พระราชบัญญัติ
                             การขนส่งทางบก
                              พ.ศ. 2522
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                    ให้ไว้ ณ วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2522
                        เป็นปีที่ 34 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภา
นิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ยกเลิก
   (1) พระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497
   (2) พระราชบัญญัติการขนส่ง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2510
   (3) พระราชบัญญัติการขนส่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2518
   บรรดาบทกฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือ
แย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

   มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
   (1) "การขนส่ง" หมายความว่า การขนคน สัตว์ หรือสิ่งของโดยทางบกด้วยรถ
   (2)"การขนส่งประจำทาง" หมายความว่า การขนส่งเพื่อสินจ้างตามเส้นทางที่
คณะกรรมการกำหนด
   (3) "การขนส่งไม่ประจำทาง" หมายความว่า การขนส่งเพื่อสินจ้างโดยไม่จำกัดเส้นทาง
   (4) "การขนส่งโดยรถขนาดเล็ก" หมายความว่า การขนส่งคนและสิ่งของรวมกัน เพื่อสินจ้าง
ตามเส้นทางที่คณะกรรมการกำหนดด้วยรถที่มีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกินสามพันห้าร้อย
กิโลกรัม
   (5) "การขนส่งส่วนบุคคล" หมายความว่า การขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจของตนเอง
   (6) "การขนส่งระหว่างจังหวัด" หมายความว่า การขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทาง
หรือการขนส่งส่วนบุคคลซึ่งกระทำระหว่างจังหวัดกับจังหวัด
   (7) "การขนส่งระหว่างประเทศ" หมายความว่า การขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทาง
หรือการขนส่งส่วนบุคคลซึ่งกระทำระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ
   (8) "การรับจัดการขนส่ง" หมายความว่า การรับจ้างรวบรวมคน สัตว์หรือสิ่งของ และจัดให้
บุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งทำการขนส่งจากที่แห่งหนึ่งไปยังที่อีกแห่งหนึ่งใน
ความรับผิดชอบของผู้รับจัดการขนส่ง
   (9) "รถ" หมายความว่า ยานพาหนะทุกชนิดที่ใช้ในการขนส่งทางบกซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์
กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น และหมายความรวมตลอดถึงรถพ่วงของรถนั้นด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่รถไฟ
   (10) "ผู้ตรวจการ" หมายความว่า ข้าราชการสังกัดกรมการขนส่งทางบก ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง
ให้มีหน้าที่ตรวจการขนส่ง
   (11) "พนักงานตรวจสภาพ" หมายความว่า ข้าราชการสังกัดกรมการขนส่งทางบก ซึ่งรัฐมนตรี
แต่งตั้งให้มีหน้าที่ตรวจความมั่นคงแข็งแรง ความสะอาด ความเรียบร้อย และความเหมาะสมของ
สภาพรถที่นำมาใช้ในการขนส่ง
   (12) "นายทะเบียน" หมายความว่า นายทะเบียนกลาง หรือนายทะเบียนประจำจังหวัด
แล้วแต่กรณี
   (13) "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง หรือคณะ
กรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัด แล้วแต่กรณี
   (14) "อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรมการขนส่งทางบก
   (15) "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 5 พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่
   (1) การขนส่งโดยรถยนต์ทหารตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทหาร
   (2) การขนส่งโดยรถยนต์รับจ้างที่บรรทุกผู้โดยสารไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด
ที่บรรทุกผู้โดยสารไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์บริการที่บรรทุกผู้โดยสารไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
ไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์สามล้อ รถจักรยานยนต์และรถแทร็กเตอร์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
   (3) การขนส่งตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 6 ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายเป็นนายทะเบียนกลางมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ
นี้ในส่วนที่เกี่ยวกับการขนส่งระหว่างจังหวัดและการขนส่งระหว่างประเทศ
   ให้นายทะเบียนกลางเป็นนายทะเบียนประจำกรุงเทพมหานครมีอำนาจและหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ
นี้ภายในเขตกรุงเทพมหานคร
   ให้ขนส่งจังหวัดเป็นนายทะเบียนประจำจังหวัด มีอำนาจและหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ภายในเขต
จังหวัดของตน
   ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นายทะเบียนกลางมีอำนาจมอบหมายกิจการอันอยู่ใน
อำนาจหน้าที่ของตนให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดทำแทนได้
   การมอบหมายตามวรรคสี่ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

   มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษา
การตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งผู้ตรวจการและพนักงานตรวจสภาพกับออกกฎกระทรวง
กำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ ยกเว้นค่าธรรมเนียมและกำหนดกิจการอื่น
เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวง
   กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้ว ให้ใช้บังคับได้

   มาตรา 8 ให้มีคณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางบกคณะหนึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงคมนาคมเป็นประธานกรรมการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นรองประธาน
กรรมการ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการ
กฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนัก
งบประมาณ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนมหาดไทย อธิบดีกรมทางหลวงเป็นกรรมการ
และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอีกไม่เกินห้าคนซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีสัญชาติไทย และมีความรู้หรือ
ความจัดเจนในการขนส่ง การเศรษฐกิจหรือกฎหมาย
   ให้อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ
   ให้คณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางบกแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการได้ตามความจำเป็น

   มาตรา 9 ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
   ในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง
ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งเพิ่มขึ้นหรือแต่งตั้งซ่อมให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระ
ที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วนั้น
   กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการอีกได้

   มาตรา 10 ผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ห้ามมิให้เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
   (1) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
   (2) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุกเว้นแต่เป็นโทษ
สำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
   (3) เป็นบุคคลล้มละลาย
   (4) เป็นกรรมการพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง

   มาตรา 11 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 9 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
   (1) ตาย
   (2) ลาออก
   (3) รัฐมนตรีให้ออก
   (4) มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 10

   มาตรา 12 ในการประชุมของคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติ
หน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานและรองประธานไม่มาประชุม
หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุมแทน

   มาตรา 13 การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งจำนวนของกรรมการ
ทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
   การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

   มาตรา 14 คณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางบกมีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
   (1) กำหนดนโยบายการขนส่งทางบกระยะสั้นและระยะยาวเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
   (2) กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาและดำเนินการสถานีขนส่งเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
   (3) กำหนดมาตรการและแผนพัฒนาการขนส่งทางบกเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
   (4) กำหนดมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยและความสะดวกในการขนส่งทางบก เพื่อให้คณะ
กรรมการปฏิบัติ
   (5) กำหนดการห้ามรับจดทะเบียนรถเป็นครั้งคราวตามความจำเป็น โดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี
เพื่อให้คณะกรรมการปฏิบัติ
   (6) ประสานงานที่เกี่ยวข้องระหว่างกันในด้านการขนส่งทางบกตลอดจนประสานงานด้านการ
ขนส่งทางบกกับการขนส่งทางน้ำและการขนส่งทางอากาศ
   (7) ให้คำปรึกษาต่อรัฐมนตรีเกี่ยวกับการขนส่งทางบก

   มาตรา 15 คณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางบกมีอำนาจแต่งตั้งอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือ
ปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้
   ให้นำมาตรา 12 และมาตรา 13 มาใช้บังคับแก่การประชุมคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

   มาตรา 16 ให้มีคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางคณะหนึ่งประกอบด้วยปลัดกระทรวง
คมนาคมเป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทยหรือผู้แทน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
หรือผู้แทน เลขาธิการเร่งรัดพัฒนาชนบทหรือผู้ แทน อธิบดีกรมตำรวจหรือผู้แทน อธิบดีกรมทางหลวง
หรือผู้แทน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้แทนเป็นกรรมการ และผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกิน
สามคนเป็นกรรมการ ทั้งนี้ โดยให้มีผู้มีความรู้และมีความจัดเจนในการขนส่งรวมอยู่ด้วย
   ให้อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ
   ให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการได้
ตามความจำเป็น

   มาตรา 17 ให้มีคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัดทุกจังหวัด ยกเว้น
กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ อัยการจังหวัด ผู้กำกับการ
ตำรวจภูธรจังหวัดเป็นกรรมการ และผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกินห้าคน โดยมีนายกเทศมนตรีใน
จังหวัดนั้นรวมอยู่ด้วยหนึ่งคนเป็นกรรมการ
   ให้ขนส่งจังหวัดเป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ
   ให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัดแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการ
ได้ตามความจำเป็น

   มาตรา 18 ให้นำมาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 และมาตรา 13 มาใช้บังคับ
แก่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง และคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำ
จังหวัดโดยอนุโลม

   มาตรา 19 ให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางมีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
   (1) กำหนดลักษณะของการขนส่งประจำทางและการขนส่งไม่ประจำทาง
   (2) กำหนดเส้นทาง จำนวนผู้ประกอบการขนส่ง และจำนวนรถสำหรับการขนส่งประจำทาง
ในเขตกรุงเทพมหานคร ระหว่างจังหวัดและระหว่างประเทศ
   (3) กำหนดจำนวนผู้ประกอบการขนส่งและจำนวนรถสำหรับการขนส่งไม่ประจำทางในเขต
กรุงเทพมหานคร ระหว่างจังหวัดและระหว่างประเทศ
   (4) กำหนดเส้นทาง จำนวนผู้ประกอบการขนส่ง และจำนวนรถสำหรับการขนส่ง โดยรถขนาดเล็ก
   (5) กำหนดจำนวนผู้ประกอบการรับจัดการขนส่ง
   (6) กำหนดอัตราค่าขนส่งและค่าบริการอย่างอื่นในการขนส่ง
   (7) กำหนดอัตราค่าบริการในการดำเนินการของสถานีขนส่ง
   (8) กำหนดสถานที่ จัดให้มีหรือจัดตั้ง และระเบียบเกี่ยวกับสถานีขนส่ง
   (9) กำหนดชนิดหรือสภาพรถที่มิให้รับจดทะเบียน
  (10) กำหนประเภทหรือชนิดของรถที่ต้องเข้าหยุดหรือจอดเพื่อการรับส่งผู้โดยสารหรือขนถ่ายสินค้า
       ณ สถานขนส่ง
  (11) กำหนดที่หยุดหรือจอดรถเพื่อรับส่งผู้โดยสาร
  (12) วางมาตรการในการกำหนด อนุญาต เพิกถอนการอนุญาตและการควบคุมกิจการขนส่งทางบก
  (13)ปฏิบัติการอื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ และตามมติคณะกรรมการนโยบาย
       การขนส่งทางบก
   การกำหนดตาม (2) (3) (4) (8) (9) และ (10) ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

