พระราชบัญญัติ
                       ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์
                            พ.ศ. 2525
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                 ให้ไว้ ณ วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
                      เป็นปีที่ 37 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ
ให้ประกาศว่า
      โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์
      จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม
ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้

      มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525"

      มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

      มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์พ.ศ. 2506 และ
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 206 ลงวันที่9 กันยายน พ.ศ. 2515
      บรรดาบทกฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือ
ซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

      มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติ
      "อาหารสัตว์" หมายความว่า วัตถุที่มุ่งหมายเพื่อใช้เลี้ยงสัตว์ที่รัฐมนตรี โดยคำแนะนำ
ของคณะกรรมการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ประกาศเป็นอาหารสัตว์ในราชกิจจานุเบกษา
      "ผลิต" หมายความว่า ทำ ผสม แปรสภาพ ปรุงแต่งเปลี่ยนรูป หรือแบ่งบรรจุ
      "ขาย" หมายความว่า จำหน่าย จ่าย แจก และเปลี่ยนทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์ในทาง
การค้า และหมายความรวมถึงการมีไว้เพื่อขายด้วย
      "นำเข้า" หมายความว่า นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร
      "ภาชนะบรรจุ" หมายความว่า วัตถุใด ๆ ที่ใช้บรรจุหรือหุ้มห่ออาหารสัตว์โดยเฉพาะ
      "ฉลาก" หมายความรวมถึง รูป รอยประดิษฐ์ หรือข้อความใด ๆ ที่แสดงไว้ที่ภาชนะ
บรรจุอาหารสัตว์
      "ผู้รับใบอนุญาต" หมายความว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่
นิติบุคคลเป็นผู้รับใบอนุญาต ให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งนิติบุคคลแต่งตั้งให้เป็นผู้ดำเนินกิจการด้วย
      "ผู้อนุญาต" หมายความว่า อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย
      "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์
      "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
      "อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรมปศุสัตว์
      "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

      มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาการตาม
พระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม
ไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ยกเว้นค่าธรรมเนียม และกำหนดกิจการอื่นกับออกประกาศ
ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
      กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

      มาตรา 6 เพื่อประโยชน์ในการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษากำหนด
      (1) ชื่อ ประเภท ชนิดหรือลักษณะของอาหารสัตว์
      (2) คุณภาพหรือมาตรฐานของอาหารสัตว์ ตามชื่อ ประเภทชนิด หรืออายุของสัตว์
ตลอดจนหลักเกณฑ์และวิธีการผลิตเพื่อขายหรือขายอาหารสัตว์นั้น
      (3) ชื่อ ประเภท ชนิดหรือลักษณะของอาหารสัตว์ที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้นำเข้า
เพื่อขาย
      (4) ชื่อ ประเภท ชนิดหรือลักษณะของวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์นี้ให้ใช้เป็นส่วนผสมใน
การผลิตอาหารสัตว์เพื่อขาย ตลอดจนอัตราส่วนหรือปริมาณที่ให้ใช้หรือห้ามมิให้ใช้วัตถุนั้นเกิน
กำหนด
      (5) ชื่อ ประเภท ชนิดหรือลักษณะของวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์ที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมใน
การผลิตอาหารสัตว์เพื่อขาย
      (6) วิธีการผลิต เครื่องมือ เครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหารสัตว์ เพื่อ
ป้องกันมิให้อาหารสัตว์ที่ผลิตเพื่อขายหรือขายเป็นอาหารสัตว์เสื่อมคุณภาพตามมาตรา 34
      (7) คุณภาพหรือมาตรฐานของภาชนะบรรจุ และการใช้ภาชนะบรรจุ ตลอดจนวัตถุที่
ห้ามใช้เป็นภาชนะบรรจุอาหารสัตว์เพื่อขาย

      มาตรา 7 ให้มีคณะกรรมการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์คณะหนึ่งประกอบด้วยปลัด
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกรรมการอธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นรองประธาน
กรรมการ กับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกินสิบสองคน ในจำนวนนี้จะต้อง
แต่งตั้งจากเกษตรกรสี่คน เป็นกรรมการ ผู้อำนวยการกอง กองควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์
กรมปศุสัตว์ เป็นกรรมการและเลขานุการ
      ให้กรมปศุสัตว์ทำหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินงานตามมติของคณะกรรมการ

      มาตรา 8 ให้กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี กรรมการซึ่งพัน
จากตำแหน่งอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้

      มาตรา 9 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 8 กรรมการซึ่งรัฐมนตรี
แต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
      (1) ตาย
      (2) ลาออก
      (3) รัฐมนตรีให้ออก
      (4) เป็นบุคคลล้มละลาย
      (5) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
      (6) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่
ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
      ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ รัฐมนตรีอาจแต่งตั้งผู้อื่นเป็นกรรมการแทน
ได้ และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของ
กรรมการซึ่งตนแทน
      ในกรณีที่รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมี
วาระอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกระทรวงเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่
เหลืออยู่ของกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว

