พระราชบัญญัติ
               บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 5)
                              พ.ศ. 2522
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                   ให้ไว้ ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522
                        เป็นปีที่ 34 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ
ให้ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2522"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
พ.ศ. 2502 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 7 ให้กำหนดทุนเรือนหุ้นของบรรษัทเป็นจำนวนหุ้นสามัญสี่ล้านหุ้น มีมูลค่าหุ้นละหนึ่ง
ร้อยบาท รวมเป็นทุนสี่ร้อยล้านบาท
   ทุนที่กล่าวนั้นอาจเพิ่มขึ้นได้ด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่ โดยมติพิเศษของที่ประชุมผู้ถือหุ้น แต่
การลดทุนจะกระทำมิได้
   มูลค่าหุ้นตามวรรคหนึ่ง อาจเพิ่มหรือลดได้โดยมติพิเศษของที่ประชุมผู้ถือหุ้น"

   มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 233 ลงวันที่
31 ตุลาคม พ.ศ. 2515 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 21 ให้คณะกรรมการแต่งตั้งผู้ซึ่งมีสัญชาติไทย มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม
ตามมาตรา 18 เป็นผู้จัดการทั่วไปของบรรษัท
   ตราบใดที่เงินซึ่งรัฐบาลให้บรรษัทกู้ยืมยังมีค้างอยู่ หรือการค้าประกันที่รัฐบาลให้ไว้ตาม
มาตรา23 ยังไม่สิ้นอายุการบังคับ การแต่งตั้งผู้จัดการทั่วไปตามวรรคหนึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบ
จากรัฐมนตรี
   ผู้จัดการทั่วไปเป็นผู้บริหารกิจการของบรรษัทให้เป็นไปตามนโยบายที่คณะกรรมการกำหนด และ
มีอำนาจบังคับบัญชาลูกจ้างของบรรษัททุกตำแหน่ง
   ให้ผู้จัดการทั่วไปเป็นกรรมการของบรรษัทโดยตำแหน่ง"

   มาตรา 5 เมื่อบรรษัทลดมูลค่าหุ้นสำหรับหุ้นที่ออกแล้วตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติบรรษัท
เงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 ให้บรรษัทออกใบหุ้นใหม่มีมูลค่าตามมาตรา 7
แห่งพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัตินี้จนครบมูลค่าหุ้นเดิม

   มาตรา6ให้ผู้จัดการทั่วไปของบรรษัทซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามมาตรา21 แห่งพระราชบัญญัติ
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 อยู่แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการทั่วไปของบรรษัทตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ต่อไปได้จนกว่าจะมีการแต่งตั้ง
ผู้จัดการทั่วไปตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.
2502 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งต้องไม่ช้ากว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่
พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

   มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ส. โหตระกิตย์
รองนายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:-เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือ โดยที่พระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุน
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 มีบทบัญญัติบางประการยังไม่เหมาะสมกับภาวะการณ์
ในปัจจุบัน สมควรแก้ไขเพิ่มเติมโดยลดมูลค่าหุ้นของบรรษัทลงเป็นระดับเดียวกับมูลค่าของหลักทรัพย์
จดทะเบียนทั่วๆ ไป ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ไม่เป็นอุปสรรคในการกระจาย
หุ้นออกสู่ผู้มีเงินออมส่วนย่อย และกำหนดให้มูลค่าหุ้นของบรรษัทสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยมติพิเศษ
ของที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อให้เป็นการคล่องตัวตามภาวะของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้ควรให้รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังได้มีส่วนในการกำหนดแนวนโยบายและกำกับ
การดำเนินงานของบรรษัทได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยให้การแต่งตั้งผู้จัดการทั่วไปของบรรษัทต้องได้รับ
ความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตราบเท่าที่เงินซึ่งรัฐบาลให้บรรษัทกู้ยืมยัง
คงมีค้างอยู่ หรือการค้ำประกันที่รัฐบาลให้ไว้ยังไม่สิ้นอายุการบังคับ จึงจำเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัตินี้ขึ้น
(ร.จ. เล่ม 96 ตอนที่ 27 หน้า 13 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2522)