   มาตรา 20 ให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัดมีอำนาจและหน้าที่ภายในเขต
จังหวัด ดังต่อไปนี้
   (1) กำหนดเส้นทาง จำนวนผู้ประกอบการขนส่งและจำนวนรถสำหรับการขนส่งประจำทาง
   (2) กำหนดจำนวนผู้ประกอบการขนส่งและจำนวนรถสำหรับการขนส่งไม่ประจำทาง
   (3) กำหนดเส้นทาง จำนวนผู้ประกอบการขนส่งและจำนวนรถสำหรับการขนส่งโดยรถขนาดเล็ก
   (4) กำหนดอัตราค่าขนส่งและค่าบริการอย่างอื่นในการขนส่ง
   (5) ปฏิบัติการอื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ และตามมติคณะกรรมการนโยบายการขนส่ง
       ทางบกและคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง
   การกำหนดตาม (1) และ (4) เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง
แล้วจึงจะใช้บังคับได้ และการกำหนดตาม (1) (2) และ (3) ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

   มาตรา 21 คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางมีอำนาจแต่งตั้งอนุกรรมการเพื่อพิจารณา
หรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้
   ให้นำมาตรา 12 และมาตรา 13 มาใช้บังคับแก่การประชุมคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

   มาตรา 22 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการการขนส่งทางบก เพื่อประโยชน์
ในการนี้จะสั่งให้คณะกรรมการชี้แจงข้อเท็จจริงแสดงความคิดเห็นหรือทำรายงานหรือยับยั้งการกระ
ทำใด ๆ ซึ่งขัดต่อนโยบายของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรี ตลอดจนมีอำนาจสั่งสอบสวนข้อเท็จจริง
ที่เกี่ยวกับการดำเนินงานได้

   มาตรา 23 ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบการขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทาง การขนส่งโดย
รถขนาดเล็ก หรือการขนส่งส่วนบุคคลเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน
   การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 24 ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทางและการขนส่ง
โดยรถขนาดเล็ก ต้องมีสัญชาติไทย
   ในกรณีที่ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ห้างหุ้นส่วนหรือ
บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด นั้นต้องจดทะเบียนตามกฎหมายไทยและมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ใน
ราชอาณาจักรไทย และ
   (1) ในกรณีที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดต้องมีสัญชาติไทย
   (2) ในกรณีที่เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดชอบทั้งหมดต้องมี
สัญชาติไทย และทุนของห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบเอ็ดต้องเป็นของผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่ง
เป็นบุคคลธรรมดาและมีสัญชาติไทย
   (3) ในกรณีที่เป็นบริษัทจำกัด กรรมการบริษัทจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งต้องมีสัญชาติไทย และ
ทุนของบริษัทจำกัดนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบเอ็ดต้องเป็นผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบุคคลและมีสัญชาติไทยหรือ
ต้องเป็นของห้างหุ้นสามัญจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัด หรือต้องเป็นของกระทรวง
ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล สุขาภิบาล เมืองพัทยา รัฐวิสาหกิจ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หรือองค์การของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การ
ของรัฐบาลหรือตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ๆ และบริษัทจำกัดนั้นต้องไม่มีข้อบังคับอนุญาตให้มี
การออกหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือ
   (4) ในกรณีที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด กรรมการบริษัทจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งต้องมีสัญชาติไทย
และทุนของบริษัทมหาชนจำกัดนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดต้องเป็น
ของผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและมีสัญชาติไทย
   ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วน
จำกัด บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะต้องมีลักษณะตาม (1) (2) (3)
หรือ (4) แล้วแต่กรณี
   ให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางมีอำนาจยกเว้นคุณสมบัติตามความจำเป็น หรือ
มีเหตุพิเศษเป็นการเฉพาะรายได้

   มาตรา 25 ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบการขนส่งระหว่างประเทศเว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจาก
นายทะเบียนกลางโดยอนุมัติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางและผู้ได้รับใบอนุญาต
ดังกล่าวต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติทั้งหลายแห่งพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่ออนุสัญญาหรือข้อตกลง
ระหว่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับการขนส่ง
   การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
   ให้นำมาตรา 28 มาตรา 31 มาตรา 32 มาตรา 34 และมาตรา 36 มาใช้บังคับแก่การ
ประกอบการขนส่งระหว่างประเทศโดยอนุโลม

   มาตรา 26 ห้ามมิให้ผู้ใดนำรถที่จดทะเบียนในต่างประเทศมาใช้ประกอบการขนส่งในประเทศไทย
เว้นแต่เพื่อการขนส่งระหว่างประเทศและได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนกลางแล้ว
   ผู้ประจำรถตามมาตรา92 ซึ่งประจำในรถตามวรรคหนึ่งต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติทั้งหลาย
แห่งพระราชบัญญัตินี้ และหรือตามข้อตกลงที่มีอยู่ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลของประเทศนั้น ๆ

   มาตรา 27 ใบอนุญาตประกอบการขนส่งมีสี่ประเภท คือ
            (1) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง
            (2) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง
            (3) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งโดยรถขนาดเล็ก
            (4) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคล
   ใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางหรือใบอนุญาต
ประกอบการขนส่งโดยรถขนาดเล็กให้ใช้เป็นใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลได้
   ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งใช้รถผิดประเภทที่ระบุไว้ข้างต้น เว้นแต่จะได้
รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายทะเบียนเป็นครั้งคราว ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ
ควบคุมการขนส่งทางบกกลางกำหนด

   มาตรา 28 ใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางให้มีอายุเจ็ดปี นับแต่วันออกใบอนุญาต
   ใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง ใบอนุญาตประกอบการขนส่งโดยรถขนาดเล็ก และ
ใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลให้มีอายุห้าปีนับแต่วันออกใบอนุญาต
   ผู้ได้รับใบอนุญาตซึ่งประสงค์จะขอต่อ อายุใบอนุญาตจะต้องยื่นคำขอเสียก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ
แต่การขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางและใบอนุญาตประกอบการขนส่ง
โดยถขนาดเล็ก จะต้องยื่นคำขอก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวัน
   การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 29 บทบัญญัติมาตรา 23 มิให้ใช้บังคับแก่การขนส่งส่วนบุคคลซึ่งกระทรวง ทบวง กรม
กรุงเทพมหานคร องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล สุขาภิบาล เมืองพัทยา วัด มูลนิธิที่ได้รับ
อำนาจแล้ว สภากาชาดไทย สถานพยาบาล รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ เป็น
ผู้ประกอบการขนส่งและการขนส่งส่วนบุคคลโดยรถที่มีน้ำหนักรถไม่เกินหนึ่งพันสองร้อยกิโลกรัม แต่
ผู้ประกอบการขนส่งต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติอื่นแห่งพระราชบัญญัตินี้เสมือนดังเป็นผู้ได้รับใบอนุญาต
ประกอบการขนส่งส่วนบุคคลทุกประการ

   มาตรา 30 ให้นายทะเบียนกลางเป็นผู้ออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งในกรุงเทพมหานคร
การขนส่งระหว่างจังหวัด และการขนส่งระหว่างประเทศ และให้นายทะเบียนประจำจังหวัดเป็นผู้
ออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งในจังหวัดของตน
   ในการออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ

   มาตรา 31 ในการออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางให้นายทะเบียนโดนอนุมัติของ
คณะกรรมการกำหนดเงื่อนไขไว้ในใบอนุญาตเกี่ยวกับ
   (1) จำนวนรถที่ต้องใช้ในการประกอบการขนส่งตามเส้นทางที่ใช้ในการประกอบการขนส่ง
   (2) สิทธิในรถที่ใช้ประกอบการขนส่งของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง
   (3) ลักษณะ ชนิด ขนาดและสีของรถและเครื่องหมายของผู้ประกอบการขนส่งที่ต้องให้ปรากฏ
ประจำรถทุกคัน
   (4) จำนวนที่นั่ง เกณฑ์น้ำหนักบรรทุกและวิธีการบรรทุก
   (5) จำนวนผู้ประจำรถ
   (6) เส้นทางที่ใช้ในการประกอบการขนส่ง
   (7) อัตราค่าขนส่งและค่าบริการอย่างอื่นในการขนส่ง
   (8) สถานที่หยุดและจอดเพื่อขนถ่ายคน สัตว์ หรือสิ่งของ
   (9) ที่ที่รถจะต้องหยุดในระหว่างเส้นทาง
  (10) มาตรฐานบริการในการประกอบการขนส่ง
  (11) เวลาและจำนวนเที่ยวของการเดินรถ
  (12) เวลาทำงานประจำวันในการประกอบการขนส่ง
  (13) สถานที่เก็บ ซ่อม และบำรุงรักษารถ
  (14) การประกอบกิจการอื่นนอกจากการประกอบการขนส่งประจำทาง
  (15) เงื่อนไขอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง
   ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางต้องจัดให้มีประกาศเงื่อนไขตาม (6) (7) (8)
(9) และ (11) ณ ที่ซึ่งอธิบดีกำหนด

