พระราชบัญญัติ
                 ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ (ฉบับที่ 3)
                              พ.ศ. 2522
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                   ให้ไว้ ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522
                        เป็นปีที่ 34 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ
ให้ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
(ฉบับที่ 3)  พ.ศ. 2522"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นบทนิยามคำว่า "ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์"
ถัดจากบทนิยามคำว่า "การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์" ของมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของ
คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2519
   ""ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์" หมายความว่า ผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัด ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาค
หรือผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไป แล้วแต่กรณี"

   มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 14 และมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ.2495 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของ
คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2519 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 14 ในทุกจังหวัดนอกจากจังหวัดที่ระบุไว้ในวรรคสองให้มีผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัด จังหวัดละหนึ่งคน และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัด
   ในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดสมุทรปราการ ให้ผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไปตามมาตรา 16 ทำหน้าที่ผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัดสำหรับเขตท้องที่ดังกล่าว
   มาตรา 15 ภายใต้บังคับมาตรา 15 ตรี และมาตรา 16 ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
จังหวัด มีอำนาจหน้าที่อำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
ภายในเขตท้องที่ที่อยู่ในอำนาจของตน และให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
   (1) ปฏิบัติการตามมาตรา 17
   (2) สั่งให้บุคคลนำอาวุธชนิดใดชนิดหนึ่งหรือทุกชนิดที่กำหนดมามอบไว้เป็นการชั่วคราวตาม
ความจำเป็น
   (3) ห้ามบุคคลนำอาวุธชนิดใดชนิดหนึ่งหรือทุกชนิดตามที่กำหนดออกนอกเคหะสถาน
   (4) สั่งห้ามมิให้ชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ห้ามโฆษณา หรือห้ามการแสดงมหรสพเมื่อมีเหตุอันควร
สงสัยว่าเป็นการชักชวนหรือยั่วยุให้มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
   (5) สั่งให้เจ้าของหรือผู้จัดการหรือผู้รับผิดชอบในกิจการหรือการจัดการธุรกิจที่กำหนด ซึ่งมี
พนักงานหรือลูกจ้างหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการดำเนินกิจการหรือธุรกิจ จัดทำและเก็บประวัติ
และแจ้งการย้ายเข้าออก การเลิกจ้างหรือพฤติการณ์ของบุคคลดังกล่าวให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ
   (6) เรียกบุคคลหนึ่งบุคคลใดมาสอบถามในด้านการข่าวและเข้ารับการอบรมได้ครั้งหนึ่งไม่เกิน
สิบห้าวัน
   (7) ประกาศห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานในระหว่างระยะเวลาที่กำหนด
   (8) ให้บุคคลมารายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
   การปฏิบัติการตาม (3) (6) และ (7) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดใน
กฎกระทรวง
   ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งของผู้อำนวยการการป้องกันการกระทำอันเป็น
คอมมิวนิสต์จังหวัด ซึ่งประกาศหรือสั่งตามมาตรานี้หรือตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรานี้หรือ
ขัดขวางปฏิบัติการของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งดังกล่าว ต้องระวางโทษ
จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

   มาตรา 5 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 15 ทวิ และมาตรา 15 ตรี แห่งพระราชบัญญัติ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495
   "มาตรา 15 ทวิ ภายใต้บังคับมาตรา 14 วรรคสอง เพื่อประโยชน์ในการประสานงานและ
ควบคุมดูแลการปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ในเขตจังหวัดต่าง ๆ
ให้มีภาคสำหรับการปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
   เขตของภาคตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามเขตของกองทัพภาค ตามกฎหมายว่าด้วย
การจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม และให้แม่ทัพภาคเป็นผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาค
   มาตรา 15 ตรี ให้ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาคมีอำนาจหน้าที่สั่งการ
และควบคุมดูแลให้กิจการป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภายในเขตภาคของ
ตนได้ประสานกันและเป็นไปโดยเรียบร้อย
   ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ให้ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาคมีอำนาจ
หน้าที่เช่นเดียวกับผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัดตามมาตรา 15 และให้
มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้อำนาจตามมาตรา 15 ของผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัด ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 15
วรรคสอง รวมทั้งมีอำนาจในการสั่งการแก้ไขหรือยับยั้งการปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัด และให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ภายในเขตภาคด้วย
   (1) สั่งให้ตรวจข่าวสาร จดหมาย โทรเลข เอกสาร หีบห่อ วัตถุหรือสิ่งอื่นใดที่ใช้ใน
การติดต่อของบุคคลใด ๆ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลนั้นได้คบคิดหรือติดต่อกับบุคคลผู้กระทำ
ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
   (2) สั่งตรวจหนังสือ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ภาพโฆษณา บทประพันธ์ ตลอดจนสั่งห้ามพิมพ์ จำหน่าย
หรือเผยแพร่ซึ่งสิ่งดังกล่าว
   (3) กระทำหรือสั่งหรือมอบหมายให้นายทหารสัญญาบัตรซึ่งมียศตั้งแต่ร้อยตรี เรือตรี หรือเรือ
อากาศตรี ขึ้นไป หรือเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไปหรือพนักงานฝ่ายปกครอง
ตั้งแต่เจ้าพนักงานปกครอง 3 ขึ้นไป เป็นหัวหน้าทำการตรวจค้นตัวบุคคล ยานพาหนะ เคหะสถาน
สิ่งปลูกสร้าง หรือที่ใด ๆ ไม่ว่าเวลาใด ๆ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีผู้กระทำการอันเป็น
คอมมิวนิสต์ก่อความไม่สงบขึ้น
   (4) สั่งห้ามรับหรือส่งวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์
   (5) สั่งห้ามใช้ทางสาธารณะหรือการจราจรไม่ว่าจะเป็นทางบกทางน้ำ หรือทางอากาศ
   (6) สั่งห้ามมีหรือใช้เครื่องมือสื่อสาร อาวุธ อุปกรณ์อาวุธ เคมีภัณฑ์ หรือสิ่งอื่นใดซึ่งมีคุณสมบัติ
ทำให้เกิดอันตรายแก่มนุษย์ สัตว์ พืชหรือทรัพย์สิน หรือที่อาจนำไปใช้เป็นเคมีภัณฑ์หรือสิ่งอื่นใดที่มี
คุณสมบัติดังกล่าวได้
   การสั่งการตาม (2) (4) หรือ (6) ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการป้องกัน
การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไปก่อน
   ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาคที่
สั่งการตามมาตรานี้ หรือขัดขวางการปฏิบัติการของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาคที่สั่งการตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี
หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

   มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
พ.ศ. 2495 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 17
ตุลาคม พ.ศ. 2519 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 16 ให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไปขึ้น
คนหนึ่ง มีอำนาจหน้าที่สั่งการและควบคุมดูแลให้กิจการป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็น
คอมมิวนิสต์ได้ประสานงานกันและเป็นไปโดยเรียบร้อยในทุกจังหวัดและทุกภาคและมีอำนาจแต่งตั้ง
พนักงานเจ้าหน้าที่หรือบุคคลอื่นใดให้ช่วยเหลือปฏิบัติการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการป้องกัน
การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไปได้
   อำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่หรือบุคคลอื่นตามวรรคหนึ่ง จะมอบหมายให้ผู้อำนวยการป้องกัน
การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาคหรือผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัด
แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่หรือบุคคลอื่นแทนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ก็ได้
   ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ให้ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไปมีอำนาจ
หน้าที่เช่นเดียวกับผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาคในท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
และให้มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัตินี้ของ
ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัดและผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็น
