูใหญ่ หรือครูประพฤติตนผิดจรรยา
มรรยาท หรือไม่ปฏิบัติตนตามวินัยหรือหน้าที่ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 61 ให้
ผู้อนุญาตมีอำนาจแนะนำตักเตือน ตำหนิโทษเป็นลายลักษณ์อักษร ภาคทัณฑ์ ระงับการให้การ
อุดหนุนตามมาตรา 65 ระงับการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพประเภท 2 ตามมาตรา 74 (2) หรือ
เพิกถอนใบอนุญาตตามควรแก่กรณี
      คำสั่งลงโทษของผู้อนุญาตตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ให้เป็นที่สุด

      มาตรา 63 ในกรณีที่ครูใหญ่หรือครูประพฤติตนผิดจรรยามรรยาท หรือไม่ปฏิบัติตนตาม
วินัย หรือหน้าที่ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 61 ให้ผู้รับใบอนุญาต หรือผู้จัดการซึ่ง
ได้รับมอบหมายจากผู้รับใบอนุญาตมีอำนาจสั่งลงโทษโดยการตำหนิโทษเป็นลายลักษณ์อักษณ
ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดเงินเดือน หรือสั่งให้พ้นจากหน้าที่ครูใหญ่ หรือครู ตามควรแก่กรณี
      การสั่งลงโทษครูใหญ่หรือครูตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 64 การอุดหนุนและส่งเสริมโรงเรียน ให้กระทำได้ดังต่อไปนี้
      (1) จัดส่งครูไปช่วยสอนในโรงเรียน
      (2) ให้อุปกรณ์การศึกษา
      (3) ให้เงินอุดหนุน
      (4) ให้เช่าทรัพย์สินของกระทรวงศึกษาธิการ
      (5) อุดหนุนและส่งเสริมด้วยประการอื่น
      การอุดหนุนและส่งเสริมโรงเรียนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 65 การส่งเสริมและช่วยเหลือครูใหญ่และครู ให้กระทำได้ดังต่อไปนี้
      (1) ให้การอบรมทางวิชาการ
      (2) ให้เงินสงเคราะห์ตามส่วนที่รัฐบาลจัดสรรเข้าในกองทุนสงเคราะห์
      (3) ให้เงินสมทบเงินเดือนหรือค่าครองชีพ
      (4) ส่งเสริมและช่วยเหลือด้วยประการอื่น
      การส่งเสริมและช่วยเหลือตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 66 รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการคุ้มครองการทำงานและ
การสงเคราะห์ครูใหญ่และครู ดังต่อไปนี้
      (1) อัตราเงินเดือนหรือค่าสอนซึ่งผู้รับไปอนุญาตต้องจ่ายให้ครูใหญ่และครู
      (2) แบบและข้อกำหนดของสัญญาการเป็นครูใหญ่และครู
      (3) การร้องทุกข์ของครูใหญ่หรือครูต่อคณะกรรมการคุ้มครองการทำงานของครูใหญ่และครู
      (4) การประนีประนอมข้อขัดแย้งระหว่างครูใหญ่หรือครูกับผู้รับใบอนุญาตหรือผู้จัดการ
      (5) การจ่ายค่าชดเชยและค่าทดแทนให้แก่ครูใหญ่และครู
      (6) การจัดการกองทุนสงเคราะห์ การเรียกเก็บและการนำส่งเงินสมทบ การจ่าย
เงินสงเคราะห์ตามมาตรา 73 และการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพตามมาตรา 74
      (7) การสงเคราะห์อื่นเพื่อสวัสดิการของครูใหญ่และครู