   มาตรา32ในการออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางให้นายทะเบียนโดยอนุมัติ
ของคณะกรรมการกำหนดเงื่อนไขไว้ในใบอนุญาตเกี่ยวกับ
   (1) จำนวนรถที่ต้องใช้ในการประกอบการขนส่ง
   (2) ลักษณะ ชนิดและขนาดของรถและเครื่องหมายของผู้ประกอบการขนส่งที่ต้องให้ปรากฏ
ประจำรถทุกคัน
   (3) จำนวนที่นั่ง เกณฑ์น้ำหนักบรรทุกและวิธีการบรรทุก
   (4) จำนวนผู้ประจำรถ
   (5) ท้องที่ที่ทำการขนส่ง
   (6) มาตรฐานบริการในการประกอบการขนส่ง
   (7) อัตราค่าขนส่งและค่าบริการอย่างอื่นในการขนส่ง
   (8) สถานที่หยุดและจอดเพื่อขนถ่ายคน สัตว์ หรือสิ่งของ
   (9) สถานที่เก็บ ซ่อม และบำรุงรักษารถ
  (10) เงื่อนไขอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง
   ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางต้องจัดให้มีการประกาศเงื่อนไขตาม (7)
และ (8) ณ ที่ซึ่งอธิบดีกำหนด

   มาตรา 33 ในการออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งโดยรถขนาดเล็ก ให้นายทะเบียนโดยอนุมัติ
ของคณะกรรมการกำหนดเงื่อนไขไว้ในใบอนุญาตเกี่ยวกับ
   (1) จำนวนรถที่ต้องใช้ในการประกอบการขนส่งตามเส้นทางที่ใช้ในการประกอบการขนส่ง
   (2) ลักษณะ ชนิด ขนาดและสีของรถและเครื่องหมายของผู้ประกอบการขนส่งที่ต้องใช้ปรากฏ
ประจำรถทุกคัน
   (3) จำนวนที่นั่ง เกณฑ์น้ำหนักบรรทุก และวิธีการบรรทุก
   (4) เวลาและจำนวนเที่ยวของการเดินรถ
   (5) เส้นทางที่ใช้ในการประกอบการขนส่ง
   (6) อัตราค่าขนส่งและค่าบริการอย่างอื่นในการขนส่ง
   (7) เงื่อนไขอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง
   ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งโดยรถขนาดเล็กต้องจัดให้มีประกาศเงื่อนไขตาม (5)
และ (6) ณ ที่ซึ่งอธิบดีกำหนด

   มาตรา 34 ในการออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคล ให้นายทะเบียนโดยอนุมัติของ
คณะกรรมการกำหนดเงื่อนไขไว้ในใบอนุญาตเกี่ยวกับ
   (1) จำนวนรถที่ต้องใช้ในการประกอบการขนส่งตามท้องที่ที่ทำการขนส่ง
   (2) ลักษณะ ชนิดและขนาดของรถและเครื่องหมายของผู้ประกอบการขนส่งที่ต้องใช้ปรากฏ
ประจำรถทุกคัน
   (3) ท้องที่ที่ทำการขนส่ง
   (4) สถานที่เก็บ ซ่อม และบำรุงรักษารถ
   ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลต้องจัดให้มีประกาศเงื่อนไขตาม (3) ณ ที่ซึ่ง
อธิบดีกำหนด

   มาตรา 35 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งตามประเภทที่กำหนดในกฎกระทรวง ต้องจัดให้
มีสมุดประจำรถ ประวัติผู้ประจำทางและหรือใบกำกับสินค้าที่ทำการขนส่งและต้องทำรายงานเกี่ยวกับ
การขนส่งและอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 36 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัย
ของผู้โดยสารตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 37 ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางจัดให้มีพักผู้โดยสารตามระยะทาง
โดยมีลักษณะ ขนาด จำนวน และจุดที่ตั้งของที่พักผู้โดยสารตามที่คณะกรรมการกำหนด

   มาตรา 38 ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง เพิ่มลด หรือยกเว้นค่าขนส่งหรือ
ค่าบริการอย่างอื่นในการขนส่ง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ

   มาตรา 39 ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ผู้ได้รับใบอนุญาต
ประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งโดยรถขนาดเล็ก หรือผู้ได้
รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลใช้หรือยอมให้บุคคลอื่นใช้รถที่ได้รับอนุญาตทำ
การขนส่งนอกเส้นทาง หรือนอกท้องที่ที่ได้รับอนุญาตแล้วแต่กรณี เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ
จากนายทะเบียน หรือผู้ซึ่งนายทะเบียนมอบหมาย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการควบคุม
การขนส่งทางบกกลางกำหนด

   มาตรา 40 ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางกระทำการขนส่งอันมีลักษณะ
เช่นเดียวหรือคล้ายกับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางหรือมีลักษณะเป็นการแย่ง
ผลประโยชน์กับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางในเส้นทางที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบ
การขนส่งประจำทางได้รับอนุญาต

   มาตรา 41 ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน หรือมีความจำเป็นที่จะแก้ไขสถานการณ์เพื่อให้การขนส่ง
ได้รับความสะดวกหรือให้มีรถเพียงพอแก่การขนส่ง นายทะเบียนมีอำนาจที่จะสั่งเปลี่ยนแปลงเส้นทาง
การเดินรถ เวลา และจำนวนเที่ยวของการเดินรถหรือให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ผู้ใด
ส่งรถที่ตนได้รับอนุญาตไปช่วยเหลือเป็นการชั่วคราวตามควรแก่กรณีแล้วให้รายงานคณะกรรมการ
โดยเร็ว

   มาตรา 42 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งต้อแสดงใบอนุญาตประกอบการขนส่ง หรือใบแทน
ใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย ณ ที่ตั้งสำนักงานของผู้ได้รับใบอนุญาต

   มาตรา 43 ในกรณีที่ใบอนุญาตประกอบการขนส่งสูญหาย ถูกทำลายหรือชำรุดในสาระสำคัญ
ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวัน
นับแต่วันที่ได้ทราบถึงการสูญหาย ถูกทำลายหรือชำรุดดังกล่าว

   มาตรา 44 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ซึ่งประสงค์จะเลิกประกอบการขนส่ง
ต้องแจ้งความประสงค์ดังกล่าวเป็นหนังสือให้นายทะเบียนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันก่อน
วันเลิกประกอบการขนส่ง

   มาตรา 45 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งโดยรถขนาดเล็ก ซึ่งประสงค์จะเลิกประกอบ
การขนส่งต้องแจ้งความประสงค์ดังกล่าวเป็นหนังสือให้นายทะเบียนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน
ก่อนวันเลิกประกอบการขนส่ง

   มาตรา 46 เมื่อปรากฏว่าผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง
   (1) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 24
   (2) ไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขในมาตรา 31 มาตรา 32 มาตรา 33 หรือ
มาตรา 34 หรือไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยของผู้โดยสารตาม
มาตรา 36 หรือไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติในหมวด 4 ว่าด้วยการชดใช้ค่าเสียหาย
ที่เกิดจากการขนส่ง
   ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งนั้นปฏิบัติให้ถูกต้อง หรือจัดการ
แก้ไขให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ปฏิบัติหรือไม่
แก้ไขให้ถูกต้องหรือเป็นที่เห็นได้ว่าผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่สามารถจะดำเนินการ
ตามเงื่อนไขหรือข้อกำหนดนั้น หรือการดำเนินการนั้นน่าจะเป็นเหตุให้เกิดภยันตรายหรือเสื่อม
ประโยชน์ต่อประชาชน ให้นายทะเบียนโดยอนุมัติของคณะกรรมการสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการ
ขนส่งได้ แต่ถ้าเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางให้เป็นอำนาจของคณะ
กรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางที่จะพิจารณาอนุมัติ

   มาตรา 47 ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งซึ่งถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตต้องส่งคืนใบอนุญาต
ต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต

   มาตรา 48 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งซึ่งถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรี
ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง
   คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
   การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต

   มาตรา 49 ให้อธิบดีหรือนายทะเบียนมีอำนาจควบคุมดูแลบรรดากิจการที่เกี่ยวกับการขนส่ง
ให้เป็นไปตามความในพระราชบัญญัตินี้ และเพื่อประโยชน์ดังกล่าวให้อธิบดีหรือนายทะเบียนมีอำนาจ
   (1) เข้าไปในสถานที่ดำเนินการของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งในระหว่างเวลาทำงาน
ตามปกติ เพื่อทราบข้อเท็จจริงและเพื่อตรวจสอบบัญชีและเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบ
การขนส่ง
   (2) เรียกผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ผู้จัดการและพนักงานของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบ
การขนส่งซึ่งเป็นนิติบุคคลมาให้ถ้อยคำหรือสั่งให้ยื่นคำชี้แจงแสดงข้อเท็จจริงตามที่ต้องการ
   ในการปฏิบัติตาม (1) ให้อธิบดีมีอำนาจมอบหมายให้ผู้ตรวจการหรือพนักงานตรวจสภาพ
ทำการแทนได้
   ในการปฏิบัติการของอธิบดี นายทะเบียน ผู้ตรวจการหรือพนักงานตรวจสภาพตามมาตรานี้ ให้
บุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในสถานที่นั้นอำนวยความสะดวกหรือช่วยเหลือตามสมควร

   มาตรา 50 ให้ผู้ตรวจการมีอำนาจเรียกรถให้หยุดเพื่อทำการตรวจสอบ และเมื่อเชื่อว่ามีการ
กระทำอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้เกิดขึ้น ให้ผู้ตรวจการมีอำนาจจับกุมผู้ฝ่าฝืนเพื่อ
ส่งให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจดำเนินคดีต่อไป
   บทบัญญัติในวรรคหนึ่งไม่ลบล้างอำนาจจับกุมของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ

   มาตรา 51 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 49 และมาตรา 50 ให้ผู้ตรวจการและพนักงาน
ตรวจสภาพแสดงบัตรประจำตัวต่อผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง
   บัตรประจำตัวผู้ตรวจการและพนักงานตรวจสภาพให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนด

   มาตรา 52 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง
ไม่ประจำทาง และผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งโดยรถขนาดเล็ก ต้องวางหลักทรัพย์เป็นเงินสด
หรือพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกันต่อนายทะเบียนกลางเพื่อประกัน
ความเสียหายอันเกิดแก่ชีวิตหรือร่างกายของบุคคลภายนอก และซึ่งผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการ
ขนส่งจะต้องรับผิดชอบเนื่องจากการขนส่งของตน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ
กระทรวง
   จำนวนหรือมูลค่าของหลักทรัพย์ตามวรรคหนึ่ง ให้กำหนดตามขนาดและประเภทของการประกอบ
การขนส่งแต่ต้องไม่น้อยกว่าที่กำหนด
   ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งวางหลักทรัพย์เป็นเงินสดไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
ให้ดอกผลที่เกิดจากหลักทรัพย์ที่เป็นเงินสดนั้นตกเป็นของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งที่วาง
หลักทรัพย์
   ให้กรมการขนส่งทางบกเป็นผู้รับผิดชอบในการเปิดบัญชีเงินฝากและการเบิกจ่ายเงินจากบัญชี
หลักทรัพย์กับธนาคารตามระเบียบของกระทรวงการคลัง

   มาตรา 53 ในกรณีที่หลักทรัพย์ที่นำมาวางประกันตามมาตรา 52 มีจำนวนหรือมูลค่าลดน้อยลง
นายทะเบียนกลางมีอำนาจสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งนำหลักทรัพย์มาเพิ่มเติม
ให้ครบจำนวนหรือมูลค่าตามที่กำหนดได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง

   มาตรา 54 ในการวางหลักทรัพย์ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลไทยให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการ
ขนส่งทำหนังสือมอบอำนาจให้นายทะเบียนกลางมีอำนาจจัดการจำหน่ายพันธบัตรนั้น เพื่อชดใช้
ค่าเสียหายแทนผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งด้วย

   มาตรา 55 หลักทรัพย์ที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งนำมาวางประกันตามมาตรา 52
ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี เว้นแต่จะเป็นการบังคับคดีเพื่อการชำระหนี้ ซึ่งผู้ได้รับใบ
อนุญาตประกอบการขนส่งต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดแก่ชีวิตหรือร่างกายของบุคคลภายนอก
อันเนื่องจากการขนส่งของตน

   มาตรา 56 เมื่อรถของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย
หรือชีวิตของบุคคลใดนอกจากความรับผิดตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 59 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบ
การขนส่งซึ่งเป็นเจ้าของรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายจะต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นให้แก่ผู้เสียหาย
หรือทายาท ในกรณีที่ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย
   ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นซึ่งจะต้องจ่ายให้แก่ผู้เสียหาย  ให้จ่ายตามความร้ายแรงของความเสียหาย
ทั้งนี้ ตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
   เพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้  ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นหมายถึง ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการรักษา
พยาบาล  รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ระหว่างการรักษาพยาบาลและหรือค่าปลงศพ

   มาตรา 57 เมื่อผู้เสียหายหรือทายาทในกรณีที่ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย  ประสงค์จะได้รับ
ชดใช้จ่ายเบื้องต้นให้ยื่นคำขอตามแบบที่กรมตำรวจกำหนดต่อพนักงานสอบสวนโดยแสดงพยาน
หลักฐานว่าผู้เสียหายได้รับความเสียหายจากรถของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งให้
พนักงานสอบสวนพิจารณาจากสำนวนการสอบสวน และเมื่อเห็นว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นจาก
รถของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งคันใด  ให้มีหนังสือสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการ
ขนส่งซึ่งเป็นเจ้าของรถคันนั้นชดใช้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นตามจำนวนที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งออกตาม
มาตรา 56 วรรคสอง  ในการนี้ให้แจ้งให้นายทะเบียนกลางทราบโดยเร็วด้วย
   ในการสั่งของพนักงานสอบสวนตามวรรคหนึ่ง พนักงานสอบสวนต้องพิจารณาสั่งภายในเจ็ดวันนับ
แต่วันที่ได้รับคำขอ
   ในการชดใช้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นตามวรรคหนึ่งผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง  ต้องชำระ
ภายในเจ็ดวันที่ได้รับคำสั่งจากพนักงานสอบสวน

   มาตรา 58 ผู้เสียหายหรือทายาทของผู้เสียหายต้องใช้สิทธิในการขอรับชดใช้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น
ตามมาตรา 57 ภายในกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันที่ความเสียหายเกิดขึ้น

   มาตรา 59 การชดใช้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นตามหมวดนี้ไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายในอันที่จะเรียกร้อง
ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

   มาตรา 60 บุคคลซึ่งมีสิทธิได้รับชดใช้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นตามหมวดนี้ ได้แก่ผู้เสียหายดังต่อไปนี้
   (1) ผู้เสียหายซึ่งมิได้อยู่ในรถคันที่ก่อให้เกิดความเสียหาย  แต่ได้รับความเสียหายจากรถที่ก่อ
ให้เกิดความเสียหายขึ้น
   (2) ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในรถคันที่ก่อให้เกิดความเสียหาย  แต่ไม่รวมถึงผู้ขับรถ คนงานหรือ
ลูกจ้างประจำรถซึ่งอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่
   (3) ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในรถคันที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย

   มาตรา 61 ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของพนักงาน
สอบสวนตามมาตรา 57ให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง
ภายในสิบห้าวันนับแต่วันได้รับคำสั่งของพนักงานสอบสวนตามมาตรา 57  และให้พนักงานสอบสวน
บันทึกความเห็นของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ซึ่งไม่เห็นด้วยไว้ในสำนวนการสอบสวน
   คำวินิจฉัยของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งกลางให้เป็นที่สุด

   มาตรา 62 ในกรณีผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งอุทธรณ์คำสั่งของพนักงานสอบสวน  ถ้า
คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางมีความเห็นตามความเห็นของพนักงานสอบสวน  ผู้ได้รับ
ใบอนุญาตประกอบการขนส่งต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นให้แก่ผู้เสียหายหรือทายาทของผู้เสียหาย
เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่พนักงานสอบสวนกำหนดไว้อีกร้อยละสิบ

   มาตรา 63 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้ใดไม่ยอมชดใช้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นตามคำสั่ง
ของพนักงานสอบสวนตามมาตรา 57 หรือตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการควบคุมการขนส่ง
ทางบกกลางตามมาตรา 61 ในกรณีที่เป็นผู้ ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งตามมาตรา 52 ให้
นายทะเบียนกลางมีอำนาจนำหลักทรัพย์ของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งนั้นซึ่งได้นำมาวาง
ไว้เป็นประกันชดใช้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นแทนได้

   มาตรา 64 ในกรณีที่ผู้เสียหายไม่ได้รับชดใช้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นหรือได้รับชดใช้ไม่ครบตาม
จำนวน ที่พนักงาน สอบสวนหรือคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางสั่ง ไม่ว่าเพราะสาเหตุ
หลักทรัพย์ที่วางประกันไว้ไม่พอจ่ายค่าใช้จ่ายเบื้องต้นหรือเพราะเหตุอื่นใด  เมื่อผู้เสียหายได้
ร้องเรียนต่อนายทะเบียนกลาง ให้นายทะเบียนกลางสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งชำระ
ให้เสร็จภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง  ถ้าผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
ของนายทะเบียนกลางดังกล่าว ให้นายทะเบียนกลางเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการขนส่ง  และ
ให้นำมาตรา 47 และมาตรา 48 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 65 ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบการรับการขนส่ง เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนกลาง
   การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 66 ในการออกใบอนุญาตประกอบการรับจัดการขนส่งให้นายทะเบียนกลาง โดยอนุมัติ
ของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางกำหนดเงื่อนไขไว้ในใบอนุญาตเกี่ยวกับ
   (1) ท้องที่ที่ประกอบการรับจัดการขนส่ง
   (2) สถานที่ตั้งสำนักงานของผู้ประกอบการรับจัดการขนส่ง
   (3) สถานที่พักคน สัตว์ หรือเก็บสิ่งของ
   (4) วิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับสวัสดิภาพ  ความสะดวกและความปลอดภัยในการรับจัดการขนส่ง
   (5) อัตราค่าบริการรับจัดการขนส่ง
   (6) เงื่อนไขอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
   ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการรับจัดการขนส่งต้องจัดให้มีการประกาศเงื่อนไขตาม (1)(2)(3)
(4) และ(5) ณ ที่ซึ่งอธิบดีกำหนด

   มาตรา 67 ผู้ได้รับอนุญาตตามมาตรา 65 ต้องวางหลักทรัพย์ต่อนายทะเบียน  เพื่อเป็นประกัน
การปฏิบัติตามสัญญารับจัดการขนส่ง  ทั้งนี้ ตามจำนวนหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 68 ในกรณีที่หลักทรัพย์ที่นำมาวางประกันตามมาตรา 67 มีจำนวนหรือมูลค่าลดน้อยลง
นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตนำหลักทรัพย์มาเพิ่มเติมให้ครบจำนวนหรือมูลค่าตามที่
กำหนดภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง

   มาตรา 69 ใบอนุญาตประกอบการรับจัดการขนส่งให้มีอายุสองปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต
   การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 70 ให้นำมาตรา 24 มาตรา 38 มาตรา 42 มาตรา 43 มาตรา 46 มาตรา 47
มาตรา 48 และมาตรา 49 มาใช้บังคับแก่การประกอบการรับจัดการขนส่งโดยอนุโลม

   มาตรา 71 รถที่ใช้ในการขนส่งต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรง มีเครื่องอุปกรณ์ส่วนครบถูกต้อง
ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกับได้จดทะเบียนตามมาตรา 73 และเสียภาษีตามมาตรา 85 แล้ว
   รถที่ใช้ในการขนส่งที่เสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว  ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีรถยนต์
ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

   มาตรา 72 รถที่จะนำมาจดทะเบียนและเสียภาษีจะต้องได้ผ่านการตรวจสภาพรถจากพนักงาน
ตรวจสภาพ  หรือจากสถานตรวจสภาพรถที่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 74 เว้นแต่รถประเภทหรือชนิด
ใดที่สมควรได้รับการยกเว้นการตรวจสภาพเป็นครั้งคราวให้กำหนดในกฎกระทรวง
   ในกรณีที่ปรากฏว่ารถที่นำมารับการตรวจสภาพนั้นมีสภาพมั่นคงแข็งแรงมีเครื่องอุปกรณ์และ
ส่วนครบถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว  ให้พนักงานตรวจสภาพหรือสถานตรวจสภาพรถที่
ได้รับอนุญาตออกใบรับรองให้
   ใบรับรองการตรวจสอบสภาพรถให้ทำตามแบบที่อธิบดีกำหนด

