พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2522 เป็นปีที่ 34 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภาดังต่อไปนี้
มาตรา1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่ กระทำผิดกฎหมาย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกบทนิยามคำว่า "อากาศยาน" และ "แผนการบิน" ในมาตรา 4 แห่งพระ ราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ. 2519 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""อากาศยาน" หมายความว่า อากาศยานตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศซึ่งรวมถึง อากาศยานของทางราชการทหาร ตำรวจ และอากาศยานของส่วนราชการอื่นด้วย "แผนการบิน" หมายความว่า เอกสารแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการบินซึ่งผู้ควบคุมอากาศ ยานจัดทำขึ้นเพื่อแสดงต่อส่วนราชการที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการเดินอากาศหรือเจ้าหน้าที่ทหารอากาศ เมื่อจะนำอากาศยานขึ้นทำการบิน"
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติต่อ อากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ. 2519 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 5 ผู้ควบคุมอากาศยานที่จะนำอากาศยานทำการบินในราชอาณาจักรต้องแจ้งกำหนด การใช้อากาศยานและแผนการบินต่อส่วนราชการที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการเดินอากาศหรือเจ้าหน้าที่ ทหารอากาศ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 6 เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า อากาศยานเครื่องใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 5 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ หรืออนุสัญญาหรือความตกลง ระหว่างประเทศ ที่เกี่ยวกับการขึ้นลงของอากาศยาน เส้นทางบิน การบินเข้า หรือผ่านเขตห้าม หรือเขตจำกัดการบิน การใช้เครื่องถ่ายภาพในอากาศยานหรือจากอากาศยาน การบังคับหรือ ปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินหรือทิ้งร่มอากาศ การพายุทธภัณฑ์ไปกับอากาศยาน การบินออกไป นอกราชอาณาจักรหรือการบินผ่านหรือขึ้นลงในราชอาณาจักร หรือเมื่ออากาศยานเครื่องใดมีพฤติการณ์ ที่อาจก่อให้เกิดภยันตรายแก่ราชอาณาจักร ให้เจ้าหน้าที่ทหารอากาศมีอำนาจทำการพิสูจน์ผ่าน และ ถ้าผลของการพิสูจน์ฝ่ายทำให้มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอากาศยานเครื่องใดได้กระทำการฝ่าฝืนหรือ ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรืออนุสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศดังกล่าวหรือเป็น อากาศยานที่ไม่สามารถพิสูจน์ฝ่ายได้ให้เจ้าหน้าที่ทหารอากาศมีอำนาจสั่งหรือบังคับให้อากาศยานที่ ตรวจพบนั้นลงยังสนามบิน หรือที่ขึ้นลงชั่วคราวแห่งใดแห่งหนึ่งได้ ในกรณีที่อากาศยานนั้นไม่ยอมปฏิบัติตามการสั่งหรือการบังคับตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าหน้าที่ ทหารอากาศมีอำนาจดำเนินกรใด ๆ เพื่อบังคับให้ผู้ควบคุมอากาศยานนำอากาศยานลงยังสนามบิน หรือที่ขึ้นลงชั่วคราวแห่งใดแห่งหนึ่งได้ และในกรณีที่จำเป็นให้มีอำนาจใช้อาวุธประจำอากาศยาน บังคับได้"
มาตรา 5 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 7 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติต่อ อากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ. 2519 "มาตรา 7 ทวิ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารอากาศได้ใช้อากาศยานทำการพิสูจน์ฝ่าย และมี ความจำเป็นต้องบังคับให้อากาศยานที่ถูกสกัดกั้นเครื่องใดเครื่องหนึ่งลงยังสนามบินโดยไม่สามารถ ทำการติดต่อสื่อสารทางวิทยุได้ ให้เจ้าหน้าที่ทหารอากาศประจำอากาศยานที่เข้าสกัดกั้นเพื่อทำ การพิสูจน์ฝ่ายใช้ทัศนสัญญาณในโอกาสแรกที่จะกระทำได้ ทัศนสัญญาณและการใช้ทัศนสัญญาณตามความในวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง" ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ส. โหตระกิตย์ รองนายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากเห็นการสมควรให้นำ บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ. 2519 ใช้บัง คับกับการเดินอากาศของอากาศยานในราชการทหาร ราชการตำรวจ และราชการส่วนอื่น และ สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติที่เกี่ยวกับอากาศยานที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราช บัญญัตินี้ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น (ร.จ.เล่ม 96 ตอนที่ 55 หน้า 32 วันที่ 20 เมษายน 2522) |