พระราชบัญญัติธง
                              พ.ศ. 2522
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                    ให้ไว้ ณ วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522
                        เป็นปีที่ 34 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยธง
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ยกเลิก
   (1) พระราชบัญญัติธง พุทธศักราช 2479
   (2) พระราชบัญญัติธง (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2481
   (3) พระราชบัญญัติธง (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช 2483
   (4) พระราชบัญญัติธง (ฉบับที่ 4) พุทธศักราช 2485
   บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือ
แย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

   มาตรา 4 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง
เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
   กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

   มาตรา 5 ธงที่มีความหมายถึงประเทศไทยและชาติไทย ได้แก่
   (1) ธงชาติ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 6 เส้น ยาว 9 ส่วน ด้านกว้างแบ่งเป็น
 5 แถบตลอดความยาวของผืนธง ตรงกลางเป็นแถบสีน้ำเงินแก่ กว้าง 2 ส่วน ต่อจากแถบสีน้ำเงิน
แก่ออกไปทั้งสองข้างเป็นแถบสีขาวกว้างข้างละ 1 ส่วน ต่อจากแถบสีขาวออกไปทั้งสองข้างเป็นแถบ
สีแดงกว้างข้างละ 1 ส่วน ธงชาตินี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ธงไตรรงค์"
   (2) ธงราชนาวี มีลักษณะอย่างเดียวกับธงชาติ แต่ตรงกลางของผืนธงมีดวงกลมสีแดง
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 4 ใน 6 ส่วนของความกว้างของผืนธง โดยให้ขอบของดวงกลม
จดขอบแถบสีแดงของผืนธง ภายในดวงกลมมีรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นหันหน้าเข้าหาเสาธง
หรือคันธง

   มาตรา 6 ธงสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ ได้แก่
   (1) ธงมหาราชใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นธงสีเหลือง มีรูปครุฑพ่าห์สีแดงอยู่
ตรงกลาง
   (2) ธงมหาราชน้อย แบ่งตามความยาวออกเป็นสองตอน ตอนต้นมีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธง
มหาราชใหญ่ แต่กว้างไม่เกิน 60 เซ็นติเมตร ตอนปลายมีลักษณะเป็นชายต่อสีขาวแปลงเป็น
รูปธงยาวเรียวโดยให้ปลายสุดกว้างครึ่งหนึ่งของตอนต้น ปลายธงตัดเป็นแฉกรูปหางนกแซงแซว
ลึก 3 ใน 8 ส่วนของความยาวของผืนธง ความยาวของผืนธงเป็น 8 เท่าของความกว้างของตอนต้น
ธงนี้ถ้าชักขึ้นแทนธงมหาราชใหญ่หมายความว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้งดการ
ยิงสลุตถวายคำนับ

   มาตรา 7 ธงราชินีใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน พื้น
ธงสี่เหลี่ยม ตอนต้น 2 ใน 3 ส่วนของความยาวของผืนธงเหมือนธงมหาราชใหญ่ ตอนปลายตัดเป็น
แฉกรูปหางนกแซงแซวลึก 1 ใน 3 ส่วนของความยาวของผืนธง
   (2) ธงราชินีน้อย มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงมหาราชน้อยเว้นแต่ชายต่อเป็นสีแดง ธงนี้ถ้า
ชักขึ้นแทนธงราชินีใหญ่ หมายความว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้งดการยิงสลุตถวายคำนับ

   มาตรา 8 ธงสำหรับองค์สมเด็จพระบรมราชชนนี ได้แก่
   (1) ธงบรมราชวงศ์ใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน พื้น
ธงสีเหลือง ปลายธงตัดเป็นแฉกรูปหางนกแซงแซว ลึก 1 ใน 3 ส่วนของความยาวของผืนธง
ที่ตรงกลางตอนต้น 2 ใน 3 ส่วนของผืนธง เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาว มีขนาดกว้างยาวครึ่งหนึ่ง
ของความกว้างของผืนธง ภายในรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาวมีรูปมงกุฎขัตติยราชนาวีประดิษฐานบนพาน
แว่นฟ้า 2 ชั้นเหนือตั่ง และมีตั่งลดตั้งฉัตรกลีบบัว 5 ชั้น อยู่สองข้าง รูปเหล่านี้เป็นสีเหลืองเข้ม
   (2) ธงบรมราชวงศ์น้อย แบ่งตามความยาวออกเป็นสองตอน ตอนต้นมีลักษณะและสีอย่างเดียว
กับตอนต้นของธงบรมราชวงศ์ใหญ่แต่กว้างไม่เกิน 60 เซนติเมตร ตอนปลายมีลักษณะเป็นชายต่อสีแดง
แปลงเป็นรูปธงยาวเรียว โดยให้ปลายสุดกว้างครึ่งหนึ่งของตอนต้น ปลายธงตัดเป็นแฉกรูป
หางนกแซงแซว ลึก 3 ใน 8 ส่วนของความยาวของผืนธง ความยาวของผืนธงเป็น 8 เท่า
ของความกว้างของตอนต้น ธงนี้ ถ้าชักขึ้นแทนธงบรมราชวงศ์ใหญ่ หมายความว่า โปรดเกล้า ฯ
ให้งดการยิงสลุตถวายคำนับ

   มาตรา 9 ธงสำหรับองค์สมเด็จพระยุพราช ได้แก่
   (1) ธงเยาวราชใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นธงมีสองสี รอบนอกสีขาว รอบในสีเหลือง
กว้างยาวครึ่งหนึ่งของรอบนอกมีรูปครุฑพ่าห์สีแดงอยู่ตรงกลาง
   (2) ธงเยาวราชน้อย แบ่งตามความยาวออกเป็นสองตอน ตอนต้นมีลักษณะและสีอย่าง
เดียวกับธงเยาวราชใหญ่ แต่กว้างไม่เกิน 60 เซนติเมตร ตอนปลายมีลักษณะเป็นชายต่อสีขาว
แปลงเป็นรูปธงยาวเรียวโดยให้ปลายสุดกว้างครึ่งหนึ่งของตอนต้น ปลายธงตัดเป็นแฉกรูป
หางนกแซงแซวลึก 3 ใน 8 ส่วนของความยาวของผืนธง ความยาวของผืนธงเป็น 8 เท่าของ
ความกว้างของตอนต้น ธงนี้ถ้าชักขึ้นแทนธงเยาวราชใหญ่หมายความว่าโปรดเกล้า ฯ ให้งดการ
ยิงสลุตถวายคำนับ