   มาตรา 73 เมื่อนายทะเบียนเห็นว่าพนักงานตรวจสภาพหรือสถานตรวจสภาพรถ ที่ได้รับอนุญาต
ได้ตรวจรถถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 71 และมาตรา 72 แล้ว  ให้รับจดทะเบียนและออก
หนังสือแสดงการจดทะเบียนพร้อมกับแผ่นป้ายเลขทะเบียนสำหรับรถคันนั้นให้

   มาตรา 74 ผู้ใดประสงค์จะจัดตั้งสถานตรวจสภาพรถเพื่อรับรองสภาพรถตามพระบัญญัตินี้
ต้องได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนกลาง
   การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 75 ใบอนุญาตจัดตั้งสถานตรวจสภาพรถให้มีอายุสามปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต
   การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 76 ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งสถานตรวจสภาพรถผู้ใดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดใน
กฎกระทรวงตามมาตรา 74  ให้นายทะเบียนกลางมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งสถานตรวจ
สภาพรถนั้นได้
   ให้นำมาตรา 47 มาตรา 48 และมาตรา 49  มาใช้บังคับแก่การจัดตั้งสถานตรวจสภาพรถที่
ได้รับอนุญาตโดยอนุโลม

   มาตรา 77 หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถให้ใช้ได้สี่งวด นับแต่งวดที่ออกหนังสือนี้
   ให้เดือนมกราคม เดือนเมษายน เดือนกรกฎาคม และเดือนตุลาคม  เป็นเดือนแรกของแต่ละงวด
   การขอต่ออายุทะเบียน ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนภายในเวลาที่นายทะเบียนจะได้ประกาศกำหนด
   ให้นำมาตรา 71 มาตรา 72 และมาตรา 73 มาใช้บังคับแก่การขอต่ออายุทะเบียนโดยอนุโลม

   มาตรา78 ห้ามมิให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงสภาพเครื่องอุปกรณ์หรือส่วนควบของ
รถให้ผิดแผกแตกต่างในสาระสำคัญตามที่กำหนดในกฎกระทรวง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ
จากนายทะเบียน

   มาตรา79 ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งที่ประสงค์จะเลิกใช้รถที่จดทะเบียนแล้ว
แจ้งเป็นหนังสือให้นายทะเบียนทราบและนำแผ่นป้ายเลขทะเบียนรถคืนแก่นายทะเบียนรถภายในสิบ
ห้าวันนับแต่วันที่เลิกใช้รถนั้น

   มาตรา 80 ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งซึ่งมีความจำเป็นจะต้องระงับใช้รถนั้น
ชั่วคราวเป็นเวลาสิบห้าวันแจ้งเป็นหนังสือให้นายทะเบียนทราบก่อนวันที่จะระงับใช้รถนั้น

   มาตรา 81 รถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนตามความในพระราชบัญญัตินี้ หรือรถที่เลิกใช้ตามมาตรา
79  ถ้าจะนำมาใช้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม ต้องมีใบอนุญาตและเครื่องหมายโดยเฉพาะตามที่กำหนด
ในกฎกระทรวง
   ใบอนุญาตและเครื่องหมายดังกล่าวใช้ได้เฉพาะรถที่อยู่ในความครอบครองของผู้ได้รับใบอนุญาต
โดยสับเปลี่ยนกันได้ ไม่เฉพาะคัน

   มาตรา 82 การโอนรถตามซึ่งได้จดทะเบียนตามมาตรา 73 แล้วผู้โอนและผู้รับโอนจะต้อง
แจ้งต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่วันโอนและให้นายทะเบียนจดแจ้งการโอนไว้ในหนังสือ
แสดงการจดทะเบียนรถนั้น

   มาตรา 83 เมื่อผู้ตรวจการตรวจพบว่ารถคันใดมีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง หรือมีเครื่องอุปกรณ์
หรือส่วนควบไม่ครบถ้วน หรือไม่ถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง  ให้ผู้ตรวจการรายงานให้
นายทะเบียนทราบ แต่ถ้าปรากฏโดยชัดแจ้งว่าการใช้รถคันนั้นต่อไปน่าจะเป็นเหตุให้เกิดภยันตราย
แก่การขนส่ง ให้ผู้ตรวจการมีอำนาจสั่งระงับใช้ไว้เป็นการชั่วคราวได้  และให้รีบรายงานให้
นายทะเบียนทราบภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง
   ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้เป็นเจ้าของรถตามวรรคหนึ่ง
จัดการส่งรถคันนั้นไปให้พนักงานตรวจสภาพ  หรือสถานตรวจสภาพรถที่ได้รับอนุญาตตรวจสอบความ
บกพร่องตามรายงานของผู้ตรวจการภายในเวลาที่กำหนด
   เมื่อนายทะเบียนมีคำสั่งตามวรรคสองแล้ว  ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตงดการใช้รถดังกล่าวไว้
จนกว่านายทะเบียนจะมีคำสั่งอนุญาตให้ใช้ได้ต่อไป

   มาตรา 84 เมื่อพนักงานตรวจสภาพหรือสถานตรวจสภาพรถที่ได้รับอนุญาตเห็นว่ารถที่นำมาให้
ตรวจตามมาตรา 83 สมควรจะต้องซ่อมแซมปรับปรุงเพื่อให้รถกลับมีสภาพมั่นคงแข็งแรงหรือจะ
ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์หรือส่วนควบให้ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง  ให้แจ้งให้ผู้
ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งดำเนินการซ่อมแซม  ปรับปรุงหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง
แล้วให้พนักงานตรวจสภาพหรือสถานตรวจสภาพรถที่ได้รับอนุญาตตรวจสอบความถูกต้องและรายงาน
ให้นายทะเบียนทราบ
   เมื่อได้พิจารณาเห็นสมควรตามรายงานของพนักงานตรวจสภาพหรือสถานตรวจสภาพรถที่ได้รับ
อนุญาตตามวรรคหนึ่ง  ให้นายทะเบียนอนุญาตให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งใช้รถคันนั้นต่อ
ไปได้

   มาตรา 85 เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีรถตามพระราชบัญญัตินี้  กรมการขนส่งทางบกจะ
กำหนดเวลาการชำระภาษีรถประจำปีสำหรับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งแต่ละราบก็ได้ และ
ให้คำนวณภาษีตามน้ำหนักรถตามอัตราในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้
   ในการคำนวณน้ำหนักรถ  ให้รวมน้ำหนักของรถและเครื่องอุปกรณ์ที่ติดอยู่กับตัวรถตามปกติ แต่
ไม่รวมน้ำหนักของน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันเครื่อง น้ำและเครื่องมือประจำรถ เศษของหนึ่งกิโลกรัม
ให้ปัดทิ้ง
   เงินภาษีรถตามพระราชบัญญัตินี้ที่จัดเก็บได้ในกรุงเทพมหานครให้ตกเป็นรายได้ของกรุง
เทพมหานคร  ส่วนในจังหวัดอื่นให้ตกเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล สุขาภิบาล
และเมืองพัทยาในจังหวัดนั้น โดยให้กระทรวงมหาดไทยจัดสรรตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดใน
กฎกระทรวง

   มาตรา 86 ภาษีรถให้ชำระล่วงหน้าเป็นรายปีต่อนายทะเบียน และจะขอชำระเป็นงวดก็ได้
แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
   รถที่จดทะเบียนใหม่ในงวดใด ให้ชำระภาษีตั้งแต่ งวด นั้นเป็นต้นไป
   ถ้าเจ้าของรถไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลาที่จะต้องชำระให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละหนึ่งต่อเดือน
หรือเศษของเงินของภาษีที่ต้องชำระ
   เงินเพิ่มตามอัตรานี้ให้ถือเป็นเงินภาษี

   มาตรา 87 รถที่ได้จดทะเบียนและเสียภาษีแล้ว ถ้าต่อมามีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุง
เพิ่มเติม  เป็นเหตุให้รถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากเดิม เจ้าของรถจะต้องเสียภาษีตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
ด้วย และให้นำมาตรา 76 วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่มาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 88 รถที่ใช้ในการขนส่งส่วนบุคคลของกระทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร องค์
การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล สุขาภิบาล เมืองพัทยา วัด มูลนิธิที่ได้รับอำนาจแล้ว และ
สภากาชาดไทย ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี

   มาตรา 89 รถที่ได้จดทะเบียนแล้ว ถ้าไม่ได้เสียภาษีตามกำหนดตามาตรา 86 เจ้าของรถ
ต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบพร้อมกับนำแผ่นป้ายรถทะเบียนนั้นคืนต่อ นายทะเบียนภายในสามสิบวัน
นับแต่วันถึงกำหนดเสียภาษีครั้งถัดไป
   เจ้าของรถผู้ใดไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่งจะต้องเสียภาษีครั้งถัดไปตามมาตรา 86

   มาตรา 90 เจ้าของรถต้องติดแผ่นป้ายเลขทะเบียนและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีที่
นายทะเบียนออกให้ไว้กับตัวรถตามที่อธิบดีกำหนด

   มาตรา 91 ในกรณีที่แผ่นป้ายเลขทะเบียนหรือเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีสูญหาย ถูกทำ
ลาย ชำรุดหรือลบเลือนในสาระสำคัญ ให้เจ้าของรถยื่นคำขอ ขอรับแผ่นป้ายเลขทะเบียนหรือ
เครื่องหมายแสดงการเสียภาษีต่อหน้านายทะเบียน ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ทราบถึงการสูญ
หาย ถูกทำลาย ชำรุดหรือลบเลือนดังกล่าว