      มาตรา 10 การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ
จำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุมถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ใน
ที่ประชุม ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการและ
รองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการที่มาประชุมเลือก
กรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
      การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งใน
การลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็น
เสียงชี้ขาด

      มาตรา 11 ให้คณะกรรมการมีหน้าที่ให้คำแนะนำหรือให้ความเห็นแก่รัฐมนตรีหรืออธิบดี
แล้วแต่กรณี ในเรื่องดังต่อไปนี้
      (1) การกำหนดอาหารสัตว์
      (2) การออกประกาศตามมาตรา 6
      (3) การวินิจฉัยอุทธรณ์ตามมาตรา 22 มาตรา 43 และมาตรา 55
      (4) การพักใช้ใบอนุญาตตามมาตรา 51 หรือการเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา 53
      (5) เรื่องที่เกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย หรืออธิบดีร้องขอ

      มาตรา 12 ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการตามที่
คณะกรรมการมอบหมาย และให้นำความในมาตรา 10 มาใช้บังคับแก่การประชุมของ
คณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

      มาตรา 13 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกคำสั่ง
เป็นหนังสือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำหรือให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หรือสิ่งใดมา
เพื่อประกอบการพิจารณาได้

      มาตรา 14 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต หรือนำเข้าเพื่อขายซึ่งอาหารสัตว์เว้นแต่ได้รับใบอนุญาต
ผลิตอาหารสัตว์หรือใบอนุญาตนำเข้าซึ่งอาหารสัตว์จากผู้อนุญาต
      การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไข และเวลา
ที่กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 15 ห้ามมิให้ผู้ใด ขายอาหารสัตว์ตามมาตรา 6 (1)  เว้นแต่ได้รับใบอนุญาต
ขายอาหารสัตว์จากผู้อนุญาต
      การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไขและเวลา
ที่กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 16 เมื่อได้รับคำขอตามมาตรา 14 มาตรา 15 ให้ผู้อนุญาตตรวจพิจารณาและ
ออกใบอนุญาต หรือมีหนังสือแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตพร้อมด้วยเหตุผล ให้ผู้ขออนุญาตทราบภายในสี่
สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ ซึ่งมีรายละเอียดถูกต้องและครบถ้วนตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
      ในกรณีมีเหตุจำเป็นที่ผู้อนุญาตไม่อาจออกใบอนุญาต หรือยังไม่อาจมีคำสั่งไม่อนุญาตได้
ภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ขยายเวลาได้อีกไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสามสิบวัน
แต่ต้องมีหนังสือแจ้งการขยายเวลาและเหตุจำเป็นแต่ละครั้งให้ผู้ขออนุญาตทราบก่อนสิ้นกำหนด
เวลาตามวรรคหนึ่ง หรือตามที่ได้ขยายเวลาไว้นั้น แล้วแต่กรณี

      มาตรา 17 บทบัญญัติตามมาตรา 14 มาตรา 15 ไม่ใช้บังคับแก่
      (1) กระทรวง ทบวง กรม หรือรัฐวิสาหกิจที่ผลิตหรือนำเข้าซึ่งอาหารสัตว์เพื่อใช้
ประโยชน์ของทางราชการ
      (2) ผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้ส่งออก ซึ่งอาหารสัตว์เพื่อเป็นตัวอย่างในทางวิชาการหรือ
เพื่อใช้ประกอบการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์หรือเพื่อพิจารณาในการสั่งซื้อ
      (3) สหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรตามกฎหมาย ซึ่งผลิตอาหารสัตว์เพื่อใช้เลี้ยงสัตว์ของ
สมาชิกของตน หรือของเกษตรกรในกลุ่มเดียวกัน
      ผู้ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 17 ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่
รัฐมนตรีประกาศ

      มาตรา 18 ประเภทของใบอนุญาตมีดังนี้
      (1) ใบอนุญาตผลิตอาหารสัตว์
      (2) ใบอนุญาตนำเข้าซึ่งอาหารสัตว์
      (3) ใบอนุญาตขายอาหารสัตว์
      ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตตาม (1) เป็นผู้รับใบอนุญาตตาม (3)  สำหรับอาหารสัตว์ที่ตน
ผลิต และผู้ได้รับใบอนุญาตตาม (2) เป็นผู้รับใบอนุญาตตาม (3) สำหรับอาหารสัตว์ที่ตน
นำเข้าด้วย

