พระราชบัญญัติ ให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับ ในศาลจังหวัด (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2523 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2523 เป็นปีที่ 35 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการให้นำวิธีพิจารณาความอาญาใน ศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาใน ศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2523"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญา ในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 3 ในท้องที่ซึ่งยังมิได้มีศาลแขวงเปิดทำการ ให้นำวิธีพิจารณาความอาญาตาม บทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้ บังคับในศาลจังหวัดสำหรับคดีอาญาที่มีอัตราโดยอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกิน สามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ป. ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ พระธรรมนูญศาลยุติธรรมซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 ให้แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจในการพิจารณา พิพากษาคดีอาญาของศาลแขวงโดยเพิ่มจำนวนค่าปรับให้สูงขึ้นจากหกพันบาทเป็นหกหมื่นบาท เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับใน ศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 เพื่อให้คดีอาญาของศาลจังหวัดและศาลแขวงที่ห้ามอุทธรณ์คำพิพากษา ในปัญหาข้อเท็จจริงมีอัตราโทษเท่าเทียมกันและให้คดีอาญาของศาลจังหวัดซึ่งจะนำวิธีพิจารณา ความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับเป็นคดีที่มีอัตราโทษเช่นเดียวกับคดีที่อยู่ในอำนาจของ ศาลแขวง อันจะเป็นผลทำให้ประชาชนที่อยู่ในเขตอำนาจศาลแขวง และในเขตอำนาจศาล จังหวัดมีสิทธิในการอุทธรณ์โดยเท่าเทียมกันและได้รับผลปฏิบัติทางคดีเช่นเดียวกัน จึงจำเป็น ต้องต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น (ร.จ. เล่ม 97 ตอนที่ 108 หน้า 4 16 กรกฎาคม 2523) |