   มาตรา 92 ผู้ประจำรถ ได้แก่
   (1) ผู้ขับรถ
   (2) ผู้เก็บค่าโดยสาร
   (3) นายตรวจ
   (4) ผู้บริการที่กำหนดตามกฎกระทรวง

   มาตรา 93 ห้ามมิให้ผู้ใดปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน
   การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 94 ใบอนุญาตสำหรับผู้ประจำรถมี 4 ประเภท คือ
   (1) ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ
   (2) ใบอนุญาตเป็นผู้เก็บค่าโดยสาร
   (3) ใบอนุญาตเป็นนายตรวจ
   (4) ใบอนุญาตเป็นผู้บริการ
   ใบอนุญาตแต่ละประเภทจะใช้สับเปลี่ยนกันไม่ได้  เว้นแต่ใบอนุญาตประเภทที่หนึ่ง ประเภทที่
สาม และประเภทที่สี่ใช้เป็นใบอนุญาตประเภทที่สองได้

   มาตรา 95 ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถมีสามชนิด ดังนี้
   ชนิดที่หนึ่ง ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่มีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกิน
สามพันห้าร้อยกิโลกรัมที่มิได้ใช้ขนส่งผู้โดยสาร หรือสำหรับรถขนส่งผู้โดยสารไม่เกินยี่สิบคน
   ชนิดที่สอง ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่มีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกรวมกันเกินกว่า
สามพันห้าร้อยกิโลกรัมที่มิได้ใช้ขนส่งผู้โดยสาร หรือสำหรับรถขนส่งผู้โดยสารเกินว่ายี่สิบคน
   ชนิดที่สาม ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถซึ่งโดยสภาพใช้สำหรับลากจูงรถอื่นหรือล้อเลื่อนที่บรรทุกสิ่งใด
บนล้อเลื่อนนั้น
   ใบอนุญาตแต่ละชนิดใช้สับเปลี่ยนกันไม่ได้ เว้นแต่ใบอนุญาตชนิด ที่สองและชนิดที่สามใช้เป็นใบ
อนุญาตชนิดที่หนึ่งได้ และใบอนุญาตชนิดที่สามใช้เป็นใบอนุญาตชนิดที่สองได้

   มาตรา 96 ผู้ขอรับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถตาม มาตรา 93 ในประเภทการขนส่ง
ประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทางหรือการขนส่งโดยรถขนาดเล็กต้องมีคุณสมบัติและลักษณะดังต่อไปนี้
   (1) มีสัญชาติไทย
   (2) มีความรู้และความสามารถตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
   (3) ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยความเหมาะสม
   (4) ไม่เป็นผู้วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
   (5) ไม่เป็นผู้มีโรคติดต่ออันเป็นที่รังเกียจ
   (6) ไม่เป็นผู้ติดสุรายาเมาหรือยาเสพติดให้โทษ
   (7) ไม่เป็นผู้มีใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถประเภทหรือชนิดเดียวกับที่ได้รับอนุญาตอยู่แล้ว
   (8) ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถ เว้น
แต่การเพิกถอนใบอนุญาตนั้นพ้นกำหนดสามปีแล้วนับแต่วันที่มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต
   (9) ไม่เป็นผู้เคยได้รับโทจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุก เว้น
แต่เป็นโทษสำหรับความผิดอันได้กระทำโดยประมาทที่มิใช่เกี่ยวกับการใช้รถในการกระทำผดหรือ
ความผิดลหุโทษ หรือได้พ้นโทษมาแล้วเกินสามปี
  (10) ไม่เป็นผู้เคยถูกควบคุมตัวเพราะมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคม หรือเป็นอันธพาล เว้นแต่ได้
พ้นจากการควบคุมตัวมาแล้วเกินหนึ่งปี

   มาตรา 97 ภายใต้บังคับมาตรา 96 ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าที่กำหนด
ในกฎกระทรวง และได้ผ่านการศึกษาและจบหลักสูตรจากโรงเรียนการขนส่งของกรมการขนส่ง
ทางบกหรือโรงเรียนสอนขับรถที่กรมการขนส่งทางบกรับรอง
   การรับรองโรงเรียนสอนขับรถตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่
กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 98 ภายใต้บังคับมาตรา 96 ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้เก็บค่าโดยสาร นายตรวจ และ
ผู้บริการต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 99 ผู้ขอรับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถในการขนส่งส่วนบุคคลต้องมีคุณสมบัติ
และมีลักษณะตามมาตรา 96 (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8) (9)และ(10)และต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าที่
กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 100 ใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถให้มีอายุหนึ่งปี นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต
   การต่ออายุใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำ
รถยื่นคำขอต่อนายทะเบียนก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุตามแบบที่นายทะเบียนกำหนด

   มาตรา101 ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถต้องมีใบ
อนุญาตอยู่กับตัวและต้องแสดงต่อนายทะเบียนหรือผู้ตรวจการเมื่อขอตรวจ

   มาตรา 102 ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถต้อง
   (1) แต่งกายสะอาดเรียบร้อยตามแบบที่กำหนดในกฏ กระทรวง
   (2) ไม่แสดงกิริยาหรือใช้ถ้อยคำเป็นการเสียดสี ดูหมิ่น ก้าวร้าว รังแก รบกวน หรือ
หยาบหยามผู้หนึ่งผู้ใดหรือแสดงกิริยาวาจาหรือส่งเสียง ด้วยประการหนึ่งประการใดในลักษณะไม่สมควร
หรือไม่สุภาพ
   (3) ไม่เสพหรือเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น
   (4) ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่งตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 103 ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถนอกจากจะต้องปฏิบัติตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 102
แล้ว จะต้อง
   (1) ไม่ขับรถในเวลาที่ร่างกายหรือจิตใจหย่อนความสามารถ
   (2) ไม่รับบรรทุกบุคคลที่เป็นโรคเรื้อนหรือโรคติดต่อที่น่ารังเกียจไปกับผู้โดยสารอื่น
   (3) ไม่รับบรรทุกศพ สัตว์ หรือสิ่งของที่อาจเกิดอันตรายหรือเป็นที่พึงรังเกียจไปกับผู้โดยสาร
   (4) ไม่รับบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง ระเบิด หรือวัตถุอันตรายอย่างอื่นไปกับผู้โดยสาร
   (5) ต้องหยุดหรือจอดรถ ณ สถานีขนส่งและปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับสถานีขนส่งตามมาตรา
19 (8) และ (10)

   มาตรา 104 ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถกระทำการใด ๆ ให้ผู้โดยสาร
จำต้องลงจากรถก่อนที่จะได้โดยสารถึงจุดหมายปลายทาง โดยที่ได้ชำระค่าโดยสารถูกต้องตามอัตรา
ที่กำหนดแล้ว

   มาตรา 105 ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถละเว้นการหยุดรถเพื่อรับหรือส่งผู้โดยสาร
ณ ที่ที่มีเครื่องหมายให้รถนั้นหยุด ในเมื่อปรากฏว่ามีผู้โดยสารต้องการให้หยุดรถเพื่อรับหรือส่ง

   มาตรา 106 ในขณะปฏิบัติหน้าที่ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถกระทำการใด ๆ อันเป็น
การละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร

   มาตรา 107 ในการขนส่งประจำทางหรือการขนส่งไม่ประจำทาง ระหว่างจังหวัดหรือระหว่าง
ประเทศกับต่างประเทศ ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถรับบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่ง
ผู้โดยสารที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต

   มาตรา 108 เมื่อปรากฏว่าผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถผู้ใดขาดคุณสมบัติหรือมี
ลักษณะตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 96 มาตรา 97 มาตรา 98 หรือมาตรา 99 หรือบกพร่องไปใน
ภายหลังเมื่อได้รับใบอนุญาตแล้ว ให้นายทะเบียนสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของผู้นั้นเสีย

   มาตรา 109 ถ้าผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติ
ทั้งหลายในหมวดนี้ ให้ผู้ตรวจการมีอำนาจยึดใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถของผู้นั้น และสั่ง
เป็นหนังสือให้ผู้นั้นไปรายงานตนต่อนายทะเบียนภายในเจ็ดสิบสองชั่วโมง คำสั่งนั้นให้ถือว่าเป็นใบ
อนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถชั่วคราวภายในกำหนดเวลาดังกล่าวนั้น
   ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตนั้นได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หรือจะสั่งเพิกถอน
ใบอนุญาตนั้นเสียก็ได้

   มาตรา 110 ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถซึ่งถูกสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตมี
สิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง
   คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
   การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต

   มาตรา 111 ให้นำบทบัญญัติทั้งหลายในกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และกฎหมายว่าด้วยการจราจร
ทางบก ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ขับรถ ผู้เก็บค่าโดยสารและนายตรวจมาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 112 ผู้โดยสารต้องชำระค่าขนส่งและค่าบริการอย่างอื่นตามอัตราที่คณะกรรมการกำหนด

   มาตรา 113 ผู้โดยสารต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยตาม
ที่กำหนดในกฎกระทรวง ตลอดเวลาที่อยู่ในระหว่างการโดยสาร
   ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งต้องจัดให้มีการประกาศข้อกำหนดตามวรรคหนึ่งปิดไว้ ณ ที่
เปิดเผยในรถ

   มาตรา 114 สถานีขนส่งมี 2  ประเภท คือ
   (1) สถานีขนส่งผู้โดยสาร
   (2) สถานขนส่งสัตว์และหรือสิ่งของ
   ลักษณะของสถานีขนส่งตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 115 ให้กรมการขนส่งทางบกโดยอนุมัติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง จัด
ให้มีสถานีขนส่งในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครและในเขตท้องที่จังหวัดอื่น โดยจะดำเนินการเอง
หรือจะมอบหมายให้รัฐวิสาหกิจหรือองค์การของรัฐเป็นผู้ดำเนินการก็ได้
   ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดค่าบริการในการดำเนินการของสถานีขนส่งไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการ
ควบคุมการขนส่งทางบกกลางกำหนด
   บุคคลอื่นใดประสงค์จะจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่ง ต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนกลาง
โดยอนุมัติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางก่อน
   การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
   การจัดให้มีหรือจัดตั้งสถานีขนส่งขึ้นที่ใด เมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดใน
ราชกิจจานุเบกษา