      มาตรา 19 ใบอนุญาตตามมาตรา 18 ให้คุ้มกันถึงลูกจ้าง หรือตัวแทนของผู้รับใบอนุญาตด้วย
      ให้ถือว่าการกระทำของลูกจ้างหรือตัวแทนของผู้รับใบอนุญาตที่ได้รับการคุ้มกันตาม
วรรคหนึ่งเป็นการกระทำของผู้รับใบอนุญาตด้วยเว้นแต่ผู้รับใบอนุญาตจะพิสูจน์ได้ว่าการกระทำ
ดังกล่าวเป็นการสุดวิสัยที่ตนจะล่วงรู้หรือควบคุมได้

      มาตรา 20 ใบอนุญาตตามมาตรา 18 ให้ใช้ได้ในระยะเวลาดังนี้
      (1) ใบอนุญาตผลิตอาหารสัตว์ให้ใช้ได้สามปีนับแต่วันออกใบอนุญาต
      (2) ใบอนุญาตนำเข้าซึ่งอาหารสัตว์ให้ใช้ได้หนึ่งปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต
      (3) ใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ให้ใช้ได้จนถึงวันสิ้นปีปฏิทินแห่งปีที่ออกใบอนุญาต

      มาตรา 21 ถ้าผู้ขอรับใบอนุญาตประสงค์จะต่ออายุใบอนุญาตให้ยื่นคำขอก่อนใบอนุญาต
สิ้นอายุ การออกใบอนุญาตหรือไม่ออกใบอนุญาตจะต้องกระทำให้เสร็จภายในสามสิบวัน นับแต่
วันที่ได้รับคำขอซึ่งมีรายละเอียดถูกต้องและครบถ้วน
      การขอต่ออายุใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ
เงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
      เมื่อได้ยื่นคำขอตามวรรคหนึ่ง ผู้ขอรับใบอนุญาตจะประกอบกิจการต่อไปก็ได้จนกว่า
ผู้อนุญาตจะสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตนั้น

      มาตรา 22 ในกรณีที่ผู้อนุญาตไม่ออกใบอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต ผู้ขอ
รับใบอนุญาตหรือผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่
วันได้รับหนังสือแจ้งการไม่ออกใบอนุญาตหรือการไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต
      คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
      ในกรณีที่ผู้อนุญาตไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต ก่อนที่รัฐมนตรีจะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์
ตามวรรคสอง รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งอนุญาตให้ประกอบกิจการไปพลางก่อนได้เมื่อผู้อุทธรณ์ร้องขอ

      มาตรา 23 ให้ผู้รับใบอนุญาตผลิตอาหารสัตว์เพื่อขายปฏิบัติดังนี้
      (1) จัดให้มีป้ายไว้ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่ายจากภายนอกอาคารแสดงว่าเป็นสถานที่
ผลิตอาหารสัตว์เพื่อขาย
      ลักษณะ ขนาดของป้าย และข้อความที่แสดงในป้าย ให้เป็นไปตามที่กำหนดใน
กฎกระทรวง
      (2) จัดให้มีการวิเคราะห์อาหารสัตว์ที่มีการผลิตก่อนนำออกจากสถานที่ผลิต โดยมี
หลักฐานแสดงรายละเอียดของการวิเคราะห์ ซึ่งต้องเก็บรักษาไว้ไม่น้อยกว่าสามปี
      (3) จัดให้มีฉลากขนาดพอสมควรปิดหรือติดไว้ที่ภาชนะบรรจุอาหารสัตว์ให้เห็นได้
ชัดเจน ข้อความในฉลากต้องเป็นภาษาไทยหรือจะมีภาษาต่างประเทศที่มีข้อความอย่างเดียวกัน
กำกับไว้ด้วยก็ได้ และอย่างน้อยต้องมีข้อความดังต่อไปนี้
      (ก) ชื่ออาหารสัตว์ทางการค้า
      (ข) เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายอื่นใดซึ่งแสดงที่ภาชนะบรรจุอาหารสัตว์ และ
เลขทะเบียนอาหารสัตว์ตามใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์
      (ค) ชื่อผู้ผลิตและสถานที่ผลิต
      (ง) น้ำหนักสุทธิตามระบบเมตริกของอาหารสัตว์ที่บรรจุในภาชนะบรรจุนั้น
      (จ) ชื่อของวัตถุดิบที่สำคัญซึ่งใช้เป็นส่วนผสม
      (ฉ) คุณภาพของอาหารสัตว์ทางเคมีโดยเฉพาะโปรตีนตามที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว
      (ช) วัน เดือน ปี ที่ผลิตอาหารสัตว์ และวัน เดือน ปีที่อาหารสัตว์ล่วงอายุ
      (ซ) วิธีใช้ ในกรณีที่เป็นหัวอาหารสัตว์ หรือวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์

