พระราชบัญญัติ โรงงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2522 เป็นปีที่ 34 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยโรงงาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 43 ผู้ใดตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตั้งโรงงานตามมาตรา 8 ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และให้ศาลสั่งให้ผู้ตั้งโรงงานนั้นหยุดติดตั้งเครื่องจักรหรือรื้อถอนเครื่องจักร ที่ติดตั้งไว้ได้ตามที่เห็นสมควร ในกรณีที่โรงงานตามวรรคหนึ่งเป็นโรงงานประเภทหรือชนิดไม่อนุญาตให้ตั้ง ตามประกาศ ของรัฐมนตรีออกตามความในมาตรา 33 (1) หรือมาตรา 34 ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษปรับไม่ เกินสองแสนาบาท และให้ศาลสั่งให้ผู้ตั้งโรงงานนั้นหยุดติดตั้งเครื่องจักรหรือรื้อถอนเครื่องจักรที่ ติดตั้งไว้ได้ตามที่เห็นสมควร"
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 44 ผู้ใดประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่ง ให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานนั้นหยุดประกอบกิจการโรงงาน ในกรณีที่โรงงานตามวรรคหนึ่งเป็นโรงงานประเภทหรือชนิดที่ไม่อนุญาตให้ตั้งตามประกาศ ของรัฐมนตรีออกตามความในมาตรา 33 (1) หรือมาตรา 34 ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งให้ผู้ประกอบกิจการโรงงาน นั้นหยุดประกอบกิจการโรงงาน"
มาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 46 ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผู้ใดขยายโรงงานโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ขยายโรงงาน หรือประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานในส่วนที่ ขยายตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานนั้นหยุดขยายโรงงานหรือหยุดประกอบกิจการโรงงานใน ส่วนที่ขยาย หรือรื้อถอนส่วนที่ขยายได้ตามที่เห็นสมควร ในกรณีที่โรงงานตามวรรคหนึ่งเป็นโรงงานประเภทหรือชนิดที่ไม่อนุญาตให้ขยายตามประกาศของ รัฐมนตรีออกตามความในมาตรา 33 (1) ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกิน สองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานนั้นหยุดขยายโรงงานหรือ หยุดประกอบกิจการโรงงานในส่วนที่ขยาย หรือรื้อถอนส่วนที่ขยายได้ตามที่เห็นสมควร"
มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในมาตรา 50 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 50 ทวิ ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนท บริษัท หรือนิติบุคคลอื่นกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการกระทำอันเป็นความผิดนั้น ต้องระวางโทษ ตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า การกระทำนั้นได้กระทำโดยตนมิ ได้รู้เห็นหรือยินยอมด้วย" ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ส. โหตระกิตย์ รองนายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือ โดยที่การฝ่าฝืนตั้งโรงงาน ประ กอบกิจการโรงงาน และขยายโรงงานโดยไม่ได้รับใบอนุญาตมีอยู่เป็นจำนวนมาก และโรงงานบาง ประเภทที่มีการฝ่าฝืนนั้น เป็นโรงงานที่ทางราชการไม่อนุญาตให้ตั้งหรือขยายเพื่อประโยชน์ใน ทางเศรษฐกิจของประเทศและเพื่อประโยชน์ในการจัดให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยผังเมืองส สมควรเพิ่มอัตราโทษอาญาแก่การกระทำความผิดเกี่ยวกับโรงงานประเภทดังกล่าวและจากที่เป็นมา การดำเนินการทางกฎหมายแก่โรงงานที่ตั้ง ขยายหรือดำเนินกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตนี้ ปรากฏว่า การกำหนดแต่โทษอาญาไว้นั้นไม่ได้ผลในทางการปรามผู้มีเจตนาฝ่าฝืนได้เท่าที่ควร สมควรให้ ศาลสามารถมีคำสั่งให้มีการหยุดติดตั้งเครื่องจักร รื้อถอนเครื่องจักร หยุดประกอบกิจการโรงงาน หยุดขยายโรงงานหรือรื้อถอนโรงงานในส่วนที่ขยายได้ตามควรแก่กรณี ซึ่งคำสั่งของศาลในเรื่องนี้ นอกจากจะเป็นมาตรการทางแพ่งที่จะสั่งควบคู่กับการลงโทษอาญาเพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ศาลอาจมีคำสั่งเช่นว่านี้เป็นการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา เพื่อระงับการกระทำอัน เป็นการฝ่าฝืนนั้นต่อไปหรือป้องกันความเสียหายที่จะเกิดแก่สังคมหรือประชาชนในทางเศรษฐกิจ และทางสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย นอกจากนั้นการกำหนดให้แต่กรรมการและผู้จัดการต้องรับผิดใน การกระทำผิดของนิติบุคคลต่าง ๆ นั้นยังแคบไป สมควรขยายให้บุคคลซึ่งมีส่วนรับผิดชอบในการกระทำ ผิดนั้นมีความรับผิดด้วย เพื่อความรัดกุมในการบังคับการตามกฎหมายและให้สอดคล้องกับกฎหมายอื่น ๆ อันเกี่ยวกับผู้ต้องร่วมรับผิดในการกระทำของนิติบุคคล จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น (ร.จ. เล่ม 96 ตอนที่ 64 หน้า 21 วันที่ 28 เมษายน 2522) |