พระราชบัญญัติ
                         น้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ 2)
                              พ.ศ. 2522
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                    ให้ไว้ ณ วันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2522
                        เป็นปีที่ 34 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภาดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นบทนิยามของคำว่า "ผู้ขนส่งน้ำมัน" ลงระหว่าง
คำว่า "ผู้ค้าน้ำมัน" กับคำว่า "ปี" และบทนิยามของคำว่า "อธิบดี" ลงระหว่างคำว่า
"พนักงานเจ้าหน้าที่" กับคำว่า "รัฐมนตรี" ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ.2521
   ""ผู้ขนส่งน้ำมัน" หมายความว่า ผู้ที่รับจ้างทำการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งมิใช่เป็นของตนเอง
ยกเว้นการขนส่งโดยทางรถไฟ
   "อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรมทะเบียนการค้า"

   มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 6 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2521
   "มาตรา 6 ทวิ ผู้ค้าน้ำมันอื่นซึ่งมิใช่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 1 ซึ่งดำเนินกิจการค้าน้ำมัน โดยจัด
ตั้งเป็นสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่ประชาชน ต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี
   การขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่
กำหนดในกฎกระทรวง และในการอนุญาต อธิบดีจะกำหนดเงื่อนไขไว้ด้วยก็ได้
   สถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรานี้หมายความว่า สถานที่จำหน่ายน้ำมันเชื้อ
เพลิงที่มีมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยมาตราชั่งตวงวัดติดตั้งไว้เป็นประจำ"

   มาตรา 5 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 13 ทวิ มาตรา 13 ตรี มาตรา 13 จัตวา และ
มาตรา 13 เบญจ แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2521
   "มาตรา 13 ทวิ ผู้ใดจะเป็นผู้ขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดคุณภาพตาม
มาตรา 13 โดยมีปริมาณการขนส่งครั้งหนึ่งเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ต้องได้รับใบ
อนุญาตจากอธิบดี
   การกำหนดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงตามวรรคหนึ่ง จะกำหนดต่ำกว่าสองพันลิตรไม่ได้
   เมื่อรัฐมนตรีประกาศกำหนดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงตามวรรคหนึ่งหรือประกาศเปลี่ยนแปลง
ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้กำหนดไว้แล้ว ให้ผู้ที่รับจ้างขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งได้รับจ้างทำการ
ขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่แล้วและจะต้องขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ขนส่งน้ำมัน ยื่นคำขอรับใบอนุญาต
ตามวรรคหนึ่งภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศดังกล่าวใช้บังคับ และให้ผู้ซึ่งได้ยื่นคำขอแล้ว
ทำการรับจ้างขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไปได้จนกว่าอธิบดีจะสั่งไม่อนุญาต
   การขออนุญาต การออกใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงและในการอนุญาต อธิบดีจะกำหนดเงื่อนไขไว้ด้วยก็ได้
   ใบอนุญาตตามมาตรานี้ให้มีอายุสามปี นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต
   มาตรา 13 ตรี ในการดำเนินการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของผู้ขนส่งน้ำมันตามมาตรา 13 ทวิ
และการดำเนินการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 และตามมาตรา 6 ทวิ ให้
เป็นไปตามวิธีการและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา
   ห้ามมิให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 ให้บุคคลอื่นใดที่มิใช่ผู้ขนส่งน้ำมันตามมาตรา 13 ทวิ ทำ
การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดคุณภาพตามมาตรา 13 เว้นแต่ในกรณีจำเป็น
ชั่วคราวซึ่งได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
   มาตรา 13 จัตวา เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง ให้รัฐมนตรีมี
อำนาจกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 และผู้ขนส่งน้ำมันตามมาตรา 13 ทวิ ปฏิบัติ
ดังต่อไปนี้
   (1) ให้เก็บตัวอย่างน้ำมันเชื้อเพลิงในการประกอบกิจการของตนเพื่อส่งมอบให้แก่พนักงาน
เจ้าหน้าที่ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด ทั้งนี้ ภายในช่วงระยะเวลาที่
รัฐมนตรีกำหนดตามความจำเป็นเพื่อการตรวจสอบเป็นครั้งคราว
   (2) ให้ทำการพิสูจน์คุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงที่พนักงานเจ้าหน้าที่จัดส่งให้พร้อมทั้งรายงานผลให้
แก่ทางราชการตามปริมาณ หลักเกณฑ์ วิธีการ และภายในระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด
   ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดที่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 และผู้ขนส่งน้ำมันตามมาตรา 13 ทวิ มี
หน้าที่พิสูจน์ตาม (2) ให้รัฐมนตรีกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันและผู้ขนส่งน้ำมันทราบล่วงหน้าเป็นรายปี
ตามความเหมาะสมแก่สภาพของกิจการค้าน้ำมันและขนส่งน้ำมัน และตามความจำเป็นอย่างอื่น
   ในกรณีที่ผู้ค้าน้ำมันหรือผู้ขนส่งน้ำมันใดไม่สามารถดำเนินการตาม (2) ได้ ให้พนักงาน
เจ้าหน้าที่จัดให้มีการพิสูจน์คุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว และให้ผู้ค้าน้ำมันหรือผู้ขนส่งน้ำมันนั้นเป็น
ผู้เสียค่าใช้จ่าย
   มาตรา 13 เบญจ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง ผู้ค้าน้ำมันตาม
มาตรา 6 ทวิ ต้องจัดเก็บตัวอย่างน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อส่งมอบให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการ
ตรวจสอบคุณภาพตามความจำเป็นครั้งคราวตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ การเก็บตัวอย่าง
น้ำมันเชื้อเพลิง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด"