      มาตรา 24 เพื่อประโยชน์ในการส่งออก และเมื่อมีความจำเป็นที่จะให้ผู้รับใบอนุญาต
ผลิตอาหารสัตว์ เพื่อส่งออกไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ผู้อนุญาตจะอนุญาต
เป็นการเฉพาะคราวให้ผู้รับใบอนุญาตผลิตอาหารสัตว์ตามมาตรฐานของต่างประเทศหรือ
มาตรฐานระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะต่ำกว่าหรือสูงกว่าคุณภาพหรือมาตรฐานที่รัฐมนตรีประกาศ
กำหนดตามมาตรา 6 ก็ได้ แล้วให้รายงานคณะกรรมการทราบ

      มาตรา 25 ให้ผู้รับใบอนุญาตนำเข้าซึ่งอาหารสัตว์เพื่อขายปฏิบัติดังนี้
      (1) จัดให้มีป้ายไว้ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่ายจากภายนอกอาคารแสดงว่าเป็นสถานที่
นำเข้าซึ่งอาหารสัตว์เพื่อขาย
      ลักษณะ ขนาดของป้ายและข้อความที่แสดงในป้าย ให้เป็นไปตามที่กำหนดใน
กฎกระทรวง
      (2) จัดให้มีใบรับรองของผู้ผลิตอาหารสัตว์ แสดงรายละเอียดการวิเคราะห์
อาหารสัตว์ทุกครั้งที่นำเข้า
      (3) จัดให้มีฉลากที่ภาชนะบรรจุอาหารสัตว์ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 23 (3)

      มาตรา 26 ให้ผู้รับใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ปฏิบัติดังนี้
      (1) จัดให้มีป้ายไว้ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่ายจากภายนอกอาคารแสดงว่าเป็นสถานที่
ขายอาหารสัตว์
      ลักษณะ ขนาดของป้ายและข้อความที่แสดงในป้าย ให้เป็นไปตามที่กำหนดใน
กฎกระทรวง
      (2) จัดให้มีการแยกเก็บอาหารสัตว์เป็นสัดส่วนต่างหากจากสิ่งที่อาจทำให้อาหารสัตว์
เสื่อมคุณภาพ
      (3) รักษาฉลากที่ภาชนะบรรจุอาหารสัตว์ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 23 (3) หรือ
มาตรา 25 (3) แล้วแต่กรณี ให้คงอยู่โดยครบถ้วนและชัดเจน
      (4) รักษาภาชนะบรรจุอาหารสัตว์ให้คงอยู่ในสภาพเรียบร้อยถ้าภาชนะบรรจุอาหาร
สัตว์ชำรุด ห้ามมิให้นำมาขาย

      มาตรา 27 ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหายหรือถูกทำลายในสาระสำคัญ ให้ผู้รับใบอนุญาต
แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ทราบถึง
การสูญหายหรือถูกทำลายดังกล่าว
      การขอรับใบแทนอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 28 ผู้รับใบอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตหรือใบแทนใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยซึ่ง
เห็นได้ง่าย ณ สถานที่ผลิตอาหารสัตว์เพื่อขายสถานที่ขายอาหารสัตว์หรือสถานที่นำเข้าซึ่ง
อาหารสัตว์เพื่อขายแล้วแต่กรณี

      มาตรา 29 ผู้รับใบอนุญาตซึ่งประสงค์จะย้ายสถานที่ผลิตอาหารสัตว์เพื่อขาย สถานที่
ขายอาหารสัตว์ สถานที่นำเข้า หรือสถานที่เก็บอาหารสัตว์เพื่อขาย แล้วแต่กรณี ต้องแจ้งการ
ย้ายสถานที่ดังกล่าวเป็นหนังสือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ย้าย

      มาตรา 30 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดเลิกกิจการที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ต้องแจ้ง
การเลิกกิจการเป็นหนังสือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในสิบห้าวันนับแต่วันเลิกกิจการและให้ถือว่า
ใบอนุญาตสิ้นอายุตั้งแต่วันเลิกกิจการตามที่แจ้งไว้นั้น

      มาตรา 31 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิตเพื่อขาย ขายหรือนำเข้าเพื่อขายซึ่งอาหารสัตว์ ดังต่อไปนี้
      (1) อาหารสัตว์ปลอมปน
      (2) อาหารสัตว์ผิดมาตรฐาน
      (3) อาหารสัตว์เสื่อมคุณภาพ
      (4) อาหารสัตว์ที่มิได้ขึ้นทะเบียน
      (5) อาหารสัตว์ที่อธิบดีสั่งเพิกถอนทะเบียน
      (6) อาหารสัตว์อื่นที่รัฐมนตรีกำหนด

      มาตรา 32 อาหารสัตว์ปลอมปนได้แก่อาหารสัตว์ที่ใช้วัตถุอื่นเป็นส่วนผสมไม่ตรงกับที่ขึ้น
ทะเบียนไว้ ยกเว้นวัตถุซึ่งอาจมีได้โดยธรรมชาติ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

      มาตรา 33 อาหารสัตว์ผิดมาตรฐานได้แก่ อาหารสัตว์ที่มีคุณภาพไม่ถูกต้องตาม
มาตรฐานที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 6 (2)