   มาตรา 10 ธงสำหรับองค์พระวรชายาสมเด็จพระยุพราช ได้แก่
   (1) ธงเยาวราชใหญ่ฝ่ายใน มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน
ตอนต้น 2 ใน 3 ส่วนของความยาวของผืนธงเหมือนธงเยาวราชใหญ่ ตอนปลายเป็นสีขาวตัด
เป็นแฉกรูปหางนกแซงแซวลึก 1 ใน 3 ส่วนของความยาวของผืนธง
   (2) ธงเยาวราชน้อยฝ่ายใน มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงเยาวราชน้อย เว้นแต่ชายต่อเป็น
สีแดง ธงนี้ถ้าชักขึ้นแทนธงเยาวราชใหญ่ฝ่ายใน หมายความว่า โปรดให้งดการยิงสลุตถวายคำนับ

   มาตรา 11 ธงสำหรับองค์พระราชโอรส สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอหรือสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
แห่งพระมหากษัตริย์ทุกรัชกาล ได้แก่
   (1) ธงราชวงศ์ใหญ่ฝ่ายหน้า มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสพื้นธงสีขาว มีดวงกลมสีเหลือง
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาวครึ่งหนึ่งของความกว้างของผืนธงอยู่ตรงกลางของผืนธง ภายใน
ดวงกลมมีรูปครุฑพ่าห์สีแดง
   (2) ธงราชวงศ์น้อยฝ่ายหน้า แบ่งตามความยาวออกเป็นสองตอน ตอนต้นมีลักษณะและสี
อย่างเดียวกับธงราชวงศ์ใหญ่ฝ่ายหน้า แต่กว้างไม่เกิน 60 เซนติเมตรตอนปลายมีลักษณะเป็น
ชายต่อสีขาวแปลงเป็นรูปธงยาวเรียว โดยให้ปลายสุดกว้างครึ่งหนึ่งของตอนต้น ปลายธงตัดเป็น
แฉกรูปหางนกแซงแซวลึก 3 ใน 8 ส่วนของความยาวของผืนธง ความยาวของผืนธงเป็น 8 เท่า
ของความกว้างของตอนต้น ธงนี้ถ้าชักขึ้นแทนธงราชวงศ์ใหญ่ฝ่ายหน้า หมายความว่า โปรดให้งด
การยิงสลุตถวายคำนับ

   มาตรา 12 ธงสำหรับองค์พระราชธิดา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอหรือสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ
แห่งพระมหากษัตริย์ทุกรัชกาล ได้แก่
   (1) ธงราชวงศ์ใหญ่ฝ่ายใน มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน ตอนต้น
2 ใน 3 ส่วนของความยาวของผืนธงเหมือนธงราชวงศ์ใหญ่ฝ่ายหน้า ตอนปลายเป็นสีขาวตัดเป็น
แฉกรูปหางนกแซงแซวลึก 1 ใน 3 ส่วนของความยาวของผืนธง
   (2) ธงราชวงศ์น้อยฝ่ายใน มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงราชวงศ์น้อยฝ่ายหน้า เว้น
แต่ชายต่อเป็นสีแดง ธงนี้ถ้าชักขึ้นแทนธงราชวงศ์ใหญ่ฝ่ายใน หมายความว่า โปรดให้งดการ
ยิงสลุตถวายคำนับ

   มาตรา 13 ธงทหาร ได้แก่
   (1) ธงชัยเฉลิมพล เป็นธงประจำหน่วยทหารที่ได้รับพระราชทาน มี 3 ชนิด คือ ธงชัย
เฉลิมพลของทหารบก ธงชัยเฉลิมพลของทหารเรือ และธงชัยเฉลิมพลของทหารอากาศ
   (2) ธงราชการทหาร มี 4 ชนิด คือ ธงฉาน ธงประจำกองทัพบก ธงประจำกองทัพเรือ
และธงประจำกองทัพอากาศ
   (3) ธงแสดงยศ ตำแหน่ง และหน่วยทหาร

   มาตรา 14 ธงชัยเฉลิมพลของทหารบก มีลักษณะอย่างเดียวกับธงชาติ แต่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ขนาดกว้างด้านละ 70 เซนติเมตร ตรงกลางของผืนธงมีอุณาโลมทหารบกและมีชื่อหน่วยทหารสีแดง
ขลิบริมสีเหลือง เป็นแถวโค้งโอบใต้อุณาโลมทหารบก ผืนธงมุมบนด้านที่ติดกับคันธง มีรูปพระมหามงกุฎ
และเลขหมายประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ที่พระราชทานเป็นตัวเลขไทยสีเหลือง ขอบธง
ด้านที่ติดกับคันธง มีเกลียวเชือกสีแดงสลับดำ ด้านอื่นมีแถบจีบสีเหลือง กว้าง 2 เซนติเมตร
   หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ซึ่งมีธงชัยเฉลิมพลของทหารบกแล้ว จะมีธงชัยเฉลิมพล
ของหน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งธงก็ได้ ธงนี้มีลักษณะอย่างเดียวกับธงชาติ
แต่กว้าง 70 เซนติเมตร ยาว 105 เซนติเมตร ตรงกลางของผืนธงมีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแดง
กว้าง 35 เซนติเมตร ยาว 52.5 เซนติเมตร ภายในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้านี้มีรูปช้างเผือกทรง
เครื่องยืนแท่นหันหน้าเข้าหาคันธง ผืนธงมุมบนด้านที่ติดกับคันธง เป็นรูปพระมหามงกุฎและเลขหมาย
ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ที่พระราชทานเป็นตัวเลขไทยสีเหลือง ภายใต้พระมหามงกุฎมี
พระปรมาภิไธยย่อสีเหลือง และมีชื่อหน่วยทหารสีเหลืองเป็นแถวโค้งโอบใต้พระปรมาภิไธยย่อ
ขอบธงด้านที่ติดกับคันธง มีเกลียวเชือกสีแดงสลับดำ ด้านอื่นมีแถบจีบสีเหลืองกว้าง 2 เซนติเมตร
   ธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหารในกองบัญชาการทหารสูงสุด มีลักษณะอย่างเดียวกับธงชัยเฉลิมพล
ของทหารบกตามวรรคหนึ่ง