      มาตรา 67 ให้มีกองทุนสงเคราะห์ในกระทรวงศึกษาธิการเพื่อเป็นทุนจ่ายให้แก่ครูใหญ่
และครูตามมาตรา 66 (5) (6) และ(7)
      กองทุนสงเคราะห์ประกอบด้วยเงินสมทบ เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคและเงินรายได้อื่น
      เงินที่กองทุนสงเคราะห์ได้รับทั้งสิ้นเป็นของกองทุนสงเคราะห์ในกระทรวงศึกษาธิการ
โดยไม่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
      การจัดการกองทุนสงเคราะห์ การเรียกเก็บและการนำส่งเงินสมทบการจ่าย
เงินสงเคราะห์หรือเงินทุนเลี้ยงชีพ และการอุทธรณ์การจ่ายเงินสงเคราะห์หรือเงินทุน
เลี้ยงชีพ ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 66 (5) หรือ (6) ระเบียบนั้น
ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

      มาตรา 68 ให้ครูใหญ่ ครู ผู้รับใบอนุญาต และรัฐบาลออกเงินสมทบในกองทุน
สงเคราะห์ตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้
      (1) ครูใหญ่หรือครู ออกเงินสมทบในอัตราร้อยละสามของเงินเดือนรายเดือนที่ครูใหญ่
หรือครูแต่ละคนได้รับ
      (2) ผู้รับใบอนุญาตออกเงินสมทบเป็นจำนวนเท่ากับเงินสมทบที่ครูใหญ่หรือครูออกตาม
(1) เป็นรายคน
      (3) รัฐบาลออกเงินสมทบเป็นจำนวนสองเท่าของเงินสมทบที่ครูใหญ่หรือครูออกตาม
(1) เป็นรายคน

      มาตรา 69 ให้ผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่หักและรวบรวมเงินสมทบของครูใหญ่หรือครูไว้
ทุกคราวที่มีการจ่ายเงินเดือนรายเดือนตามอัตราที่ครูใหญ่หรือครูต้องออกสำหรับเดือนที่แล้วมา
และให้นำส่งเงินสมทบดังกล่าวพร้อมทั้งเงินสมทบที่ผู้รับใบอนุญาตออกตามระเบียบการจัดการ
กองทุนสงเคราะห์และการนำส่งเงินสมทบ ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไปทุกเดือน
      ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่อาจนำส่งเงินสมทบตามกำหนดเวลาในวรรคหนึ่ง และได้
ร้องขอผ่อนผันการนำส่งต่อรัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีมอบหมาย เมื่อรัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรี
มอบหมายเห็นสมควรจะผ่อนผันเลื่อนกำหนดเวลาการนำส่งเงินสมทบออกไปก็ได้

      มาตรา 70 ผู้รับใบอนุญาตซึ่งไม่นำส่งเงินสมทบหรือส่งไม่ครบจำนวนในคราวใดภายใน
ระยะเวลาที่กำหนดหรือภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผันตามมาตรา 69 ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
อีกในอัตราร้อยละสองต่อเดือนของจำนวนเงินสมทบที่ไม่นำส่ง หรือส่งไม่ครบในคราวนั้น
      ในการคำนวณเงินเพิ่มตามวรรคหนึ่ง เศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือน

      มาตรา 71 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ยึดอายัด และขายทอดตลาด
ทรัพย์สินของผู้รับใบอนุญาตซึ่งไม่นำส่งเงินสมทบหรือเงินเพิ่ม หรือนำส่งไม่ครบเป็นระยะเวลา
เกินหนึ่งปีโดยมิต้องขอให้ศาลมีคำสั่ง ทั้งนี้เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อให้ได้รับเงินสมทบที่ค้างชำระ
      การมีคำสั่งให้ยึด อายัด หรือขายทอดตลาดทรัพย์สินตามวรรคหนึ่งจะกระทำได้ต่อเมื่อ
ได้ส่งคำเตือนเป็นหนังสือให้ผู้รับใบอนุญาตนำเงินสมทบ และเงินเพิ่มที่ค้างมาชำระภายใน
กำหนดไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือนั้น
      วิธีการยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามระเบียบที่
รัฐมนตรีกำหนด ทั้งนี้โดยให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาใช้บังคับโดยอนุโลม
      เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดดังกล่าวให้หักไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการยึด อายัด และ
ขายทอดตลาด และชำระเงินสมทบและเงินเพิ่มที่ค้างจ่าย ถ้ามีเงินเหลือให้คืนแก่ผู้รับใบอนุญาต
โดยเร็ว