      มาตรา 34 อาหารสัตว์เสื่อมคุณภาพได้แก่ อาหารสัตว์ที่มีลักษณะต่อไปนี้
      (1) อาหารสัตว์ที่ล่วงอายุไปจากที่แสดงไว้ในฉลาก
      (2) อาหารสัตว์ที่เป็น รา บูด เน่า หรือมีวัตถุมีพิษเจือปนจนอาจเป็นอันตรายแก่สัตว์
ตามลักษณะหรือปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
      (3) อาหารสัตว์ที่บรรจุในภาชนะบรรจุที่ต้องห้ามตามมาตรา 6 (7)

      มาตรา 35 เหตุที่ไม่รู้ว่าอาหารสัตว์ที่ผลิตเพื่อขาย ขาย หรือนำเข้าเพื่อขายเป็น
อาหารสัตว์ปลอมปนหรืออาหารสัตว์เสื่อมคุณภาพไม่เป็นข้อแก้ตัวให้ผู้รับใบอนุญาตพ้นผิด เว้นแต่
จะพิสูจน์ได้ว่าตนมีเหตุผลเชื่อว่าอาหารสัตว์นั้นไม่เป็นอาหารสัตว์ปลอมปนหรืออาหารสัตว์เสื่อม
คุณภาพ

      มาตรา 36 เพื่อประโยชน์แก่การควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ให้ถูกสุขลักษณะปราศจาก
อันตรายแก่สัตว์หรือมนุษย์ผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ให้อธิบดีมีอำนาจ
      (1) ออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า หรือผู้ขายซึ่งอาหารสัตว์ดัดแปลงแก้ไข
สถานที่ผลิตหรือสถานที่เก็บอาหารสัตว์ได้
      (2) ออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า หรือผู้ขายซึ่งอาหารสัตว์งดผลิตหรือ
นำเข้าหรือขายอาหารสัตว์ที่ผลิตหรือนำเข้าโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ หรืออาหารสัตว์ที่
ปรากฏจากผลการตรวจพิสูจน์ว่าเป็นอาหารสัตว์ที่ไม่ควรใช้เลี้ยงสัตว์
      (3) ประกาศผลการตรวจพิสูจน์อาหารสัตว์ให้ประชาชนทราบในกรณีที่เป็นอาหารสัตว์
อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 31 หรือภาชนะบรรจุรายใดประกอบด้วยวัตถุที่ต้อง
ห้ามตามมาตรา 6 (7)
      ประกาศดังกล่าวใน (3) ให้ระบุข้อความดังต่อไปนี้ด้วย
      (ก) ในกรณีที่ปรากฏตัวผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าโดยแน่ชัดให้ระบุชื่อผู้ดำเนินการ สถานที่
ดำเนินการพร้อมทั้งชนิดและลักษณะของอาหารสัตว์หรือภาชนะบรรจุนั้น และถ้าอาหารสัตว์หรือ
ภาชนะบรรจุดังกล่าวมีชื่อทางการค้าหรือลำดับครั้งนี้ผลิตหรือนำเข้า ให้ระบุชื่อทางการค้าและ
ลำดับครั้งที่ผลิตหรือนำเข้านั้นด้วย แล้วแต่กรณี
      (ข) ในกรณีที่ไม่ปรากฏตัวผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า แต่ปรากฏตัวผู้ขาย ให้ระบุชื่อผู้ขายและ
สถานที่ขาย พร้อมทั้งชนิดและลักษณะของอาหารสัตว์หรือภาชนะบรรจุนั้น

      มาตรา 37 ผู้รับใบอนุญาตผลิตอาหารสัตว์เพื่อขายหรือผู้รับใบอนุญาตนำเข้าซึ่งอาหาร
สัตว์เพื่อขายผู้ใดประสงค์จะผลิตเพื่อขายหรือนำเข้าเพื่อขายซึ่งอาหารสัตว์ชนิดใด ต้องนำ
อาหารสัตว์ชนิดนั้นมาขอขึ้นทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน และเมื่อได้รับใบสำคัญการขึ้น
ทะเบียนอาหารสัตว์แล้ว จึงจะผลิตเพื่อขายหรือนำเข้าเพื่อขายซึ่งอาหารสัตว์นั้นได้
      การขอขึ้นทะเบียนและการออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ ให้เป็นไปตาม
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 38 เมื่อได้มีประกาศตามมาตรา 6 (1) แล้ว ให้ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา
14 ซึ่งผลิตอาหารสัตว์อยู่ก่อนวันที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด งดผลิตอาหารสัตว์จนกว่าจะได้รับ
ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ตามมาตรา 37 เว้นแต่ผู้อนุญาตจะได้อนุญาตให้ผลิตต่อไป
ได้เป็นการชั่วคราวภายในกำหนดเวลาตามที่เห็นสมควร