   มาตรา 15 ธงชัยเฉลิมพลของทหารเรือ มีลักษณะอย่างเดียวกับธงชาติ แต่ตรงกลางของผืนธง
มีรูปจักรแปดแฉก แฉกของจักรเวียนไปทางซ้ายและมีสมอสอดวงจักร ภายใต้พระมหามงกุฎ รูปเหล่านี้
เป็นสีเหลือง ขอบธงด้านที่ติดกับคันธง มีเกลียวเชือกสีแดง

   มาตรา 16 ธงชัยเฉลิมพลของทหารอากาศ มีลักษณะอย่างเดียวกับธงชาติ แต่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ขนาดกว้างด้านละ 70 เซนติเมตรตรงกลางของผืนธงมีดวงกลมสีฟ้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาว
2 ใน 3 ส่วนของความกว้างของผืนธง ภายในดวงกลมมีอุณาโลมทหารอากาศและมีชื่อหน่วยทหาร
สีแดงขลิบริมสีเหลืองเป็นแถวโค้งโอบใต้ดวงกลมสีฟ้า ผืนธงมุมบนด้านที่ติดกับคันธง มีรูปพระมหามงกุฎ
และเลขหมายประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ที่พระราชทานเป็นตัวเลขไทยสีเหลืองภายใต้
พระมหามงกุฎ มีพระปรมาภิไธยย่อสีแดงขลิบริมสีเหลืองรัศมีสีฟ้าขอบธงด้านที่ติดกับคันธง มีเกลียว
เชือกสีแดงสลับดำ ด้านอื่นมีแถบจีบสีเหลืองกว้าง 2 เซนติเมตร

   มาตรา 17 ธงชัยเฉลิมพลตามมาตรา 14 มาตรา 15 หรือมาตรา 16 จะกำหนดวัตถุที่เป็น
กฎกระทรวง

   มาตรา 18 ในกรณีที่หน่วยทหารที่ได้รับพระราชทานธงชัยเฉลิมพลแล้วได้รับพระราชทาน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ หรือได้รับอิสริยาภรณ์หรือเครื่องหมาย
เชิดชูเกียรติจากต่างประเทศ จะประดับเครื่องหมายนั้นที่ผืนธงหรือส่วนประกอบของธงก็ให้กระทำได้

   มาตรา 19 ธงประจำกองทัพบก มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน
พื้นธงสีแดง ตรงกลางของผืนธงมีรูปเครื่องหมายกองทัพบกเป็นสีเหลือง

   มาตรา 20 ธงประจำกองทัพเรือ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 6 ส่วน ยาว 9 ส่วน
พื้นธงสีขาว ตรงกลางของผืนธงมีดวงกลมสีขาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 4 ใน 6 ส่วน
ของความกว้างของผืนธง ภายในดวงกลมมีรูปจักรแปดแฉก แฉกของจักรเวียนไปทางซ้ายและมี
สมอสอดวงจักรภายใต้พระมหามงกุฎ รูปเหล่านี้เป็นสีเหลือง

   มาตรา 22 ธงประจำกองทัพอากาศ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน
พื้นธงสีฟ้า ตรงกลางของผืนธงมีรูปเครื่องหมายกองทัพอากาศเป็นสีเหลือง

   มาตรา 23 ธงแสดงยศ ได้แก่
   (1) ธงแสดงยศสำหรับทหารบก
   (2) ธงแสดงยศสำหรับทหารเรือ
   (3) ธงแสดงยศสำหรับทหารอากาศ

   มาตรา 24 ธงแสดงยศสำหรับทหารบก มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน
พื้นธงสีแดง มี 5 ชั้น คือ
   (1) ธงจอมพล มีรูปคทากับกระบี่ไขว้เหนือช่อชัยพฤกษ์อยู่ตรงกลางของกลุ่มดาวห้าแฉก 5 ดวง
เรียงเป็นรูปห้าเหลี่ยมด้านเท่าอยู่ตรงกลางของผืนธง ให้ด้านหนึ่งของรูปห้าเหลี่ยมด้านเท่าอยู่ด้านล่าง
ขนานกับขอบล่างของผืนธง รูปเหล่านี้เป็นสีเหลือง
   (2) ธงพลเอก มีรูปดาวห้าแฉกสีเหลือง 4 ดวง เรียงเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนอยู่
ตรงกลางของผืนธง ให้มุมแหลมวางตามความยาวของผืนธง
   (3) ธงพลโท มีรูปดาวห้าแฉกสีเหลือง 3 ดวง เรียงเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าอยู่ตรงเวลา
ของผืนธง ให้ด้านฐานะของรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าอยู่ด้านล่างขนานกับขอบล่างของผืนธง
   (4) ธงพลตรี มีรูปดาวห้าแฉกสีเหลือง 2 ดวง เรียงตามความยาวอยู่ตรงกลางของผืนธง
   (5) ธงพลจัตวา มีรูปดาวห้าแฉกสีเหลือง 1 ดวง อยู่ตรงกลางของผืนธง

   มาตรา 25 ธงแสดงยศสำหรับทหารเรือ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส พื้นธงสีขาวมีรูป
จักรสีขาวเป็นจักรแปดแฉก แฉกของจักรเวียนไปทางซ้าย มี 5 ชั้น คือ
   (1) ธงจอมพลเรือ มีรูปจักร 5 จักร อยู่ที่มุมธงทั้งสี่มุม มุมละ 1 จักร และอยู่ตรงกลางของผืนธง
อีก 1 จักร
   (2) ธงพลเรือเอก มีรูปจักร 4 จักร อยู่ที่มุมธงทั้งสี่มุม มุมละ 1 จักร
   (3) ธงพลเรือโท มีรูปจักร 3 จักร เรียงเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าอยู่ตรงกลางของผืนธง ให้
ด้านฐานของรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าอยู่ด้านล่างขนานกับขอบล่างของผืนธง
   (4) ธงพลเรือตรี มีรูปจักร 2 จักร เรียงกันในแนวดิ่งอยู่ตรงกลางของผืนธง
   (5) ธงพลเรือจัตวา มีรูปจักร 1 จักร อยู่ตรงกลางของผืนธง