คอมมิวนิสต์ภาค รวมทั้งมีอำนาจในการสั่งการแก้ไขหรือยับยั้งการปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการป้องกัน
การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัดและผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาค เว้น
แต่การสั่งการตามมาตรา 15 ตรี (2) (4) หรือ (6) ซึ่งจะให้มีผลใช้บังคับทั่วราชอาณาจักร
ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีก่อน
   ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไปที่
สั่งการตามวรรคสาม หรือขัดขวางการปฏิบัติการของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของ
ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไปที่สั่งการตามวรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุก
ไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

   มาตรา 7 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 16 ทวิ และมาตรา 16 ตรี แห่งพระราชบัญญัติ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495
   "มาตรา 16 ทวิ เมื่อจะมีการปฏิบัติการในทางปราบปรามในท้องที่ใด ให้ผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไปหรือผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาค
ประกาศเขตพื้นที่ที่มีการปฏิบัติการในทางปราบปรามให้ประชาชนทราบตามสมควรและ
เหมาะสมกับสถานการณ์
   ในพื้นที่ที่มีการปฏิบัติการในทางปราบปราม ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
ทั่วไปหรือผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาค หรือนายทหารสัญญาบัตรซึ่งมียศ
ตั้งแต่ร้อยตรีเรือตรี เรืออากาศตรี ขึ้นไป หรือเจ้าพนักงานตำรวจ ซึ่งมียศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรี
ขึ้นไป หรือพนักงานฝ่ายปกครองตั้งแต่เจ้าพนักงานปกครอง 3 ขึ้นไป ซึ่งผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไปหรือผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาค
มอบหมายมีอำนาจดังต่อไปนี้
   (1) สั่งห้ามบุคคลเข้าไปในบริเวณที่กำหนดเป็นการชั่วคราว
   (2) ยึดสิ่งใด ๆ ไว้ชั่วคราว เพื่อนำมาใช้ประโยชน์หรือมิให้เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติการใน
ทางปราบปราม
   (3) ทำลายหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ตามความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการในทาง
ปราบปราม
   ในการใช้อำนาจตามมาตรานี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวตามแบบที่กำหนดใน
กฎกระทรวงหรือแสดงหลักฐานทางราชการต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือติดเครื่องหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง
ตามที่ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไป หรือผู้อำนวยการป้องกันการกระทำ
อันเป็นคอมมิวนิสต์ภาคกำหนด
   ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไปหรือ
ผู้อำนวยการป้องกันกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาคที่สั่งการตามมาตรานี้ หรือขัดขวางการปฏิบัติการ
ของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการตามคำสั่งดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับ
ไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
   มาตรา 16 ตรี ให้ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัด ผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาคและผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไป
เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา"

   มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในมาตรา 17 มาตรา 17 ทวิ และมาตรา 17 ตรี แห่งพระราชบัญญัติ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2519 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 17 นายกรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ท้องที่ใดท้องที่หนึ่งเป็นเขต
ห้ามมิให้บุคคลเข้าไปหรืออาศัยอยู่
   เมื่อได้มีประกาศของนายกรัฐมนตรีตามวรรคหนึ่งแล้ว
   (1) ห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากผู้ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์เข้าไปในเขตนั้น
   (2) ให้ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตนั้นอยู่แล้วในวันที่นายกรัฐมนตรีประกาศตามความในวรรคหนึ่งออก
จากเขตนั้นภายในกำหนดเวลาที่ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ประกาศกำหนด
ทั้งนี้เว้นแต่บุคคลซึ่งได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
ให้อยู่อาศัยได้
   หนังสืออนุญาตให้บุคคลเข้าไปหรืออาศัยอยู่ในเขตห้ามมิให้บุคคลเข้าไปหรืออาศัยอยู่เมื่อมีเหตุ