      มาตรา 39 เมื่อได้มีประกาศตามมาตรา 6 (1) แล้ว ให้ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา
14 ซึ่งนำหรือสั่งอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรอยู่ก่อนวันที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดนำ
อาหารสัตว์นั้นมาขอขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
เว้นแต่ผู้อนุญาตจะผ่อนผันขยายระยะเวลาดังกล่าวให้

      มาตรา 40 ผู้รับใบอนุญาตผลิตหรือนำเข้าซึ่งอาหารสัตว์ ต้องผลิตหรือนำเข้าซึ่ง
อาหารสัตว์ให้ตรงตามที่ได้ขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ไว้

      มาตรา 41 การขอแก้ไขรายการทะเบียนอาหารสัตว์ ให้กระทำได้เมื่อได้รับอนุญาต
จากพนักงานเจ้าหน้าที่
      การขอแก้รายการทะเบียนอาหารสัตว์ และการอนุญาตให้แก้รายการทะเบียน
อาหารสัตว์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 42 ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ให้ใช้ได้ตลอดไปเว้นแต่ถูกสั่งยกเลิกหรือเพิกถอน

      มาตรา 43 อาหารสัตว์ที่ได้ขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ไว้แล้ว  หากปรากฏภายหลังว่า
อาหารสัตว์นั้นไม่มีการผลิตหรือนำเข้าเกินสองปีหรืออาจเป็นอันตรายแก่สัตว์ ให้อธิบดีมีอำนาจ
สั่งยกเลิกหรือเพิกถอนทะเบียนอาหารสัตว์และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
      ผู้รับใบอนุญาตซึ่งถูกสั่งยกเลิกหรือเพิกถอนทะเบียนอาหารสัตว์มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือ
ต่อรัฐมนตรีภายในสิบห้าวันนับแต่วันทราบคำสั่ง
      คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
      การอุทธรณ์ตามวรรคสองย่อมไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำสั่งยกเลิกหรือเพิกถอน
ทะเบียนอาหารสัตว์

      มาตรา 44 ในกรณีใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์สูญหายหรือถูกทำลายใน
สาระสำคัญให้ผู้รับใบอนุญาตแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และยื่นคำขอรับใบแทนใบสำคัญการขึ้น
ทะเบียนแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และยื่นคำขอรับใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์
ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบถึงการสูญหายหรือถูกทำลายดังกล่าว
      การขอรับใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ และการออกใบแทนใบสำคัญการ
ขึ้นทะเบียนดังกล่าว ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 45 ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาคุณภาพของอาหารสัตว์อันเป็นเท็จ หรือเกินความจริง
ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อหรือสำคัญผิดในคุณภาพของอาหารสัตว์นั้น

      มาตรา 46 ผู้ใดประสงค์จะโฆษณาคุณภาพหรือสรรพคุณของอาหารสัตว์ทาง
วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ทางฉายภาพภาพยนตร์ หรือทางหนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์อื่น หรือ
ด้วยวิธีอื่นใด เพื่อประโยชน์ในทางการค้า ต้องนำเสียง ภาพ ภาพยนตร์หรือข้อความที่จะโฆษณา
ดังกล่าวนั้น ให้ผู้อนุญาตตรวจพิจารณาก่อน เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะโฆษณาได้

      มาตรา 47 เพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของผู้เลี้ยงสัตว์ ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือ
อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
      (1) ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ขาย หรือผู้ทำการโฆษณาระงับการโฆษณาอาหารสัตว์ที่
เห็นว่าเป็นการโฆษณาโดยฝ่าฝืนมาตรา 45
      (2) ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ขาย หรือผู้ทำการโฆษณาระงับการผลิต การนำเข้า
การขาย หรือการโฆษณาอาหารสัตว์ที่คณะกรรมการเห็นว่าอาหารสัตว์ดังกล่าวไม่มีคุณภาพหรือ
สรรพคุณตามที่โฆษณา

      มาตรา 48 ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในสถานที่ผลิต
อาหารสัตว์ สถานที่ขายอาหารสัตว์ สถานที่นำหรือสั่งอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรสถานที่
เก็บอาหารสัตว์ ในระหว่างเวลาทำการ หรือเข้าไปในยานพาหนะที่บรรทุกอาหารสัตว์ในกรณีที่
มีเหตุอันสมควรสงสัยว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ เพื่อ
      (1) ตรวจสอบอาหารสัตว์ ภาชนะบรรจุ เอกสารหรือสิ่งใด ๆที่เกี่ยวกับอาหารสัตว์
รวมตลอดทั้งวิธีการผลิตอาหารสัตว์ หรือวิธีการเก็บรักษา
      (2) นำอาหารสัตว์หรือวัตถุที่สงสัยว่าเป็นอาหารสัตว์ในปริมาณพอสมควรไปเป็น
ตัวอย่างเพื่อทดสอบ ตรวจหรือวิเคราะห์
      (3) ค้น ยึดหรืออายัดอาหารสัตว์ ภาชนะบรรจุ เอกสารหรือสิ่งใด ๆ เกี่ยวกับอาหารสัตว์
      ในการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้รับใบอนุญาตและผู้ซึ่งเกี่ยวข้องอำนวยความ
สะดวกตามสมควร