   มาตรา 26 ธงแสดงผลสำหรับทหารอากาศ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 5 ส่วน
ยาว 6 ส่วน พื้นธงสีฟ้า มี 5 ชั้น คือ
   (1) ธงจอมพลอากาศ มีรูปคทากับกระบี่ไขว้เหนือช่อชัยพฤกษ์อยู่ตรงกลางของกลุ่มดาวห้าแฉก
5 ดวง เรียงเป็นรูปห้าเหลี่ยมด้านเท่า อยู่ตรงกลางของผืนธง ให้ด้านหนึ่งของรูปห้าเหลี่ยม
ด้านเท่าอยู่ด้านล่างขนานกับขอบล่างของผืนธง รูปเหล่านี้เป็นสีขาว
   (2) ธงพลอากาศเอก มีรูปดาวห้าแฉกสีขาว 4 ดวง เรียงเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนอยู่
ตรงกลางของผืนธง ให้มุมแหลมวางตามความยาวของผืนธง
   (3) ธงพลอากาศโท มีรูปดาวห้าแฉกสีขาว 3 ดวง เรียงเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าอยู่
ตรงกลางของผืนธง ให้ด้านฐานของรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าอยู่ด้านล่างขนานกับขอบล่างของผืนธง
   (4) ธงพลอากาศตรี มีรูปดาวห้าแฉกสีขาว 2 ดวง เรียงตามความยาวอยู่ตรงกลางของผืนธง
   (5) ธงพลอากาศจัตวา มีรูปดาวห้าแฉกสีขาว 1 ดวง อยู่ตรงกลางของผืนธง

   มาตรา 27 ธงแสดงตำแหน่ง ได้แก่
   (1) ธงผู้บัญชาการทหารสูงสุด
   (2) ธงแสดงตำแหน่งสำหรับทหารบก
   (3) ธงแสดงตำแหน่งสำหรับทหารเรือ
   (4) ธงผู้บัญชาการทหารอากาศ

   มาตรา 28 ธงผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน
ด้านยาวของผืนธงแบ่งเป็นสามตอนเท่ากัน ตอนต้นของผืนธงสีแดง ตอนกลางสีขาวและตอนปลายสีฟ้า
ตรงกลางของผืนธงมีรูปจักรแปดแฉก แฉกของจักรเวียนไปทางขวาง และมีสมอสอดวงจักร ด้านซ้าย
และด้านขวาของรูปจักรมีรูปปีกนกกางล้อมรอบด้วยช่อชัยพฤกษ์ ภายใต้ช่อชัยพฤกษ์มีรูปดาวห้า
แฉก 5 ดวง อยู่ตรงกลาง 1 ดวง และโอนขึ้นไปทางซ้ายและขวาของดวงที่อยู่ตรงกบางอีก
ข้างละ 2 ดวง รูปเหล่านี้เป็นสีเหลืองเว้นแต่สมอเป็นสีเงินและดาวเป็นสีทอง ขอบธงมีแถบจีบสีเหลือง
นอกจากด้านที่ติดกับคันธง

   มาตรา 29 ธงแสดงตำแหน่งสำหรับทหารบก ได้แก่
   (1) ธงผู้บัญชาการทหารบก มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน
พื้นธงสีแดง ตรงกลางของผืนธงมีรูปเครื่องหมายกองทัพบก ภายใต้เครื่องหมายกองทัพบกมีรูปดาว
ห้าแฉก5 ดวง อยู่ตรงกลาง 1 ดวง และโอบขึ้นไปทางซ้ายและขวาของดวงที่อยู่ตรงกลางอีกข้างละ
2 ดวง รูปเหล่านี้เป็นสีเหลือง
   (2) ธงแม่ทัพ มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงผู้บัญชาการทหารบก  เว้นแต่มีรูปดาวห้าแฉก 3 ดวง
อยู่ตรงกลางภายใต้เครื่องหมายกองทัพบก 1 ดวง และอยู่ทางซ้ายและขวาของเครื่องหมายนั้นข้างละ
1 ดวง
   (3) ธงผู้บัญชาการกองพล มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงผู้บัญชาการทหารบก เว้นแต่มี
รูปดาวห้าแฉก 2 ดวง อยู่ทางซ้ายและขวาของเครื่องหมายกองทัพบกข้างละ 1 ดวง

   มาตรา 30 ธงแสดงตำแหน่งสำหรับทหารเรือ ได้แก่
   (1) ธงผู้บัญชาการทหารเรือ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน
พื้นธงสีขาว ตรงกลางของผืนธงมีรูปจักรแปดแฉก แฉกของจักรเวียนไปทางซ้าย และมีสมอสอดวงจักร
ภายใต้พระมหามงกุฎ รูปเหล่านี้เป็นสีเหลือง
   (2) ธงผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงผู้บัญชาการทหารเรือ
แต่ตอนต้น 2 ใน 3 ส่วนของความยาวมีรูปจักรแปดแฉก แฉกของจักรเวียนไปทางซ้าย และมี
สมอสอดวงจักรภายใต้พระมหามงกุฎ อยู่ตรงกลาง และปลายธงตัดเป็นแฉกรูปหางนกแซงแซวลึก
1 ใน 3 ส่วนของความยาวของผืนธง
   (3) ธงผู้บังคับการกองเรือ มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ
แต่ปลายธงที่เป็นแฉกรูปหางนกแซงแซวเป็นสีขาว
   (4) ธงผู้บังคับหมวดเรือ มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วด้านฐานที่อยู่ทางคันธง กว้าง 2 ส่วน
ผืนธงยาว 5 ส่วน พื้นธงสีขาวตอนต้น 2 ใน 5 ส่วนของผืนธงมีสมอสีเหลืองอยู่ตรงกลาง
   (5) ธงผู้บังคับหมู่เรือ มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงผู้บังคับหมวดเรือ แต่ตอนปลาย 3 ใน
 5 ส่วนของผืนธงเป็นสีขาว
   (6) ธงหัวหน้าชั่วคราว มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงผู้บังคับหมวดเรือ แต่ตอนต้น 2 ใน 5 ส่วน
ของผืนธงเป็นสีขาว มีสมอสีขาวอยู่ตรงกลาง
   (7) ธงผู้บังคับการเรือ มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ด้านฐานที่อยู่ทางคันธง กว้างไม่เกิน
20 เซนติเมตร ผืนธงยาว 30 เท่าของด้านฐาน ตอนต้น 1 ใน 3 ส่วนของผืนธงเป็นสีแดง ตอนปลาย
2 ใน 3 ส่วนของผืนธงเป็นสีขาว
   (8) ธงผู้บัญชาการฐานทัพเรือ มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ
แต่ปลายธงที่เป็นแฉกรูปหางนกแซงแซวเป็นสีฟ้า
   (9) ธงผู้บังคับการสถานีทหารเรือ มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ
แต่ปลายธงที่เป็นแฉกรูปหางนกแซงแซวเป็นสีแดง
  (10) ธงผู้บัญชาการกรมนาวิกโยธิน มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ
แต่ปลายธงที่เป็นแฉกรูปหางหกแซงแซวเป็นสีเหลือง