      มาตรา 72 เงินกองทุนสงเคราะห์ให้นำไปดำเนินการเพื่อหาผลประโยชน์ให้แก่กองทุน
สงเคราะห์ได้ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลัง
      เงินที่ได้จากการนำเงินสมทบไปดำเนินการหาผลประโยชน์ตามวรรคหนึ่งให้ส่งเข้า
สมทบเป็นเงินกองทุนสงเคราะห์

      มาตรา 73 ครูใหญ่หรือครูซึ่งมีวันทำงานมาแล้วสามสิบวันนับแต่วันที่ออกเงินสมทบ
มีสิทธิได้รับการสงเคราะห์ในกรณีเจ็บป่วยและคลอดบุตร ดังต่อไปนี้
      (1) เมื่อตนเอง สมรส บิดามารดา หรือบุตรซึ่งอยู่ในความอุปการะและมีอายุไม่เกินยี่
สิบปีป่วยและเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล
      (2) เมื่อตนเอง หรือคู่สมรสคลอดบุตรและเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นคนไข้ของ
โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล
      การจ่ายเงินสงเคราะห์ตาม (1) หรือ (2) ให้จ่ายจากเงินกองทุนสงเคราะห์ ทั้งนี้
ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 66

      มาตรา 74 ครูใหญ่ หรือครูมีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเมื่อออกจากงานดังต่อไปนี้
      (1) เงินทุนเลี้ยงชีพประเภท 1 เท่ากับจำนวนที่ครูใหญ่หรือครูได้ออกสมทบตามมาตรา
68 (1) พร้อมดอกเบี้ยตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด
      (2) เงินทุนเลี้ยงชีพประเภท 2 เท่ากับจำนวนที่ผู้รับใบอนุญาตและรัฐบาลได้ออกสมทบ
ตามมาตรา 68 (2) และ (3) โดยไม่มีดอกเบี้ย
      ครูใหญ่และครูไม่มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพประเภท 2  ในกรณีออกจากงานก่อนมี
เวลาทำงานครบห้าปีบริบูรณ์ หรือออกจากงานโดยมีความผิด เว้นแต่เป็นการออกจากงาน
เพราะตายหรือเจ็บป่วยทุพพลภาพ ซึ่งแพทย์ที่ทางราชการรับรองได้ตรวจและแสดงความเห็นว่า
ไม่สามารถประกอบอาชีพครูต่อไปได้ หรือเพราะโรงเรียนเลิกกิจการ
      ในกรณีที่ครูใหญ่หรือครูมีเวลาทำงานเกินห้าปีอาจได้รับการพิจารณาให้ได้รับเงินทุน
เลี้ยงชีพประเภท 2 มากกว่าจำนวนดังกล่าวใน (2) ก็ได้ ทั้งนี้ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด
โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
      การนับเวลาทำงานให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนึ่งของเดือนที่ครูใหญ่หรือครูได้ออกเงินสมทบ
ตามมาตรา 68 (1)

      มาตรา 75 การนำเงินของกองทุนสงเคราะห์ไปใช้จ่ายเพื่อการบริหารงานของกองทุน
สงเคราะห์ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลัง

      มาตรา 76 ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบบัญชีและ
การเงินของกองทุนสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัตินี้