   มาตรา 6 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 19 ทวิ มาตรา 19 ตรี และมาตรา 19 จัตวา
แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2521
   "มาตรา 19 ทวิ ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 ทวิ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือเงื่อนไขตามมาตรา
11 หรือฝ่าฝืนมาตรา 13 วรรคสาม ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 13 ตรี วรรคหนึ่ง หรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา 13 เบญจ อธิบดีจะสั่งพักใช้ใบอนุญาตเป็นการชั่วคราวหรือสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเสียก็ได้
ตามที่เป็นสมควร
   การสั่งพักใช้ใบอนุญาต ให้สั่งพักใช้โดยมีกำหนดเวลาได้ครั้งละไม่เกินหกสิบวัน
   มาตรา 19 ตรี ผู้ขนส่งน้ำมันตามมาตรา 13 ทวิ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 13 ตรี วรรคหนึ่ง
หรือมาตรา 13 จัตวา (1) อธิบดีจะสั่งพักใช้ใบอนุญาตเป็นการชั่วคราวหรือสั่งเพิกถอนใบอนุญาต
เสียก็ได้ตามที่เห็นสมควร
   การสั่งพักใช้ใบอนุญาต ให้สั่งพักใช้โดยมีกำหนดเวลาได้ครั้งละไม่เกินหกสิบวัน
   มาตรา 19 จัตวา ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 ทวิ หรือผู้ขนส่งน้ำมันตามมาตรา 13 ทวิ ที่ถูก
สั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา 19 ทวิ หรือมาตรา 19 ตรี แล้วแต่กรณี
มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือคำสั่งเพิกถอน
ใบอนุญาต คำสั่งของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
   การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งย่อมไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต หรือคำสั่ง
เพิกถอนใบอนุญาต
   การสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือการสั่งเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา 19 ทวิ หรือมาตรา 19 ตรี
ไม่เป็นเหตุให้ผู้ค้าน้ำมันหรือผู้ขนส่งน้ำมันดังกล่าวพ้นจากการรับโทษตามพระราชบัญญัตินี้"

   มาตรา 7 ให้ยกเลิกความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2521 และ
ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 20 ผู้ใดเป็นผู้ค้าน้ำมันที่มีปริมาณการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิด หรือรวมกันทุกชนิดปีละ
ตั้งแต่หนึ่งแสนเมตริกตันขึ้นไปโดยมิได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 6 หรือผู้ใดเป็นผู้ขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง
ชนิดที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดคุณภาพตามมาตรา 13 มีปริมาณการขนส่งครั้งหนึ่งเกินปริมาณที่รัฐมนตรี
ประกาศกำหนดโดยมิได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 13 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

   มาตรา 8 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 20 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2521
   "มาตรา 20 ทวิ ผู้ใดดำเนินกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงโดยจัดตั้งเป็นสถานีบริการจำหน่าย
น้ำมันเชื้อเพลิงแก่ประชาชนโดยมิได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 6 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
สามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