      มาตรา 49 ในการปฏิบัติหน้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงบัตรประจำตัว ต่อผู้รับใบอนุญาต
หรือผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง
      บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง

      มาตรา 50 อาหารสัตว์ ภาชนะบรรจุ เอกสารหรือสิ่งใด ๆที่ได้ยึดหรืออายัดไว้ตาม
มาตรา 48 (3) ถ้าไม่ปรากฏเจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือพนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่
ฟ้องคดี หรือศาลโดยคำพิพากษาถึงที่สุดไม่ให้ริบ และผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองมิได้ร้องขอ
รับคืนภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ยึดหรืออายัด หรือวันที่ทราบคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือวันที่
ศาลพิพากษาถึงที่สุดไม่ให้ริบ แล้วแต่กรณี ให้ตกเป็นของกรมปศุสัตว์ เพื่อจัดการตามระเบียบ
ที่อธิบดีกำหนด

      มาตรา 51 เมื่อปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือ
กฎกระทรวงหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้อนุญาตโดยความเห็นชอบของ
คณะกรรมการมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตมีกำหนดครั้งละไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวัน แต่ในกรณีที่มี
การฟ้องผู้รับใบอนุญาตต่อศาลว่าได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้อนุญาตจะสั่งพักใช้
ใบอนุญาตไว้รอกคำพิพากษาถึงที่สุดก็ได้
      ผู้รับใบอนุญาตซึ่งถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตต้องหยุดประกอบกิจการตามใบอนุญาตนั้น และ
ในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตจะขอรับใบอนุญาตใด ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ไม่ได้

      มาตรา 52 ผู้อนุญาตมีอำนาจสั่งถอนคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตก่อนกำหนดเวลาได้ เมื่อ
ปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตซึ่งถูกสั่งพักใบอนุญาตได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎกระทรวงหรือ
ประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว

      มาตรา 53 เมื่อปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 31 (1) หรือ
ฝ่าฝืนคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต ให้ผู้อนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอำนาจสั่งเพิกถอน
ใบอนุญาตได้
      ผู้ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจะขอรับใบอนุญาตใด ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้อีกไม่ได้จนกว่า
จะพ้นกำหนดสองปี นับแต่วันที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต

      มาตรา 54 คำสั่งพักใช้ใบอนุญาตและคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ทำเป็นหนังสือแจ้งให้
ผู้รับใบอนุญาตทราบ ในกรณีไม่พบตัวผู้รับใบอนุญาตหรือผู้รับใบอนุญาตไม่ยอมรับคำสั่งดังกล่าว
ให้ปิดคำสั่งไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต และให้ถือว่าผู้รับ
ใบอนุญาตทราบคำสั่งนั้นแล้วตั้งแต่วันที่ปิดคำสั่ง

      มาตรา 55 ผู้รับใบอนุญาตซึ่งถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์
เป็นหนังสือต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้ยกอุทธรณ์
หรือแก้ไขคำสั่งของผู้อนุญาตได้
      คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
      การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่ง ย่อมไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือ
คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต

      มาตรา 56 ผู้ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตต้องขายหรือจำหน่ายอาหารสัตว์ของตนที่เหลืออยู่
ให้แก่ผู้รับใบอนุญาตอื่นหรือแก่ผู้ที่อธิบดีเห็นสมควรภายในกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง
เพิกถอนใบอนุญาตหรือวันที่ทราบคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี เว้นแต่พนักงานเจ้าหน้าที่จะผ่อนผัน
ขยายกำหนดเวลาดังกล่าวให้

      มาตรา 27 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามประกาศที่ออกตามมาตรา 6 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
หนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 58 ผู้ใดผลิตหรือนำเข้าซึ่งอาหารสัตว์โดยฝ่าฝืนมาตรา 14 วรรคหนึ่ง ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 59 ผู้ใดขายอาหารสัตว์ฝ่าฝืนมาตรา 15 วรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
หกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 60 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 23 มาตรา 25 หรือมาตรา 26
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

      มาตรา 61 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 27 วรรคหนึ่ง มาตรา 28 มาตรา
29 มาตรา 30 หรือมาตรา 44 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