อันสมควร ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จะเพิกถอนเสียเมื่อใดก็ได้
   การออกหนังสืออนุญาตให้บุคคลเข้าไปหรืออาศัยอยู่ในเขตห้ามมิให้บุคคลเข้าไปหรืออาศัยอยู่
การเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้บุคคลเข้าไปหรืออาศัยอยู่ การประกาศให้บุคคลที่อาศัยอยู่ในเขตห้าม
มิให้บุคคลเข้าไปหรืออาศัยอยู่ออกไปจากเขตนั้นตามมาตรานี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
ที่กำหนดในกฎกระทรวง
   ให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการให้บุคคลผู้ต้องออกไปจากเขตที่นายกรัฐมนตรีประกาศตาม
วรรคหนึ่งได้มีที่อยู่อาศัยและได้รับค่าทดแทนตามที่นายกรัฐมนตรีจะเห็นสมควร
   ผู้ใด โดยมิได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ เข้า
ไปในเขตห้ามมิให้บุคคลเข้าไปหรืออาศัยอยู่ตามวรรคหนึ่งอันเป็นการฝ่าฝืน (1) หรือผู้ใดซึ่งอาศัย
อยู่ในเขตดังกล่าวอยู่แล้วในวันที่นายกรัฐมนตรีประกาศเขตห้ามมิให้บุคคลเข้าไปหรืออาศัยอยู่ตาม
วรรคหนึ่ง ไม่ออกไปจากเขตนั้นภายในกำหนดเวลาที่ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
ประกาศกำหนด อันเป็นการไม่ปฏิบัติตาม (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือ
ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
   มาตรา 17 ทวิ ให้ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์มีอำนาจแต่งตั้ง
คณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งหรือหลายคณะเพื่อกำหนดมาตรการและดำเนินการควบคุมการครอบครอง
และหรือการจำหน่ายข้าว อาหาร ยา เครื่องอุปโภคบริโภคอย่างอื่นและสิ่งอื่นใดในท้องที่ใด
ท้องที่หนึ่งซึ่งอยู่ในเขตอำนาจหน้าที่ของตน เพื่อมิให้สิ่งเหล่านั้นเป็นประโยชน์แก่องค์การ
อันเป็นคอมมิวนิสต์หรือเพื่อมิให้เกิดความเดือนร้อนแก่ประชาชน
   ให้คณะกรรมการที่แต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง มีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
   (1) ระบุชนิด ประเภทของข้าว อาหาร ยา เครื่องอุปโภคบริโภคอย่างอื่นและสิ่งอื่นใด
ให้เป็นสิ่งของควบคุม
   (2) วางระเบียบเกี่ยวกับการส่งออกไปนอกหรือนำเข้ามาในท้องที่ดังกล่าวซึ่งสิ่งของควบคุม
ตาม (1)
   (3) ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือผู้จำหน่ายสิ่งของควบคุมแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บสิ่งของ
ควบคุมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
   (4) ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือผู้จำหน่ายสิ่งของควบคุมแจ้งสถิติหรือบัญชีการจำหน่าย
สิ่งของควบคุมแจ้งสถิติหรือบัญชีการจำหน่ายสิ่งของควบคุมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
   (5) วางเงื่อนไขในการจำหน่ายสิ่งของควบคุม
   การกำหนดมาตรการตามวรรคหนึ่ง ให้ทำเป็นประกาศของคณะกรรมการ ปิดไว้ ณ ที่ว่าการ
อำเภอและที่เปิดเผยตามชุมชนทั่วไปในท้องที่ที่เกี่ยวข้อง กับต้องประกาศล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสี่สิบ
แปดชั่วโมง
   ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการตามมาตรานี้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
สองปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
   มาตรา 17 ตรี คณะกรรมการตามมาตรา 17 ทวิ มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ พนักงาน
เจ้าหน้าที่ หรือบุคคลอื่นใด ให้ช่วยเหลือปฏิบัติการอันอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการทั้งหมด
หรือแต่บางส่วน หรือในบริเวณท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง แทนคณะกรรมการได้
   ในการปฏิบัติการติดต่อกับบุคคลภายนอก ให้อนุกรรมการพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือบุคคลซึ่งได้รับ
การแต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง แสดงบัตรประจำตัวตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือแสดงหลักฐาน
อย่างอื่นต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือติดเครื่องหมายอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์กำหนด"

   มาตรา 9 ให้ยกเลิกความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
พ.ศ. 2495 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 17
ตุลาคม พ.ศ. 2519 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 18 บรรดาคดีที่มีข้อหาว่ากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้ไม่ว่าจะมีข้อหาว่ากระทำ
ความผิดอย่างอื่นด้วยหรือไม่ ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจควบคุมผู้ต้องหาไว้เพื่อทำการสอบสวนได้
ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ต้องหามาถึงที่ทำการของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ แต่ถ้าเกิด
ความจำเป็นที่จะควบคุมผู้ต้องหาไว้เกินกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ก็ให้พนักงานสอบสวนโดยได้รับ
อนุมัติจากอธิบดีกรมตำรวจมีอำนาจควบคุมผู้ต้องหาไว้ต่อไปได้อีกไม่เกินสามครั้ง ครั้งละไม่เกิน
หกสิบวัน
   ถ้าเกิดความจำเป็นที่จะควบคุมผู้ต้องหาไว้เกินกำหนดเวลาในวรรคก่อนเพื่อให้การสอบสวน
เสร็จสิ้น ให้ส่งตัวผู้ต้องหามาศาลเพื่อให้พนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องต่อศาลขอหมาย
ขังผู้ต้องหานั้นและให้ศาลมีอำนาจสั่งขังผู้ต้องหาได้ไม่เกินสามครั้ง ครั้งละไม่เกินเก้าสิบวัน"

   มาตรา 10 ให้ยกเลิกความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
พ.ศ. 2495 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 25
ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2519 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 20 เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้
ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์หรือนายทหารสัญญาบัตรซึ่งมียศตั้งแต่ร้อยตรี
เรือตรี หรือเรืออากาศตรีขึ้นไป หรือเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไป หรือ
พนักงานฝ่ายปกครองตั้งแต่เจ้าพนักงานปกครอง 3 ขึ้นไป ที่ทางราชการมีคำสั่งให้ปฏิบัติการ
ปราบปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ มีอำนาจค้นหรือจับบุคคลนั้น หรือค้นสถานที่ใดเพื่อหาตัว
คนหรือสิ่งของอันเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ได้ โดยไม่ต้องมีหมายค้นหรือ
หมายจับ และให้มีอำนาจค้นหรือจับได้ในทุกสถานที่และทุกเวลา ทั้งนี้ โดยต้องเป็นไปตามเงื่อนไข
และหลักเกณฑ์ที่ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์กำหนด และต้องคำนึงถึง
ความจำเป็นตามควรแก่พฤติการณ์ และให้นำมาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 94
มาตรา 98 มาตรา 99 มาตรา 100 มาตรา 101 มาตรา 102 มาตรา 103 และมาตรา 104
แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลม
   เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามมาตรา 83 หรือมาตรา 84 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำว่า "ที่ทำการของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ" ให้หมายความรวมถึงที่ทำการ
ของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับด้วย
   ในการค้นหรือจับตามวรรคหนึ่ง พนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวต้องแสดงบัตรประจำตัวตามแบบที่
กำหนดในกฎกระทรวง หรือแสดงหลักฐานทางราชการต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือติดเครื่องหมายอย่างใด
อย่างหนึ่งตามที่ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำเป็นคอมมิวนิสต์กำหนด
   เมื่อมีการค้นหรือจับตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ทำการค้นหรือจับรายงานให้
ผู้บังคับบัญชาทราบโดยเร็วที่สุด แต่ต้องไม่เกินสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่เริ่มทำการค้น
หรือจับ ทั้งนี้ตามระเบียบที่ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไปกำหนด"

   มาตรา 11 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 20 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
พ.ศ. 2495
   "มาตรา 20 ทวิ การปฏิบัติการของพนักงานเจ้าหน้าที่ในทางปราบปรามตามพระราชบัญญัตินี้
เป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และเป็นกระทำอันจำเป็นเพื่อ
รักษาความมั่นคงแห่งชาติ บุคคลใดจะเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ อันเนื่องมาจากการปฏิบัติการนี้
มิได้"

   มาตรา 12 ให้ยกเลิกความในมาตรา 21 และมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของ
คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2519 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 21 ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ และพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้น
ผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งทางราชการมีคำสั่งให้ปฏิบัติการปราบปราม
การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ มีเขตอำนาจปฏิบัติการในฐานะที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ
หรือในฐานะที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่แล้วแต่กรณี ทั่วราชอาณาจักร
   ภายใต้บังคับมาตรา 15 มาตรา 15 ตรี มาตรา 16 มาตรา 16 ทวิ มาตรา 20 ให้ผู้ซึ่งทาง