      มาตรา 77 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า "คณะกรรมการคุ้มครองการทำงาน"
ประกอบด้วยเลขาธิการเป็นประธานกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวนไม่
น้อยกว่าหกคนแต่ไม่เกินสิบคน ในจำนวนนี้ต้องเป็นผู้แทนฝ่ายผู้รับใบอนุญาตและผู้แทนฝ่ายครู
จำนวนฝ่ายละเท่ากัน อย่างน้อยฝ่ายละหนึ่งคน เป็นกรรมการ และให้ข้าราชการใน
กระทรวงศึกษาธิการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นเลขานุการ
      วิธีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นผู้แทนฝ่ายผู้รับอนุญาตและผู้แทนฝ่ายครูตามวรรคหนึ่ง ให้
เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 78 ให้คณะกรรมการคุ้มครองการทำงานมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
      (1) พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดข้อขัดแย้งระหว่างครูใหญ่หรือครูกับผู้รับใบอนุญาตหรือ
ผู้จัดการ
      (2) พิจารณาวินิจฉัยคำร้องทุกข์ของครูใหญ่ ครู ผู้รับใบอนุญาต หรือผู้จัดการ
      (3) พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดเกี่ยวกับค่าชดเชย และค่าทดแทนซึ่งผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่
ต้องจ่ายให้แก่ครูใหญ่หรือครูตามกฎหมายว่าด้วยแรงงาน
      (4) พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอื่นตามที่กฎหมายข้อบังคับ หรือระเบียบกำหนดไว้
      (5) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่
คณะกรรมการคุ้มครองการทำงานมอบหมาย
      วิธีพิจารณาของคณะกรรมการคุ้มครองการทำงานให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 79 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตามมาตรา 77 มีวาระอยู่ใน
ตำแหน่งคราวละสองปี
      กรรมการผู้ทรงวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้

      มาตรา 80 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 79 กรรมการ
ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
      (1) ตาย
      (2) ลาออก
      (3) เป็นบุคคลล้มละลาย
      (4) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
      (5) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเว้นแต่เป็นโทษที่ได้กระทำโดย
ประมาทหรือความผิดลหุโทษ
      (6) รัฐมนตรีให้ออกเนื่องจากมีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
      (7) พ้นจากการเป็นผู้รับใบอนุญาตหรือครู ในกรณีที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนฝ่ายผู้รับ
ใบอนุญาตหรือผู้แทนฝ่ายครู
      ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระให้รัฐมนตรีแต่งตั้งผู้อื่นเป็นกรรมการ
แทนเว้นแต่วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการจะเหลือไม่ถึงเก้าสิบวันและให้กรรมการ
ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน

      มาตรา 81 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 77 ซึ่งมีส่วนได้เสียโดยตรงในเรื่องที่ได้
รับไว้พิจารณาเรื่องใดไม่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมพิจารณาเรื่องนั้น

      มาตรา 82 เมื่อคณะกรรมการคุ้มครองการทำงานได้รับเรื่องใดไว้พิจารณาตามมาตรา
78 และได้พิจารณาวินิจฉัยเรื่องที่ได้รับพิจารณาเป็นประการใดแล้ว ให้แจ้งคำสั่งเป็นหนังสือให้
คู่กรณีทราบ
      ในขณะที่เรื่องอยู่ในระหว่างดำเนินการพิจารณาวินิจฉัย ห้ามฝ่ายผู้รับใบอนุญาตหรือฝ่าย
ครูกระทำการใด ๆ อันเป็นการยุยงสนับสนุนหรือชักชวนให้ครูหรือนักเรียนทำการสนับสนุนหรือ
ขัดขวางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่าย ทั้งต้องไม่กระทำการใด ๆ เป็นไปในลักษณะที่กระทบ
กระเทือนหรือเกิดความเสียหายต่อการเรียนการสอนของโรงเรียนหรือนักเรียน

      มาตรา 83 ให้นำมาตรา 11 และมาตรา 12 มาใช้บังคับแก่การประชุมของ
คณะกรรมการคุ้มครองการทำงานและคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

      มาตรา 84 ให้นำมาตรา 14 มาใช้บังคับแก่คณะกรรมการคุ้มครองการทำงานและ
คณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