   มาตรา 31 ธงผู้บัญชาการทหารอากาศ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน
พื้นธงสีฟ้า ขอบธงขลิบริมสีเหลืองทั้ง 4 ด้าน และดวงกลางของผืนธงมีรูปปีกนกสีเหลือง 2 ปีก
ระหว่างหัวปีกมีรูปธงชาติเฉียงอยู่ในอาร์ม เหนืออาร์มมีอุณาโลมสีขาวภายใต้พระมหามงกุฎ เปล่งรัศมี
มีสีเหลือง

   มาตรา 32 ธงแสดงหน่วยทหารบก ได้แก่
   (1) ธงแสดงหน่วยกองทัพ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน แบ่งสีเป็น
2 ส่วน ส่วนบนคือส่วนจากมุมล่างทางด้านคันธง ตัดเฉียงขึ้นไปถึงมุมบนเป็นสีแดง ส่วนล่างคือส่วนที่เหลือ
เป็นสีบานเย็น ในส่วนที่เป็นสีแดงตอนมุมบนของผืนธงด้านที่ติดกับคันธง มีเครื่องหมายกองทัพบก
ใต้เครื่องหมายกองทัพบกมีดาวห้าแฉกสีเหลือง 3 ดวง เรียงตามความยาวของผืนธง
   (2) ธงแสดงหน่วยกองพล มีลักษณะอย่างเดียวกับธงแสดงหน่วยกองทัพ แต่ใต้เครื่องหมาย
กองทัพบกมีดาวห้าแฉกสีเหลือง 2 ดวงเรียงตามความยาวสของผืนธง
   (3) ธงแสดงหน่วยกรม มีลักษณะอย่างเดียวกับธงแสดงหน่วยกองพล แต่ใต้เครื่อง
หมายกองทัพบกไม่มีดาว สำหรับธงแสดงหน่วยกรมนักเรียนนายร้อย ผืนธงส่วนล่างเป็นสีเหลือง
มุมบนของผืนธงด้านที่ติดกับคันธง มีตรงแผ่นดินในรัชกาลพระบามสมเด็จพระจุมจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
แทนเครื่องหมายกองทัพบก และมีแถบโอนใต้ตราแผ่นดิน รูปเหล่านี้เป็นสีเหลือง ภายในแถบมีความว่า
"กรมนักเรียนนายร้อย" เป็นอักษรสีแดงสำหรับหน่วยรบพิเศษซึ่งอยู่ในระดับเทียบเท่าหน่วยกรม
ตรงกลางของผืนธงส่วนล่างมีเครื่องหมายนักโดดร่มสีเหลืองขนาดพองาม และสำหรับหน่วยบินซึ่ง
อยู่ในระดับเทียบเท่าหน่วยกรม ตรงกลางของผืนธงส่วนล่างมีเครื่องหมายแสดงความสามารถใน
การบินสีขาวขนาดพองาม
   (4) ธงแสดงหน่วยกองพัน มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน
แบ่งสีเป็น 2 ส่วน ส่วนบนคือส่วนจากมุมล่างทางด้านคันธง ตัดเฉียงไปถึงมุมบนเป็นสีแดง ส่วนล่าง
คือส่วนที่เหลือแบ่งออกไปอีกเป็นสองตอน โดยแบ่งจากจุดกึ่งกลางของเส้นทแยงมุมตัดเฉียงลงถึง
มุมล่างด้านนอก ตอนต้นทางด้านที่ติดกับคันธง เป็นสีตามสีของหน่วยทหาร ตอนปลายเป็นสีขาว มุมบน
ของผืนธงเป็นสีตามสีของหน่วยทหาร ตอนปลายเป็นสีขาว มุมบนของผืนธงด้นที่ติดกับคันธง มีเครื่องหมาย
กองทัพบก สำหรับธงแสดงหน่วยกองทัพทหารราบให้มีแถบสีแดงทับรอยต่อเส้นทแยงมุมตัดเฉียง
สำหรับกองทัพนักเรียนนายร้อยส่วนล่างของผืนธงที่ติดกับคันธง เป็นสีเหลือง มุมบนของผืนธงด้านที่ติดกับ
คันธง มีตราแผ่นดินและมีแถบอย่างเดียวกับธงแสดงหน่วยกรมนักเรียนนายร้อย สำหรับหน่วยรบพิเศษ
ซึ่งอยู่ในระดับเทียบเท่าหน่วยกองพัน ตรงกลางของผืนธงส่วนล่างมีเครื่องหมายนักโดยร่มสีเหลือง
ขนาดพองาม และสำหรับหน่วยบินซึ่งอยู่ในระดับเทียบเท่าหน่วยกองพันตรงกลางขชองผืนธงส่วนล่าง
มีเครื่องหมายแสดงความสามารถในการบินสีขาวขนาดพองาม
   ผืนธงส่วนล่างของธงแสดงหน่วยทหารตาม (2) (3) และ (4) เป็นสีตามสีของหน่วยทหาร
ดังต่อไปนี้
   (ก) ทหารราบ และหน่วยรบพิเศษ                      สีขาว
   (ข) ทหารม้า                                     สีฟ้าหม่น
   (ค) ทหารปืนใหญ่ และนักเรียนนายร้อย                  สีเหลือง
   (ง) ทหารช่าง                                    สีดำ
   (จ) ทหารสื่อสาร                                  สีม่วง
   (ฉ) ทหารขนส่ง                                   สีเลือดหมู
   (ช) ทหารแพทย์                                   สีเขียว
   (ซ) ทหารสารวัตร                                 สีน้ำเงิน
   (ฌ) ทหารสรรพาวุธ                                สีแสด
   (ญ) หน่วยบิน                                     สีฟ้าอ่อน
   ธงแสดงหน่วยทหารตาม (1) (2) (3) และ (4) ถ้ามีหน่วยที่เป็นเหล่าและอยู่ในระดับ
เดียวกันตั้งแต่ 2 หน่วยขึ้นไป ให้มีอักษรย่อชื่อหน่วยหรือเลขหมายหน่วยเป็นตัวเลขไทยอยู่ตรงกลาง
ของส่วนล่างของผืนธง
   นอกจากที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ทหารบกจะมีธงแสดงหน่วยทหารอื่นอีกหรือจะมีธงแสดง
หน่วยทหารสำหรับหน่วยทหารที่อยู่ในระดับเทียบเท่าหน่วยกองทัพ หน่วยกองพล หน่วยกรม หน่วย
กองพันอื่นอีกก็ได้โดยให้กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 33 ธงแสดงหน่วยทหารอากาศ มี
   (1) ธงแสดงหน่วยที่เป็นส่วนกำลังรบ ตั้งแต่ระดับฝูงบินหรือกองทัพขึ้นไป มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม
ผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน พื้นธงสีฟ้า ตรงกลางของผืนธงมีรูปเครื่องหมายกองทัพอากาศ
เป็นสีเหลืองและมีชื่อหน่วยทหารนั้น ๆ เป็นสีน้ำเงินดำเป็นแถวโค้งโอบได้รูปเครื่องหมาย
กองทัพอากาศ
   (2) ธงแสดงหน่วยแยกอิสระที่เป็นส่วนกำลังรบ ตามที่กองทัพอากาศกำหนดมีลักษณะและสี
อย่างเดียวกับธงแสดงหน่วยที่เป็นส่วนกำลังรบตั้งแต่ระดับฝูงบินหรือกองพันขึ้นไป