   มาตรา 116 ให้อธิบดีมีอำนาจกำกับและควบคุมการดำเนินการที่เกี่ยวกับสถานีขนส่งให้เป็นไป
ตามพระราชบัญญัตินี้ และเพื่อประโยชน์แห่งการนี้จะแต่งตั้งข้าราชการและหรือลูกจ้างสังกัดกรม
การขนส่งทางบกทำหน้าที่เป็นนายสถานีและเจ้าหน้าที่สถานีตามจำนวนที่เห็นสมควรมีอำนาจกำกับ
และควบคุมดังกล่าวด้วยก็ได้

   มาตรา 117 ในการบริหารงานที่เกี่ยวกับสถานีขนส่งของกรมการขนส่งทางบกตามมาตรา 115
วรรคหนึ่ง อธิบดีจะแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งประกอบด้วย ประธานกรรมการหนึ่งคน และ
กรรมการอื่นอีกไม่เกินแปดคนเพื่อดูแลควบคุมและดำเนินการที่เกี่ยวกับสถานีขนส่งก็ได้
   กรรมการที่อธิบดีแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจ
ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการอีกได้
   ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นเลขานุการของคณะกรรมการ
   ให้นำมาตรา 12 และมาตรา 13 มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะกรรมการนี้โดยอนุโลม

   มาตรา 118 ผู้ขอรับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่งตามมาตรา 115 วรรคสาม
ต้องมีคุณสมบัติและลักษณะตามมาตรา 24

   มาตรา 119 ใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่งให้มีอายุตามที่คณะกรรมการควบคุม
การขนส่งทางบกกลางกำหนดแต่ไม่เกินยี่สิบปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต
   ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่งซึ่งประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาตจะต้องยื่นคำ
ขอก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
   การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 120 ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบกิจการ
สถานีขนส่งรวมทั้งการรักษาความเรียบร้อยความปลอดภัยในบริเวณสถานีขนส่งนั้น

   มาตรา 121 ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่งต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่าง
ประจำสถานีขนส่งตลอดเวลา โดยให้มีหน้าที่ตรวจสอบสภาพรถขนส่งประจำทาง ซึ่งต้องหยุดหรือ
จอดเพื่อการขนส่ง ณ สถานีขนส่งแห่งนั้น เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
   คุณสมบัติและจำนวนเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างให้เป็นไปตามที่อธิบดีกำหนด

   มาตรา 122 ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่งต้องจัดให้มีอู่ซ่อมรถและบริการ
ซ่อมรถเพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่รถที่ใช้สถานีขนส่งนั้น

   มาตรา 123 ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่งต้องจัดให้มีบริเวณที่จอดพักรถตาม
ที่อธิบดีกำหนด

   มาตรา 124 ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่งต้องจัดให้มีสมุดทะเบียนการเดินรถ
ที่ผ่านเข้าออกสถานีขนส่งตามแบบที่อธิบดีกำหนด
   สมุดทะเบียนการเดินรถต้องเก็บรักษาไว้ในที่ทำการของสถานีขนส่งแห่งนั้น พร้อมที่จะให้
นายทะเบียน พนักงานตรวจสภาพหรือผู้ตรวจการตรวจดูได้ทุกเวลา

   มาตรา 125 ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่งเรียกเก็บค่าบริการเกี่ยวกับ
การดำเนินการของสถานีขนส่งได้ไม่เกินอัตราตามที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางกำหนด

   มาตรา 126 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 63 วรรคหนึ่ง มาตรา 25 วรรคหนึ่ง
มาตรา 26 วรรคหนึ่ง มาตรา 65 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 74 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุก
ไม่เกินห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 127 ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา
26 วรรคสอง มาตรา 101 มาตรา 102 มาตรา 103 มาตรา 104 มาตรา 15 มาตรา 106
หรือมาตรา 107 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

   มาตรา 128 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 27 วรรคสาม ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 129 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางผู้ใดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด
ตามมาตรา 31 (1) ต้องระวางโทษปรับตามจำนวนรถที่ขาดคันละไม่เกินห้าพันบาทต่อหนึ่งวันจนกว่า
จะปฏิบัติให้ถูกต้อง

   มาตรา 130 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งระหว่างประเทศผู้ใดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
ที่กำหนดตามมาตรา 31 (1) ซึ่งได้นำมาใช้บังคับโดยอนุโลมตามมาตรา 25 ต้องระวางโทษปรับ
ตามจำนวนรถที่ขาดคันละไม่เกินห้าพันบาทต่อวันจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง

   มาตรา 131 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา
31 (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8) (9) (10) (11) (12) (13) (14) หรือ (15)
หรือในอนุ6มาตราหนึ่งอนุมาตราใดตามมาตรา 32 มาตรา 33 หรือมาตรา 34 หรือไม่ปฏิบัติ
ตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 35 หรือมาตรา 36 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท

   มาตรา 132 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งระหว่างประเทศผู้ใดไม่ปฏิบัติตามอนุมาตรา
หนึ่งอนุมาตราใดตามมาตรา 32 หรือ มาตรา 34 หรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 36
ซึ่งได้นำมาใช้บังคับโดยอนุโลมตามมาตรา 25 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท

   มาตรา 133 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 31 วรรคสอง
มาตรา 32 วรรคสอง มาตรา 33 วรรคสอง มาตรา 34 วรรคสอง มาตรา 42 มาตรา 47
หรือมาตรา 113 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

   มาตรา 134 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 37 ต้อง
ระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท

   มาตรา 135 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 38 ต้องระวางโทษปรับไม่
เกินสองหมื่นบาท

   มาตรา 136 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการรับจัดการขนส่งผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 38 ซึ่งได้นำมา
ใช้บังคับโดยอนุโลมตามมาตรา 70 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

   มาตรา 137 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 39 ต้องระวางโทษปรับ
ตามจำนวนรถที่ใช้ทำการขนส่งนอกเส้นทางหรือนอกท้องที่ที่ได้รับอนุญาตคันละไม่เกินห้าพันบาทต่อ
หนึ่งวันจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง

   มาตรา 138 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 40 ต้อง
ระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

   มาตรา 139 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนตาม
มาตรา 41 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

   มาตรา 140 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการรับจัดการขนส่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 42 หรือ
มาตรา 47 ซึ่งได้นำมาใช้บังคับโดยอนุโลมตามมาตรา 70 หรือมาตรา 76 ต้องระวางโทษปรับ
ไม่เกินหนึ่งพันบาท

   มาตรา 141 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 43 ต้องระวาง
โทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

   มาตรา 142 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการรับจัดการขนส่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 43 ซึ่งได้นำ
มาใช้บังคับโดยอนุโลมตามมาตรา 70 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

   มาตรา 143 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 44 มาตรา 45
มาตรา 79 หรือมาตรา 80 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

   มาตรา 144 ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่อธิบดีนายทะเบียน ผู้ตรวจการ หรือ
พนักงานตรวจสภาพ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 49 หรือมาตรา 49 ซึ่งได้นำมาใช้บังคับโดยอนุโลม
ตามมาตรา 70 หรือมาตรา 76 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

   มาตรา 145 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนกลางซึ่ง
สั่งตามมาตรา 53 หรือมาตรา 68 ต้องระวางโทษปรับหนึ่งแสนบาท หรือปรับเป็นรายวันวันละห้า
พันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง

   มาตรา 146 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการรับจัดการขนส่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดใน
ใบอนุญาตประกอบการรับจัดการขนส่งในอนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดตามมาตรา 66 ต้องระวาง
โทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท

   มาตรา 147 ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการรับจัดการขนส่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 66 วรรคสอง
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

   มาตรา 148 ผู้ใดใช้รถโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 71 หรือฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ตรวจการหรือนาย
ทะเบียนตามมาตรา 83 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท

   มาตรา 149 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 มาตรา 81 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 82
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

   มาตรา 150 เจ้าของรถผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 90 หรือมาตรา 91 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
สองพันบาท

   มาตรา 151 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 93 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท แต่ถ้าผู้ฝ่าฝืน
ปฏิบัติหน้าที่ผู้ขับรถ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 152 ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถผู้ใดปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างที่ถูกพักใช้
หรือเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา 109 หรือปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างถูกยึดใบอนุญาตขับรถตามกฎหมาย
ว่าด้วยจราจรทางบก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท แต่ถ้าผู้นั้น
ปฏิบัติห้าที่ผู้ขับรถ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท

   มาตรา 153 ผู้โดยสารผู้ใดโดยสารรถโดยมีเจตนาไม่ชำระค่าขนส่ง หรือชำระค่าขนส่งไม่
ครบถ้วนตามอัตราที่กำหนด หรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงซึ่งออกตามมาตรา 113 วรรคหนึ่ง
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

   มาตรา 154 ผู้ใดจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่ง โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 115
วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือ
ทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 155 ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 121
วรรคหนึ่ง มาตรา 122 มาตรา 123 หรือมาตรา 124 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท
ถึงหนึ่งแสนบาท

   มาตรา 156 ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถผู้ใดไม่นำรถเข้าหยุดหรือจอดเพื่อรับส่งผู้โดยสารหรือ
ขนถ่ายสินค้า ณ สถานีขนส่งตามที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางกำหนด ต้องระวางโทษ
ปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสองหมื่นบาท

   มาตรา 157 ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถซึ่งนำรถเข้าหยุดหรือจอดเพื่อรับส่งผู้โดยสารหรือขนถ่าย
สินค้า ณ สถานีขนส่งผู้ใดไม่ชำระค่าบริการเกี่ยวกับการดำเนินการของสถานีขนส่งให้แก่สถานีขนส่ง
ตามมาตรา 125 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสองหมื่นบาท