      มาตรา 85 ให้ผู้อนุญาตมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนตามมาตรา
18 ได้เมื่อปรากฏว่า
      (1) ผู้รับใบอนุญาตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 19
      (2) ผู้รับใบอนุญาตขาดทุนทรัพย์ที่จะดำเนินกิจการของโรงเรียนได้
      (3) ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือ
กฎกระทรวง หรือระเบียบ ที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ และทำให้เกิดผลเสียหาย หรือ
      (4) ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อนุญาต หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่ง
สั่งตามพระราชบัญญัตินี้ และเกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรง

      มาตรา 86 ให้ผู้อนุญาตมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ ครูใหญ่ หรือครู
ได้เมื่อปรากฏว่า
      (1) ผู้จัดการ ครูใหญ่หรือครูขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามอย่างหนึ่งอย่างใดตาม
มาตรา 32 มาตรา 35 หรือมาตรา 40 แล้วแต่กรณี หรือ
      (2) ผู้จัดการ ครูใหญ่หรือครูฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามหน้าที่ตาม
พระราชบัญญัตินี้ หรือตามกฎกระทรวงหรือระเบียบ ที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ และทำให้เกิด
ผลเสียหาย

      มาตรา 87 คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา 85 และมาตรา 86 ให้แจ้งเป็น
หนังสือให้ผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตทราบ

      มาตรา 88 เมื่อปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตของโรงเรียนใดถึงแก่ความตายและไม่มี
ทายาทหรือมีทายาทแต่ไม่อาจตกลงกันเพื่อดำเนินกิจการโรงเรียนนั้นต่อไปได้ หรือเมื่อ
โรงเรียนใดมีเหตุตามมาตรา 85 ผู้อนุญาตอาจสั่งให้โรงเรียนนั้นอยู่ในความควบคุมของ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนก่อนที่จะเพิกถอนใบอนุญาตก็ได้ และให้ตั้ง
คณะกรรมการควบคุมโรงเรียนขึ้น ประกอบด้วยประธานกรรมการและกรรมการอีกไม่เกินหกคน
ทำหน้าที่แทนผู้รับใบอนุญาตและผู้จัดการเป็นการชั่วคราว และให้ปิดประกาศการควบคุม
โรงเรียนนั้นไม่น้อยกว่าเจ็ดวันไว้ที่หน้าประตูโรงเรียนและที่อื่นตามที่คณะกรรมการควบคุม
โรงเรียนเห็นสมควร
      ในกรณีที่ไม่มีการยื่นคำขอโอนโรงเรียนตามมาตรา 22 เพราะเหตุที่ผู้รับใบอนุญาตตาย
และไม่มีทายาทหรือมีทายาทแต่ไม่อาจตกลงกันเพื่อดำเนินกิจการโรงเรียนได้ ให้คณะกรรมการ
ควบคุมโรงเรียนตามวรรคหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนผู้รับใบอนุญาตเป็นการชั่วคราว

      มาตรา 89 เมื่อมีคำสั่งควบคุมโรงเรียนตามมาตรา 88 แล้วผู้จัดการ ครูใหญ่ ครู
หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นของโรงเรียนต้องปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียนนั้นตามที่คณะกรรมการควบคุม
โรงเรียนมอบหมายและต้องจัดการอันสมควรเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในโรงเรียน และดูแล
รักษาทรัพย์สินของโรงเรียนตลอดเวลาที่โรงเรียนอยู่ในความควบคุมของคณะกรรมการควบคุม
โรงเรียน และต้องส่งมอบทรัพย์สินพร้อมด้วยสมุดบัญชีเอกสาร และสิ่งอื่นอันเกี่ยวกับกิจการ
ทรัพย์สินและหนี้สินของโรงเรียนให้แก่คณะกรรมการควบคุมโรงเรียนโดยมิชักช้า

      มาตรา 90 เมื่อคณะกรรมการควบคุมโรงเรียนเห็นว่าโรงเรียนที่ถูกควบคุมตามมาตรา
88 ไม่อาจดำเนินกิจการต่อไปได้ หรือไม่ควรให้ดำเนินกิจการต่อไปและมีเหตุผลสมควร
เพิกถอนใบอนุญาตได้ตามมาตรา 85 หรือสมควรให้เลิกการควบคุม ให้รายงานให้ผู้อนุญาต
ทราบเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป

      มาตรา 91 ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมโรงเรียนให้คณะกรรมการ
ควบคุมโรงเรียนมีอำนาจอย่างเดียวกับอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 98 และให้นำ
มาตรา 98 วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม

      มาตรา 92 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานระหว่างที่โรงเรียนถูกควบคุมตามมาตรา 88
หรือการชำระบัญชี ให้จ่ายจากทรัพย์สินหรือกองมรดกของผู้รับใบอนุญาตได้ตามความจำเป็น
      ในกรณีที่ทรัพย์สินหรือกองมรดกของผู้รับใบอนุญาตไม่พอแก่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
ระหว่างการควบคุมโรงเรียนหรือการชำระบัญชีอาจเงินจากกองทุนสงเคราะห์ในส่วนที่ผู้รับ
ใบอนุญาตและรัฐบาลออกเงินสมทบตามมาตรา 68 มาสมทบจ่ายก็ได้ตามระเบียบที่รัฐมนตรี
กำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

      มาตรา 93 ในกรณีที่โรงเรียนใดถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายไม่ว่าด้วยเหตุใดจน
ไม่สามารถใช้เป็นโรงเรียนได้ ให้ผู้รับใบอนุญาตแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้อนุญาตทราบภายในสิบห้า
วันนับแต่วันที่มีเหตุดังกล่าว
      เมื่อได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้อนุญาตสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตหยุดดำเนินกิจการ
โรงเรียนเป็นการชั่วคราว และปรับปรุงแก้ไขโรงเรียนนั้นให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่
กำหนด
      เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวตามวรรคสอง ถ้าผู้รับใบอนุญาตปรับปรุงแก้ไขในโรงเรียน
แล้วให้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้อนุญาตทราบเพื่อมีคำสั่งให้ดำเนินกิจการโรงเรียนต่อไปได้
      ถ้าผู้รับใบอนุญาตไม่ปรับปรุงแก้ไขโรงเรียนให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดตาม
วรรคสอง ให้ผู้อนุญาตมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนได้ และให้สำนักงาน

คณะกรรมการการศึกษาเอกชนมีอำนาจดำเนินการช่วยเหลือครูใหญ่ ครูและนักเรียนของ
โรงเรียนนั้นได้ตามที่เห็นสมควร
      ในระหว่างที่ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขโรงเรียน ถ้าผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะใช้สถานที่
แห่งอื่นเพื่อดำเนินกิจการโรงเรียนเป็นการชั่วคราวให้ยื่นคำขอต่อผู้อนุญาต ในการนี้ถ้าผู้อนุญาต
พิจารณาเห็นว่าสถานที่นั้นมีความเหมาะสมที่จะใช้ดำเนินกิจการโรงเรียนเป็นการชั่วคราวได้ก็
ให้มีคำสั่งอนุญาต

      มาตรา 94 ในกรณีที่ผู้อนุญาตไม่ออกใบอนุญาตหรือไม่อนุญาตตามมาตรา 18 มาตรา
20 มาตรา 21 มาตรา 31 มาตรา 34 มาตรา 37 มาตรา 39 มาตรา 41 มาตรา 42
มาตรา 57 หรือมาตรา 60 ผู้ขออนุญาตหรือผู้ยื่นคำขออนุญาต แล้วแต่กรณี มีสิทธิอุทธรณ์เป็น
หนังสือต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือของผู้อนุญาตแจ้งการไม่ออกใบอนุญาต
หรือการไม่อนุญาต
      คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด

      มาตรา 95 ในกรณีที่ผู้อนุญาตมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา 22 มาตรา 23
มาตรา 62 มาตรา 85 มาตรา 86 ผู้ยื่นคำขออนุญาต ผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ ครูใหญ่ หรือ
ครู แล้วแต่กรณี มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
ของผู้อนุญาตแจ้งการเพิกถอนใบอนุญาต
      คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด

      มาตรา 96 ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้จัดการมีคำสั่งลงโทษตามมาตรา 63 ครูใหญ่
หรือครูมีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อผู้อนุญาตภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว
      คำวินิจฉัยของผู้อนุญาตให้เป็นที่สุด

      มาตรา 97 ในกรณีที่คณะกรรมการคุ้มครองการทำงานมีคำวินิจฉัยตามมาตรา 82 และ
ได้แจ้วคำสั่งให้คู่กรณีทราบ หากคู่กรณีไม่พอใจคำสั่งนั้น ให้คู่กรณีมีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อ
รัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว
      คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด

      มาตรา 98 ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังต่อไปนี้
      (1) เข้าไปในโรงเรียนเพื่อตรวจสอบกิจการและการดำเนินงานของโรงเรียน
ในระหว่างเวลาทำการหรือเปิดทำการทั้งนี้ เพื่อตรวจตราควบคุมให้โรงเรียนปฏิบัติการให้เป็น
ไปตามพระราชบัญญัตินี้
      (2) มีหนังสือเรียกผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ ครูใหญ่หรือครู มาให้ถ้วยคำหรือชี้แจงหรือ
ให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาเพื่อประกอบการพิจารณา
      ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ
ครูใหญ่ ครู หรือบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร

      มาตรา 99 ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง
      บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 100 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดหรืออายัดบรรดาสิ่งของที่เห็นว่า
โรงเรียนมีไว้เป็นการละเมิดต่อบทบัญญัติในมาตรา 59 เพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาคิดได้
จนกว่าพนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้ ไม่ว่าบรรดาสิ่งของ
นั้นจะเป็นของผู้ใด
      สิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้ตามวรรคหนึ่ง ถ้าพนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีหรือศาล
ไม่พิพากษาให้ริบ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งคืนเจ้าของหรือผู้ครอบครองภายในกำหนดสามสิบวัน
นับแต่วันทราบ หรือถือว่าได้ทราบคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือวันที่คำพิพากษาถึงที่สุดแล้วแต่
กรณี ในกรณีไม่อาจรู้ได้ว่าผู้ใดเป็นเจ้าของ หรือผู้ครอบครองให้ส่งคืนผู้รับใบอนุญาต

      มาตรา 101 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็น
เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

      มาตรา 102 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 18 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
      ในกรณีที่ผู้ได้รับโทษตามวรรคหนึ่งแล้วกระทำผิดอีก ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่
สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท

      มาตรา 103 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 18 วรรคสาม ต้องระวางโทษ
ปรับไม่เกินสองพันบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งร้อยบาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

      มาตรา 104 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 20 มาตรา 21 มาตรา
37 มาตรา 41 หรือกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 18 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้า
ร้อยบาทถึงสองพันบาท

      มาตรา 105 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 24
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

      มาตรา 106 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 30 มาตรา 33 หรือมาตรา 38
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

      มาตรา 107 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 31 มาตรา 34 หรือมาตรา39 ต้องระวางโทษปรับไม่
เกินห้าพันบาท
      ผู้ใดถูกเพิกถอนใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ ครูใหญ่หรือครูยังกระทำการเป็นผู้จัดการ
ครูใหญ่ หรือครูอีก หรือผู้ใดได้รับโทษตามวรรคหนึ่งแล้วกระทำผิดซ้ำอีก ต้องระวางโทษจำคุก
ไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 108 ผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ ครูใหญ่หรือครู ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 42
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

      มาตรา 109 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่ควบคุมดูแลโรงเรียน หรือละเลยให้โรงเรียน
ดำเนินกิจการไปโดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 45 หรือมาตรา 50 ต้องระวางโทษปรับไม่
เกินห้าพันบาท

      มาตรา 110 ผู้ใดมีหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรา 46 มาตรา 47 มาตรา 48
มาตรา 49 มาตรา 52 มาตรา 53 หรือมาตรา 54 ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ให้เป็นไปตามบทบัญญัติ
ในมาตราดังกล่าวต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