   มาตรา 9 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 25 ทวิ มาตรา 25 ตรี มาตรา 25 จัตวา และ
มาตรา 25 เบญจ แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2521
   "มาตรา 25 ทวิ ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 13 ตรี วรรคหนึ่ง ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
   ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 ทวิ หรือผู้ขนส่งน้ำมันตามมาตรา 13 ทวิ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา
13 ตรี วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
   ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองกระทำความผิดซ้ำอีกภายในหกเดือนนับแต่วันที่
ได้กระทำความผิดครั้งแรก ต้องระวางโทษเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง
หรือวรรคสอง แล้วแต่กรณี
   มาตรา 25 ตรี ผู้ใดกระทำการปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันทำ
ให้ลดคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิงตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 13 เพื่อจำหน่าย ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
   ในกรณีที่ผู้กระทำการปลอมปนเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 หรือเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6
ทวิ หรือเป็นผู้ขนส่งน้ำมันตามมาตรา 13 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีและปรับตั้งแต่ห้าหมื่น
บาทถึงสองแสนบาท
   ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดมีปริมาณตั้ง
แต่สองร้อยลิตรขึ้นไปให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้นั้นเป็นผู้กระทำการปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อ
จำหน่ายเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้มีน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อใช้ในกิจการ
ของตน หรือได้น้ำมันเชื้อเพลิงนั้นมาโดยไม่ทราบว่าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำกว่าที่รัฐมนตรี
ประกาศกำหนด
   ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นลูกจ้างของบุคคลดังกล่าวตามวรรคสอง หรือการกระทำความผิด
นั้นเกิดขึ้นภายในสถานที่ทำการหรือสถานที่จำหน่ายของบุคคลดังกล่าวตามวรรคสอง ให้สันนิษฐาน
ไว้ก่อนว่าบุคคลดังกล่าวตามวรรคสองเป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้
ความระมัดระวังตามสมควรแล้วที่จะป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น
   มาตรา 25 จัตวา ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 13 ตรี วรรคสอง ต้องระวางโทษ
จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
   ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งกระทำความผิดซ้ำอีกภายในหกเดือน นับแต่วันที่ได้กระทำ
ความผิดครั้งแรก ต้องระวางโทษเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง
   มาตรา 25 เบญจ ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 หรือผู้ขนส่งน้ำมันตามมาตรา 13 ทวิ ผู้ใดไม่
ปฏิบัติตามมาตรา 13 จัตวา (1) หรือผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 ทวิ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 13
เบญจ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สามร้อยบาทถึงสามหมื่นบาท
   ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งกระทำความผิดซ้ำอีกภายในหกเดือนนับแต่วันที่ได้กระทำ
ความผิดครั้งแรก ต้องระวางโทษเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง"

   มาตรา 10 ให้ผู้ค้าน้ำมันโดยจัดตั้งเป็นสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่ประชาชนอยู่
แล้ว ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ภายในสามสิบวันนับ
แต่วันที่กฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 6 ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ.2521 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
   ให้อธิบดีออกใบอนุญาตตามมาตรา 6 ทวิ ให้แก่ผู้ค้าน้ำมันตามวรรคหนึ่ง ภายในสามสิบวันนับ
แต่วันที่ได้รับคำขอ และเมื่อได้ยื่นคำขอแล้ว ให้ดำเนินกิจการโดยจัดตั้งเป็นสถานีบริการจำหน่าย
น้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่ประชาชนต่อไปได้

   มาตรา 11 ให้ผู้รับจ้างขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งจะต้องขอรับใบอนุญาตตามมาตรา 13 ทวิ
แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2521 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งได้รับจ้าง
ทำการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตาม
พระราชบัญญัตินี้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่กฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 13 ทวิ วรรคสอง แห่ง
พระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2521 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
   ให้อธิบดีออกใบอนุญาตตามมาตรา 13 ทวิ ให้แก่ผู้รับจ้างขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงตามวรรคหนึ่งภายใน
สามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอและเมื่อได้ยื่นคำขอแล้ว ให้ทำการรับจ้างทำการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง
ต่อไปได้

   มาตรา 12 ให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2521 ที่
จ้างบุคคลอื่นทำการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดคุณภาพตามมาตรา 13 แจ้ง
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบถึงการจ้างบุคคลดังกล่าวภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้
บังคับพร้อมทั้งส่งรายละเอียดและเอกสารตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด และในกรณีนี้ ให้ถือว่า
การจ้างบุคคลอื่นทำการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงตามที่ผู้ค้าน้ำมันได้แจ้งไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มีผล
ใช้บังคับได้ต่อไปตามสัญญาที่ผู้ค้าน้ำมันได้ตกลงกันไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และไม่ถือว่า
ผู้ค้าน้ำมันกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 13 ตรี วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ.2521 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 13 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ส. โหตระกิตย์
รองนายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:-เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ.2521 ยังไม่มีบทบัญญัติที่จะใช้เป็นมาตรการควบคุมและป้องกันการปลอมปนคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง
ได้ สมควรแก้ไขเพิ่มเติมเสียใหม่ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัตินี้ขึ้น
(ร.จ. เล่ม 96 ตอนที่ 75 หน้า 1   10 พฤษภาคม 2522)