   มาตรา 34 ธงพิทักษ์สันติราษฎร์ของกรมตำรวจ มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงชาติ แต่ที่
ตรงกลางของผืนธงมีรูปตราแผ่นดินในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประกอบ
ด้วยความว่า "พิทักษ์สันติราษฎร์" ปักด้วยดิ้นเงินโอบใต้ตราแผ่นดิน
   ธงพิทักษ์สันติราษฎร์ตามวรรคหนึ่ง จะกำหนดวัตถุที่ทำเป็นลวดลายในผืนธง หรือจะกำหนด
ส่วนประกอบของธงก็ได้ โดยให้กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 35 ธงกองอาสารักษาดินแดน มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงชาติ แต่ผืนธงเป็น
รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 72 เซนติเมตร ด้านหน้าของผืนธงมุมบนด้านที่ติดกับคันธง
มีรูปพระมหามงกุฎ และเลขหมายประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ที่พระราชทานเป็นตัวเลขไทย
สีเหลือง ภายใต้พระมหามงกุฎ มีพระปรมาภิไธยย่อเป็นสีทองขลิบริมสีเหลืองรัศมีสีทอง และ
ที่ตรงกลางของผืนธงมีดวงกลมสีแดงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 34 เซนติเมตร ขอบรอบวงกลม
เป็นสีเหลืองมีรูปพระนเรศวรทรงช้างอยู่ภายในดวงกลมและมีความว่า "กองอาสารักษาดินแดน"
ปักด้วยดิ้นทองเป็นแถวโค้งโอบใต้ดวงกลมนั้น ด้านหลังที่ตรงกลางของผืนธงมีรูปช่อชัยพฤกษ์และ
อุณาโลมอยู่ตรงกลางภายใต้พระมหามงกุฎ ปักด้วยดิ้นทอง ขอบธงด้านที่ติดกับคันธง เป็นสีแดง
ด้านอื่นเป็นกรุยสีเหลือง

   มาตรา 36 ธงกองอาสารักษาดินแดนจังหวัด มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงกองอาสารักษาดินแดน
แต่ด้านหน้าของผืนธงที่ใต้ความว่า "กองอาสารักษาดินแดน" ให้มีชื่อจังหวัดที่กองอาสารักษาดินแดน
ตั้งอยู่ ปักด้วยดิ้นทอง

   มาตรา 37 ธงตามมาตรา 35 และมาตรา 36 จะกำหนดวัตถุที่ทำเป็นลวดลายในผืนธงหรือ
จะกำหนดส่วนประกอบของธงก็ได้ โดยให้กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 38 ธงคณะลูกเสือแห่งชาติ มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงชาติ แต่ผืนธงกว้าง
50 เซนติเมตร ยาว 52 เซนติเมตร ตรงกลางของผืนธงมีตราพระธรรมจักรสีเหลืองขนาด
เส้นผ่าศูนย์กลางยาว 32 เซนติเมตร

   มาตรา 39 ธงลูกเสือจังหวัด มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงชาติ แต่ผืนธงกว้าง 40 เซนติเมตร
ยาว 60 เซนติเมตร ตรงกลางของผืนธงมีดวงกลมสีเหลืองขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 27 เซนติเมตร
มีขอบรอบดวงกลมเป็นสีดำ 2 ขอบซ้อนกัน ขอบนอกกว้าง 2 มิลลิเมตร ขอบในกว้าง 1 มิลลิเมตร
ระยะระหว่างขอบนอกกับขอบในห่างกัน 2 มิลลิเมตร ตรงกลางของดวงกลมมีตราคณะลูกเสือ
แห่งชาติเป็นสีเหลืองและใต้ตรานั้นให้มีชื่อจังหวัดเป็นอักษรสีดำ

   มาตรา 40 ให้ใช้ธงชาติเป็นธงแสดงตำแหน่งราชการหรือส่วนราชการที่พระราชบัญญัตินี้มิ
ได้กำหนดลักษณะของธงไว้โดยเฉพาะ