      มาตรา 62 ผู้ใดผลิตเพื่อขาย หรือนำเข้าเพื่อขายซึ่งอาหารสัตว์ปลอมปน หรืออาหาร
สัตว์ที่มิได้ขึ้นทะเบียนอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 30 (1) หรือ (4) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่
หนึ่งปีถึงห้าปีหรือปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 63 ผู้ใดขายอาหารสัตว์ปลอมปนหรืออาหารสัตว์ที่มิได้ขึ้นทะเบียนอันเป็นการ
ฝ่าฝืนมาตรา 31 (1) หรือ (4) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่
ห้าพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 64 ผู้ใดผลิตหรือนำเข้าอาหารสัตว์ผิดมาตรฐาน อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 31
(2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 65 ผู้ใดขายอาหารสัตว์ผิดมาตรฐาน อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 31 (2)
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

      มาตรา 66 ผู้ใดผลิตเพื่อขาย หรือนำเข้าเพื่อขายซึ่งอาหารสัตว์เสื่อมคุณภาพ อันเป็น
การฝ่าฝืนมาตรา 31 (3) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่ห้าพัน
บาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 67 ผู้ใดขายอาหารสัตว์เสื่อมคุณภาพอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 31 (3) ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 68 ผู้ใดผลิตเพื่อขาย ขาย หรือนำเข้าเพื่อขายซึ่งอาหารสัตว์ ที่อธิบดีสั่ง
เพิกถอนทะเบียนหรืออาหารสัตว์อื่นตามที่รัฐมนตรีกำหนดอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 31 (5)
หรือ (6) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสามปี หรือปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสามหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 69 ผู้ใดโฆษณาคุณภาพของอาหารสัตว์อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 45 มาตรา
46 หรือมาตรา 47 หรือขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่
ตามมาตรา 48 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 70 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 51 วรรคสองต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
หนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 71 ในกรณีที่ผู้กระทำผิดซึ่งต้องรับโทษตามพระราชบัญญัตินี้เป็นนิติบุคคล
ผู้ดำเนินการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ
ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้น

      มาตรา 72 ใบอนุญาตประกอบอาหารสัตว์เพื่อการค้าและทำการค้าอาหารสัตว์ หรือ
ใบอนุญาตทำการค้าอาหารสัตว์ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ก่อนวันที่
พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับให้ใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุ และถ้าผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวประสงค์
จะดำเนินการต่อไปและได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ให้ดำเนินกิจการที่ได้
รับอนุญาตตามใบอนุญาตไปพลางก่อนได้จนกว่าจะได้รับอนุญาตใหม่หรือผู้อนุญาตแจ้งให้ทราบถึง
การไม่อนุญาตในกรณีไม่อนุญาตให้นำความในมาตรา 56 มาใช้บังคับโดยอนุโลมและในกรณีได้
รับใบอนุญาตใหม่ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัตินี้ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวัน
นับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต

      มาตรา 73 หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนอาหารสัตว์ที่ออกให้ตามกฎหมายว่าด้วย
การควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้มีอายุใช้ได้หนึ่งปีนับแต่วันที่
พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือโดยที่กฎหมายว่าด้วย
การควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ได้ใช้บังคับมานานแล้ว บทบัญญัติต่าง ๆ
ในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ยังไม่รัดกุมเพียงพอ และยังขาดมาตรการ
เกี่ยวกับการขออนุญาตผลิตอาหารสัตว์เพื่อขาย การขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ ตลอดจนการควบคุม
ในเรื่องอื่น ๆ สมควรปรับปรุงเสียใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 99 ตอนที่ 111 หน้า 25 11 สิงหาคม 2525)
   อัตราค่าธรรมเนียม
(1) ใบอนุญาตผลหกฟิตอาหารสัตว์
    (ก) ประสิทธิภาพในการผลิตของเครื่องจักร
        ไม่เกิน 10 ตันต่อชั่วโมง
    (ข) ประสิทธิภาพในการผลิตของเครื่องจักร
        ส่วนที่เกิน 10 ตันต่อชั่วโมง คิดเพิ่ม
        จาก (ก) ตันละ 1,000 บาท
        เศษของหนึ่งตันให้คิดเป็นหนึ่งตัน
(2) ใบอนุญาตนำเข้าซึ่งอาหารสัตว์                ฉบับละ  20,000 บาท
(3) ใบอนุญาตขายอาหารสัตว์
    (ก) ขายส่งและขายปลีก                    ฉบับละ     500 บาท
    (ข) ขายปลีก                            ฉบับละ     200 บาท
(4) คำขอใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์         สูตรละ   1,500 บาท
(5) การขอแก้ไขรายการในใบสำคัญการขึ้น
    ทะเบียนอาหารสัตว์
    (ก) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสูตรอาหารสัตว์        ครั้งละ   1,000 บาท
    (ข) ในส่วนอื่น ๆ                         ครั้งละ     500 บาท
(6) ใบแทนใบอนุญาตหรือใบแทนใบสำคัญ
    การขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์                   ฉบับละ     100 บาท
(7) การต่ออายุใบอนุญาตครั้งละเท่ากับค่า
    ธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตแต่ละฉบับ