   มาตรา 158 ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งสถานตรวจสภาพผู้ใดโดยทุจริตหรือจงใจออกใบรับรอง
ตรวจสภาพรถโดยไม่ตรงตามความเป็นจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท
และนายทะเบียนกลางมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งสถานตรวจสภาพรถนั้นเสียได้

   มาตรา 159 ผู้ใดเรียกเก็บค่าขนส่ง ค่าบริการรับจัดการขนส่งค่าบริการเกี่ยวกับการดำเนินการ
ของสถานีขนส่ง หรือค่าบริการอย่างอื่นผิดไปจากอัตราที่คณะกรรมการกำหนด ต้องระวางโทษปรับ
ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

   มาตรา 160 ผู้ใด
   (1) ใช้ใบอนุญาตหรือเครื่องหมายอย่างหนึ่งอย่างใดที่ทางราชการออกให้แก่ผู้อื่น
   (2) ใช้เครื่องหมายอย่างหนึ่งอย่างใดที่ทางราชการออกให้สำหรับรถคันหนึ่งกับรถอีกคันหนึ่ง
   (3) ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ใบอนุญาตหรือเครื่องหมายอย่างหนึ่งอย่างใดที่ทางราชการออกให้แก่ตน
   (4) เปลี่ยนแปลงหรือปิดบังทั้งหมดหรือแต่บางส่วนไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ ซึ่งแผ่นป้ายเลขทะเบียนรถ
หรือ
   (5) ใช้รถที่ได้รับยกเว้นภาษีตามมาตรา 88 ให้ผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่ได้รับยกเว้น
   ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 161 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติทั้งหลายในกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมาย
ว่าด้วยจราจรทางบกในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ขับรถ ผู้เก็บค่าโดยสารและนายตรวจตามมาตรา 111
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

   มาตรา 162 ผู้ใดเปลี่ยนแปลง ย้าย ทำลาย หรือกระทำให้เสียหายด้วยประการใด ๆ แก่
เครื่องหมายหรือสิ่งอื่นใดที่ทางราชการได้ทำขึ้นเพื่อประโยชน์ในการขนส่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
หนึ่งหมื่นบาท

   มาตรา 163 บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียวให้อธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดี
มอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบปรับผู้ต้องหาได้ เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามจำนวนที่อธิบดีหรือ
ผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายเปรียบเทียบภายในสามสิบวันแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามบทบัญญัติแห่งประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
   ถ้าผู้ต้องหาไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบหรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชำระค่าปรับภายในกำหนด
เวลาดังกล่าวให้ดำเนินคดีเพื่อฟ้องร้องต่อไป

   มาตรา 164 ในระหว่างที่ยังมิได้มีกฎกระทรวง ข้อกำหนด หรือระเบียบตามพระราชบัญญัตินี้
ให้กฎกระทรวง ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศใด ๆ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตาม
พระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการขนส่ง (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2510 และพระราชบัญญัติการขนส่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2518 ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ซึ่งไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้คงใช้บังคับต่อไป

   มาตรา 165 บรรดาใบอนุญาตที่ได้ออกให้ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 ซึ่งแก้ไข
เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการขนส่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2518 ให้ใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุ
ถ้าจะต่ออายุใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ยื่นคำขอก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุไม่น้อยกว่าหกสิบวัน

   มาตรา 166 ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการรับจัดการขนส่ง
และเจ้าของรถที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัติการขนส่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2518 ปฏิบัติการให้ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติ
นี้ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

   มาตรา 167 รถที่ได้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ไว้แล้วก่อนที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและ
ยังไม่ถึงกำหนดเสียภาษีครั้งถัดไปให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้จนกว่าจะ
ครบกำหนดเวลาที่ได้เสียภาษีไว้
   ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดให้รถตามวรรคหนึ่ง ซึ่งจะชำระภาษีครั้งแรกตามพระราชบัญญัตินี้
ต้องชำระภาษีคราวละกี่งวดก็ได้

   มาตรา 168 คำขออนุญาตใด ๆ ที่ได้ยื่นไว้ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 ซึ่ง
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการขนส่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2518 และยังอยู่ในระหว่างการ
พิจารณา ให้ถือว่าเป็นคำขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้โดยอนุโลม และถ้าคำขออนุญาตดังกล่าวมี
ข้อความแตกต่างไปจากคำขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้แก้ไขเพิ่มเติม
คำขออนุญาตเพื่อให้การเป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ได้

   มาตรา 169 ในเขตท้องที่จังหวัดใดในระหว่างที่ยังไม่มีขนส่งจังหวัด ให้อำนาจและหน้าที่ของ
ขนส่งจังหวัด เป็นอำนาจและหน้าที่ของนายทะเบียนกลาง
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
 ส. โหตระกิตย์
รองนายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง
ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว และสถาพการณ์ในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอันมาก บทบัญญัติ
ทั้งหลายที่ใช้บังคับอยู่ไม่เหมาะสมกับกาลสมัย สมควรปรับปรุงบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง
เสียใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 96 ตอนที่ 38 หน้า 1 วันที่ 21 มีนาคม 2522)

                                          บัญชีอัตราภาษีรถตามมาตรา 85
?????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????
                 น้ำหนักรถที่เป็นกิโลกรัม                  ? รถที่ใช้ในการขนส่ง ? รถที่ใช้ในการขนส่ง ? รถที่ใช้ในการขนส่ง ? รถที่ใช้ในการขนส่ง ?
                                                    ?    ประจำทาง    ?   ไม่ประจำทาง   ?  โดยรถขนาดเล็ก  ?     ส่วนบุคคล    ?
?????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????
 ไม่มากกว่า 500 กิโลกรัม                                ?       300 บาท  ?       450 บาท  ?       300 บาท  ?       150 บาท  ?
 ตั้งแต่    500        ถึง          750 กิโลกรัม          ?       400 บาท  ?       600 บาท  ?       400 บาท  ?       300 บาท  ?
 ตั้งแต่    750        ถึง        1,000 กิโลกรัม          ?       500 บาท  ?       750 บาท  ?       500 บาท  ?       450 บาท  ?
 ตั้งแต่  1,000        ถึง        1,250 กิโลกรัม          ?       600 บาท  ?       900 บาท  ?       600 บาท  ?       800 บาท  ?
 ตั้งแต่  1,250        ถึง        1,500 กิโลกรัม          ?       700 บาท  ?     1,050 บาท  ?       700 บาท  ?     1,000 บาท  ?
 ตั้งแต่  1,500        ถึง        1,750 กิโลกรัม          ?       900 บาท  ?     1,350 บาท  ?       900 บาท  ?     1,300 บาท  ?
 ตั้งแต่  1,750        ถึง        2,000 กิโลกรัม          ?     1,100 บาท  ?     1,650 บาท  ?     1,100 บาท  ?     1,600 บาท  ?
 ตั้งแต่  2,000        ถึง        2,500 กิโลกรัม          ?     1,300 บาท  ?     1,950 บาท  ?     1,300 บาท  ?     1,900 บาท  ?
 ตั้งแต่  2,500        ถึง        3,000 กิโลกรัม          ?     1,500 บาท  ?     2,250 บาท  ?     1,500 บาท  ?     2,200 บาท  ?
 ตั้งแต่  3,000        ถึง        3,500 กิโลกรัม          ?     1,700 บาท  ?     2,550 บาท  ?                ?     2,400 บาท  ?
 ตั้งแต่  3,500        ถึง        4,000 กิโลกรัม          ?     1,900 บาท  ?     2,850 บาท  ?                ?     2,600 บาท  ?
 ตั้งแต่  4,000        ถึง        4,500 กิโลกรัม          ?     2,100 บาท  ?     3,150 บาท  ?                ?     2,800 บาท  ?
 ตั้งแต่  4,500        ถึง        5,000 กิโลกรัม          ?     2,300 บาท  ?     3,450 บาท  ?                ?     3,000 บาท  ?
 ตั้งแต่  5,000        ถึง        6,000 กิโลกรัม          ?     2,500 บาท  ?     3,750 บาท  ?                ?     3,200 บาท  ?
 ตั้งแต่  6,000        ถึง        7,000 กิโลกรัม          ?     2,700 บาท  ?     4,050 บาท  ?                ?     3,400 บาท  ?
 ตั้งแต่  7,000 กิโลกรัมขึ้นไป                             ?     2,900 บาท  ?     4,350 บาท  ?                ?     3,600 บาท  ?

?????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????
                            อัตราค่าธรรมเนียม
 (1) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางต่อเส้นทางหนึ่ง   ฉบับละ        15,000 บาท
 (2) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง            ฉบับละ         4,000 บาท
 (3) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งโดยรถขนาดเล็ก          ฉบับละ         1,500 บาท
 (4) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคล               ฉบับละ         1,500 บาท
 (5) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งระหว่างประเทศ
     (ก) ตลอดปี                                  ฉบับละ         5,000 บาท
     (ข) เฉพาะคราว                              ฉบับละ           500 บาท
 (6) ใบอนุญาตประกอบการรับจัดการขนส่ง               ฉบับละ         5,000 บาท
 (7) ใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินการสถานีขนส่ง            ฉบับละ       100,000 บาท
 (8) ใบอนุญาตผู้ขับรถและใบอนุญาตนายตรวจ             ฉบับละ           200 บาท
 (9) ใบอนุญาตผู้เก็บค่าโดยสารและใบอนุญาตผู้บริการ       ฉบับละ           100 บาท
(10) ใบอนุญาตจัดตั้งสถานตรวจสภาพรถ                 ฉบับละ        20,000 บาท
(11) ใบแทนใบอนุญาต                              ฉบับละ           500 บาท
(12) การโอนทะเบียนรถ                            ฉบับละ           200 บาท
(13) แผ่นป้ายเลขทะเบียนรถและเครื่องหมาย             แผ่นละ           100 บาท
(14) คำขออนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง            ฉบับละ           100 บาท
(15) คำขออื่น ๆ                                  ฉบับละ            20 บาท
(16) การต่ออายุใบอนุญาต ครั้งละเท่ากับค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตแต่ละฉบับ