   มาตรา 41 ธงดังต่อไปนี้ ให้ใช้เป็นธงราชการที่ชักขึ้นในเรือเฉพาะเวลาปฏิบัติการตามหน้าที่
   (1) ธงเจ้าพนักงานนำร่อง มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 8 ส่วน ยาว 12 ส่วน
ขอบผืนธงเป็นแถบสีขาว กว้าง 1 ใน 8 ส่วนของความกว้างของผืนธง ภายในแถบสีขาวมีลักษณะ
และสีอย่างเดียวกับธงชาติ
   (2) ธงเจ้าพนักงานตรวจท่า มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ด้านฐานที่อยู่ติดกับคันธง
กว้าง 1 ส่วน ผืนธงยาว 2 ส่วน ตอนต้น 1 ใน 3 ส่วนของผืนธงมีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงชาติ
และตอนปลาย 2 ใน 3 ส่วนของผืนธงเป็นสีขาว
   (3) ธงพนักงานการสื่อสารแห่งประเทศไทยมีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงเจ้าพนักงาน
ตรวจท่า เว้นแต่ตอนปลายของผืนธงเป็นสีแดง ที่ตรงกลางของผืนธงที่เป็นสีแดงมีรูปแตรงอนใน
แนวนอนเหนือแตรงอนมีอุณาโลมในพระมหามงกุฎ เปล่งรัศมี รูปเหล่านี้เป็นสีเหลือง
   (4) ธงเจ้าพนักงานศุลกากร มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงเจ้าพนักงานตรวจท่า เว้น
แต่ตอนปลายของผืนธงเป็นสีเขียวป่าไม้
   (5) ธงเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงเจ้าพนักงานตรวจท่า
เว้นแต่ตอนปลายของผืนธงเป็นสีเหลืองที่ตรงกลางของผืนธงที่เป็นสีเหลืองมีรูปพระแสงดาบเขน
และโล่สีเลือดหมู
   (6) ธงเจ้าพนักงานตำรวจน้ำ มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ด้านฐานที่อยู่ติดกับคัน
ธงกว้าง 1 ส่วน ผืนธงยาว 3 ส่วน ตอนต้น 1 ใน 3 ส่วนของผืนธงมีลักษณะและสีอย่างเดียวกับ
ธงชาติ และตอนปลาย 2 ใน 3 ส่วนของผืนธงเป็นสีเลือดหมู ที่ตรงกลางของผืนธงมีรูป
พระแสงดาบเขนและโล่สีเหลือง

   มาตรา 42 ธงเรือยนต์หลวง มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว พื้นธงสีแดง ด้านฐานที่อยู่
ติดกับคันธงกว้าง 1 ส่วน ผืนธงยาว 2 ส่วนตอนต้นของผืนธงมีรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาว
ขนาดกว้าง 1 ใน 2 ส่วน ของความกว้างของผืนธง ตอนกลางของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีรูป
พระมหามงกุฎ สีเหลือง

   มาตรา 43 ธงแสดงตำแหน่งทั่วไป มี
   (1) ธงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นธงสีขาวตรงกลาง
ของผืนธงมีอาร์มสีเหลือง กว้าง 1 ใน 3 ส่วนของความกว้างของผืนธง ภายในอาร์มสีเหลืองมี
อาร์มสีธงชาติกว้าง 3 ใน 5 ส่วนของความกว้างของอาร์มสีเหลือง เหนืออาร์มมีครุฑพ่าห์สีแดง
ขนาดเท่าอาร์มสีเหลือง
   (2) ธงประธานรัฐสภา มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 5 ส่วน ยาว 6 ส่วน พื้นธงสีขาว
ตรงกลางของผืนธงมีรูปรัฐธรรมนูญประดิษฐานอยู่บนพาน 2 ชั้นสีทอง ภายใต้พระมหามงกุฎ สีเหลือง
รูปนี้อยู่ระหว่างกลางลายกระหนกสีแดง
   (3) ธงนายกรัฐมนตรี มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 5 ส่วน ยาว 6 ส่วน พื้นธงสีขาว
ตรงกลางของผืนธงมีรูปวงกลมมีเส้นรอบวงเป็นเส้นคู่ ตรงกลางของวงกลมมีรูปรัฐธรรมนูญที่รัศมี
ประดิษฐานอยู่บนพาน 2 ชั้นเหนือตั่ง มีรูปราชสีห์กับคชสีห์ยืนในท่าเผ่นหันหน้าเข้าหากันอยู่ 2 ข้าง
รูปเหล่านี้เป็นสีแดงอยู่ภายใต้พระมหามงกุฎ สีเหลือง
   (4) ธงประธานศาลฎีกา มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 5 ส่วน ยาว 6 ส่วน
พื้นธงสีขาว ตรงกลางของผืนธงมีรูปวงกลมมีเส้นรอบวงเป็นเส้นคู่ ตรงกลางของวงกลมมีรูป
พระแสงขรรค์เป็นหลักมีดุลเกี่ยวขัดไว้ที่ด้ามพระแสงขรรค์ รูปเหล่านี้เป็นสีแดงอยู่ภายใต้พระมหามงกุฎ
สีเหลือง
   (5) ธงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 5 ส่วน
ยาว 6 ส่วน พื้นธงสีขาว ตรงกลางของผืนธงมีรูปจักรสีแดงแปดแฉก แฉกของจักรเวียนไปทางขวา
และมีสมอสีขาวสอดวงจักร ด้านซ้ายและด้านขวาของรูปจักรมีรูปปีกนกกางเป็นสีฟ้า อยู่ภายใต้
พระมหามงกุฎ สีเหลือง
   (6)ธงราชทูต มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงชาติ ตรงกลางของผืนธงมีดวงกลมสีขาว
ขนาดเส้นศูนย์กลางยาว 2 ใน 3 ส่วนของความกว้างของผืนธง ภายในดวงกลมมีช้างเผือก
ทรงเครื่องยืนแท่นหันหน้าเข้าหาคันธง ธงนี้ให้ใช้สำหรับหัวหน้าคณะผู้แทนทางทูตซึ่งได้รับแต่งตั้ง
ให้ดำรงตำแหน่งโดยมีพระราชสาส์นตราตั้ง
   (7) ธงกงสุล มีลักษณะและสีอย่างเดียวกับธงชาติ ตรงกลางของผืนธงมีดวงกลมสี
ขาบขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 2 ใน 3 ส่วนของความกว้างของผืนธง ภายในดวงกลมมีช้างเผือก
หันหน้าเข้าหาคันธง ธงนี้ให้ใช้สำหรับหัวหน้าสถานที่ทำการทางกงสุลซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
โดยมีพระบรมราชโองการ

   มาตรา 44 ให้นายกรัฐมนตรีหรือส่วนราชการที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายจัดทำรูปธงให้ถูกต้อง
ตามลักษณะที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ไว้เป็นตัวอย่าง