      มาตรา 111 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดเรียกเก็บค่าธรรมเนียมโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 51
หรือเรียกเก็บเงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นนอกจากค่าธรรมเนียม ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้า
พันบาทถึงสองหมื่นบาทถ้วน

      มาตรา 112 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อนุญาตที่สั่งตามมาตรา 55
หรือมาตรา 56 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำ
ทั้งปรับ

      มาตรา 113 ผู้รับใบอนุญาตใดฝ่าฝืนมาตรา 57 มาตรา 58 ต้องระวางโทษปรับไม่
เกินห้าพันบาท

      มาตรา 114 ผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ ครูใหญ่หรือครู ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 59 ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 115 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดเลิกดำเนินกิจการโรงเรียนโดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา 60 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

      มาตรา 116 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 66
(1) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

      มาตรา 117 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่จ่ายค่าชดเชยหรือค่าทดแทนให้แก่ครูใหญ่หรือครู
ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการคุ้มครองการทำงานตามมาตรา 78 (3) ต้องระวางโทษปรับ
ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

      มาตรา 119 ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการ
ตามหน้าที่ตามมาตรา 98 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือ
ทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 120 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดซึ่งต้องรับโทษตามพระราชบัญญัตินี้เป็นนิติบุคคล
กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับ
ความผิดนั้นด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการกระทำของนิติบุคคลนั้นได้กระทำโดยตนมิได้รู้เห็นหรือ
ยินยอมด้วย

      มาตรา 121 บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียวให้เลขาธิการ
สำหรับกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดสำหรับจังหวัดอื่นมีอำนาจเปรียบเทียบปรับ
ผู้ต้องหาได้ เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายในสามสิบวันแล้วให้ถือว่า
คดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
      ถ้าผู้ต้องหาไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบหรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชำระค่าปรับภายใน
กำหนดเวลาดังกล่าว ให้ดำเนินคดีเพื่อฟ้องร้องต่อไป

      มาตรา 123 ให้โรงเรียนราษฎร์ที่จัดตั้งตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนราษฎร์เป็น
โรงเรียนเอกชนตามพระราชบัญญัตินี้ และให้ถือว่าผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้เป็นเจ้าของผู้จัดการ
ครูใหญ่หรือครู ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนราษฎร์เป็นผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ ครูใหญ่หรือครู
แล้วแต่กรณี ตามพระราชบัญญัตินี้

      มาตรา 124 ให้บรรดากฎกระทรวง และระเบียบที่ออกตามกฎหมายว่าด้วย
โรงเรียนราษฎร์ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ยังคงใช้
บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีกฎกระทรวงและ
ระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือโดยที่กฎหมายว่าด้วย
โรงเรียนราษฎร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้วและมีบทบัญญัติที่ไม่เหมาะสม
กับสภาพการณ์ในปัจจุบันสมควรปรับปรุงเสียใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราช
บัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 99 ตอนที่ 116 หน้า 1 19 สิงหาคม 2525)
   อัตราค่าธรรมเนียม
      (1) คำขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียน     ฉบับละ         5 บาท
      (2) คำอุทธรณ์                  ฉบับละ         5 บาท
      (3) คำร้องและรายงานต่าง ๆ      ฉบับละ         5 บาท
      (4) ใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน     ฉบับละ     1,000 บาท
      (5) ใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ       ฉบับละ        50 บาท
      (6) ใบอนุญาตให้เป็นครูใหญ่        ฉบับละ        25 บาท
      (7) ใบอนุญาตให้เป็นครู           ฉบับละ        15 บาท
      (8) ใบแทนใบอนุญาต             ฉบับละ        10 บาท
      (9) หนังสืออนุญาตอื่น             ฉบับละ        10 บาท
     (10) การคัดสำเนาเอกสาร         หน้าละ         5 บาท