ราชการมีคำสั่งให้ปฏิบัติการปราบปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือ
ตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และให้มีเขตอำนาจปฏิบัติการทั่วราชอาณาจักร
   มาตรา 22 ในกรณีที่มีความตายของบุคคลใดซึ่งมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำความผิดตาม
พระราชบัญญัตินี้ หรือมูลเหตุแห่งการตายของบุคคลดังกล่าวเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ที่มีการปฏิบัติการใน
ทางปราบปรามตามมาตรา 16 ทวิ หรือในเขตห้ามมิให้บุคคลเข้าไปหรืออาศัยอยู่ตามมาตรา 17
โดยการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตายใน
ระหว่างอยู่ในความควบคุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามพระราชบัญญัตินี้
ให้พนักงานสอบสวนหรือนายทหารสัญญาบัตรที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายแห่งท้องที่ที่ศพนั้นอยู่ กับ
เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขประจำท้องที่ หรือแพทย์ประจำตำบล หรืออนามัยจังหวัด หรือ
แพทย์ประจำสถานีอนามัย หรือแพทย์ประจำโรงพยาบาลหรือแพทย์ทหาร หรือเจ้าหน้าที่เสนารักษ์
ทหารที่ปฏิบัติราชการอยู่ในท้องที่นั้น เป็นผู้ชันสูตรพลิกศพโดยเร็ว และให้ทำบันทึกรายละเอียด
แห่งการชันสูตรนั้นไว้
   ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนหรือนายทหารสัญญาบัตรที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายแจ้งแก่
ผู้มีหน้าที่ไปทำการชันสูตรพลิกศพทราบ
   เมื่อได้มีการชันสูตรพลิกศพแล้ว ให้ส่งบันทึกรายละเอียดแห่งการชันสูตรนั้นไปยังพนักงาน
สอบสวน และให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้วส่งสำนวนชันสูตรพลิกศพไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด
ถ้าเป็นกรณีที่มีความตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติ
ราชการตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่ง
อ้างว่าปฏิบัติราชการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดส่งสำนวนชันสูตรพลิกศพไปยัง
อธิบดีกรมอัยการและให้อธิบดีกรมอัยการมีอำนาจออกคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ถ้าเป็นคดีที่อยู่ใน
อำนาจศาลทหาร ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดส่งสำนวนชันสูตรพลิกศพไปยังกรมพระธรรมนูญ และ
ให้เจ้ากรมพระธรรมนูญมีอำนาจออกคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง
   หากปรากฏว่าการชันสูตรพลิกศพตามวรรคหนึ่ง จะเป็นอุปสรรคแก่การปฏิบัติในการป้องกันและ
ปราบปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์หรือจะเป็นอันตรายแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้กระทำการ
ตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว จะไม่ทำการชันสูตรพลิกศพก็ได้ แต่ให้ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
จังหวัด หรือผู้ที่ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัดมอบหมาย
โดยความเห็นชอบของผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาคหรือของผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาคหรือของผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
ทั่วไป ทำบันทึกเหตุนั้นไว้ แล้วส่งบันทึกไปยังพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและ
ดำเนินการตามวรรคสาม"
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ส. โหตระกิตย์
รองนายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วย
การป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้ให้อำนาจหน้าที่ผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ตลอดจนอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและปราบปราม
การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์เฉพาะในเขตแทรกซึมของคอมมิวนิสต์เท่านั้น ซึ่งในบางครั้ง
การปราบปรามคอมมิวนิสต์ต้องกระทำนอกเขตดังกล่าว สมควรยกเลิกเขตแทรกซึมของคอมมิวนิสต์
และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ให้เหมาะสม โดย
กำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไป ผู้อำนวยการ
ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาค และผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จังหวัด
ให้มีการประสานงาน และมีการควบคุมการใช้อำนาจ ตลอดจนการวางเงื่อนไขและหลักเกณฑ์
การใช้อำนาจให้เป็นไปตามลำดับขั้นตอน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันและ
ปราบปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ รวมทั้งจำกัดการใช้อำนาจดังกล่าวให้อยู่ภายในขอบเขต
ของกฎหมายด้วย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
(ร.จ. เล่ม 96 ตอนที่ 28 หน้า 26 วันที่ 1 มีนาคม 2522)