   มาตรา 45 การใช้ ชัก หรือแสดงธงที่มีความหมายถึงประเทศไทยหรือชาติไทยตามมาตรา 5
ให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี

   มาตรา 46 การใช้ ชัก หรือแสดงธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร ให้กระทำได้เฉพาะ
ธงชาติ ธงราชนาวี หรือธงประจำกองทัพเรือ ธงสำหรับองค์ราชาธิบดี ราชินี ราชสามี รัชทายาท
ธงแสดงตำแหน่งประมุขของรัฐ หรือหัวหน้ารัฐบาล ธงแสดงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้แทนทางทูต
ธงแสดงตำแหน่งหัวหน้าสถานที่ทำการทางกงสุล ธงของรัฐต่างประเทศ ธงขององค์การระหว่าง
ประเทศที่รัฐบาลไทยเป็นสมาชิกและธงอื่นของต่างประเทศซึ่งได้รับอนุญาตจากนายกรัฐมนตรี
   การใช้ ชัก หรือแสดงธงของต่างประเทศตามวรรคหนึ่งให้กระทำได้ ณ ที่ดังต่อไปนี้
   (1) สถานที่พักอาศัยหรือยานพาหนะสำหรับองค์ราชาธิบดี ราชินี ราชสามี รัชทายาท
ประมุขของรัฐหรือผู้แทน หรือหัวหน้ารัฐบาลในโอกาสที่มาเยือนประเทศไทย
   (2) สถานที่ทำการของคณะผู้แทนทางทูต สถานที่ทำการทางกงสุล หรือสำนักงานขององค์การ
ระหว่างประเทศ และรวมถึงหน่วยงานขององค์การระหว่างประเทศ
   (3) สถานที่อยู่ ที่พักอาศัยหรือยานพาหนะสำหรับหัวหน้าคณะผู้แทนทางทูต หัวหน้าสถานที่
ทำการทางกงสุล หรือหัวหน้าสำนักงานขององค์การระหว่างประเทศ และรวมถึงหัวหน้าหน่วยงาน
ขององค์การระหว่างประเทศ
   (4) เรือหรืออากาศยานต่างประเทศหรือขององค์การระหว่างประเทศ
   (5) เรือหรืออากาศยานของรัฐต่างประเทศ หรือ
   (6) สถานที่อื่นตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศให้ใช้ ชัก หรือแสดงธงได้ หรือตามที่ได้รับอนุญาต
จากนายกรัฐมนตรี
   การใช้ ชัก หรือแสดงธงตาม (1) ถึง (4) ให้เป็นไปตามขนบธรรมเนียมระหว่างประเทศ
กฎหมายระหว่างประเทศ หรือความตกลงกับรัฐบาลไทย
   การใช้ ชัก หรือแสดงธงตาม (5) และ (6) ให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี

   มาตรา47 บทบัญญัติมาตรา46 มิให้ใช้บังคับแก่การใช้ชัก หรือแสดงธงของต่างประเทศ
ภายในห้องของอาคาร

   มาตรา 48 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 45 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 49 ผู้ใดใช้ ชัก หรือแสดงธงอื่นของต่างประเทศนอกจากธงที่กำหนดให้ใช้ ชัก หรือ
แสดงได้ตามมาตรา 46 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 50 ผู้ใดใช้ ชัก หรือแสดงธงต่างประเทศโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 46 วรรคสอง
วรรคสาม หรือวรรคสี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือ
ทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 51 ผู้ใดใช้ ชัก หรือแสดงธงอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ได้บัญญัติกำหนดลักษณะไว้ใน
พระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้โดยไม่มีสิทธิ หรือใช้
ชัก หรือแสดงธงที่คล้ายคลึงกับธงดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน
สองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 52 ผู้ใดใช้หรือแสดงธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงที่ได้กำหนดลักษณะไว้ในพระ
ราชบัญญัตินี้ หรือตามที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ไว้ที่สิ่งบรรจุ หีบห่อ สิ่งหุ้มห่อ
สิ่งผูกมัด หรือสิ่งใด ๆ ทั้งนี้ โดยไม่สมควร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับ
ไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 53 ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อธงตามมาตรา 5 หรือมาตรา 6 ดังต่อไปนี้
   (1) ประดิษฐ์รูปตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายอื่นใดในผืนธง รูปจำลองของธง หรือใน
แถบสีธง นอกจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
   (2) ใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงอันมีลักษณะตาม (1)
   (3) ใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงไว้ ณ ที่หรือโดยวิธีอันไม่สมควร
   (4) ประดิษฐ์ธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงไว้ ณ ที่หรือสิ่งใด ๆ โดยไม่สมควร
   (5) แสดงหรือใช้สิ่งใด ๆ ที่มีรูปธง รูปจำลองของธง หรือมีแถบสีธงอันมีลักษณะตาม (4)
โดยไม่สมควร
   ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 54 ผู้ใดกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการเหยียดหยามต่อธง รูปจำลองของธง
หรือแถบสีธงที่ได้บัญญัติกำหนดลักษณะไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่ง
ออกตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือ
ทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 55 ธงชัยเฉลิมพลหรือธงประจำกองทหารบก ธงประจำกองทหารเรือ และธง
ประจำกองทหารอากาศ ที่ใช้อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นธงชัยเฉลิมพล
ตามพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะได้รับพระราชทานธงชัยเฉลิมพลใหม่

   มาตรา 56 ในระหว่างที่ยังมิได้ออกกฎกระทรวงหรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้ให้บรรดา
กฎกระทรวงและประกาศที่ได้ออกตามพระราชบัญญัติธง พุทธศักราช 2479 และให้ใช้บังคับ
อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ คงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ส. โหตระกิตย์
รองนายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่า
ด้วยธงที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้ประกาศใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2479 สมควรปรับปรุงเสียใหม่ ประกอบกับ
เป็นการสมควรกำหนดธงบางชนิดเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับราชประเพณีและระเบียบแบบแผนของ
ทางราชการ และสมควรยกเลิกธงซึ่งทางราชการเลิกใช้แล้ว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
(ร.จ. เล่ม 96 ตอนที่ 67 หน้า 1 วันที่ 30 เมษายน 2522)