พระราชบัญญัติ
                           การประปาส่วนภูมิภาค
                              พ.ศ. 2522
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                   ให้ไว้ ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522
                        เป็นปีที่ 34 ในรัชการปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรจัดตั้งการประปาส่วนภูมิภาค
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม
ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
   "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค
   "กรรมการ" หมายความว่า กรรมการในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค
   "ผู้ว่าการ" หมายความว่า ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค
   "พนักงาน" หมายความว่า พนักงานของการประปาส่วนภูมิภาครวมทั้งผู้ว่าการ
   "ลูกจ้าง" หมายความว่า ลูกจ้างของการประปาส่วนภูมิภาค
   "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจ
ออกระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 5 ให้จัดตั้งการประปาขึ้นเรียกว่า "การประปาส่วนภูมิภาค" เรียกโดยย่อว่า "กปภ."
และให้เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ในการประกอบและส่งเสริมธุรกิจการประปาโดยการสำรวจ จัด
หาแหล่งน้ำดิบ และจัดให้ได้มาซึ่งน้ำดิบ เพื่อใช้ในการผลิต จัดส่งและจำหน่ายน้ำประปารวมทั้ง
การดำเนินธุรกิจอื่นที่เกี่ยวกับหรือต่อเนื่องกับธุรกิจการประปา เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่การให้บริการ
สาธารณูปโภค โดยคำนึงถึงประโยชน์ของรัฐและสุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นสำคัญ

   มาตรา 6 กปภ. มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร และจะตั้งสำนักงานสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ
ที่ใดในและนอกราชอาณาจักรก็ได้แต่การตั้งสำนักงานสาขานอกราชอาณาจักร ต้องได้รับอนุมัติ
จากรัฐมนตรีก่อน

   มาตรา 7 ให้ กปภ. มีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ตามมาตรา 5
และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
   (1) ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองหรือทรัพยสิทธิต่าง ๆ สร้าง ซื้อจัดหา ขาย จำหน่าย เช่า
ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม รับจำนำ รับจำนอง และเปลี่ยน โอน รับโอน หรือดำเนินการ
ใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน ทั้งในและนอกราชอาณาจักร ตลอดจนรับทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
   (2) สำรวจ วางแผน และพัฒนาแหล่งน้ำดิบ ตลอดจนจัดให้ได้มาซึ่งน้ำดิบ
   (3) สำรวจ วางแผน และสร้างระบบการผลิต การส่ง และการจำหน่ายน้ำประปา
   (4) กำหนดราคาจำหน่ายน้ำประปา อัตราค่าบริการ ค่าเครื่องอุปกรณ์และค่าสิ่งของ
อำนวยความสะดวก ตลอดจนวิธีการและเงื่อนไขในการชำระราคาและค่าตอบแทนดังกล่าว
   (5) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้น้ำประปาเพื่อประโยชน์ในการให้บริการ
สาธารณูปโภค
   (6) กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการใช้และบำรุงรักษาทรัพย์สินของ กปภ.
   (7) กู้หรือยืมเงินภายในและภายนอกราชอาณาจักร
   (8) ให้กู้หรือให้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แก่การประกอบและ
ส่งเสริมธุรกิจของ กปภ.
   (9) ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
  (10) ถือหุ้นหรือเข้าเป็นหุ้นส่วนหรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์แก่การประกอบและ
ส่งเสริมธุรกิจของ กปภ.

   มาตรา 8 ให้ กปภ. มีอำนาจดำเนินการเพื่อจำหน่ายน้ำประปาในเขตท้องที่ซึ่งอยู่นอกเขตที่
การประปานครหลวงมีอำนาจดำเนินการ แต่ กปภ. อาจดำเนินการจำหน่ายน้ำประปาในเขตที่
การประปานครหลวงมีอำนาจดำเนินการได้ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากการประปานครหลวงแล้ว

   มาตรา 9 ทุนของ กปภ. ประกอบด้วย
   (1) เงินและทรัพย์สินที่โอนมาตามมาตรา 45 และมาตรา 50 เมื่อได้หักหนี้สินออกแล้ว
   (2)เงินที่ได้รับการจัดสรรให้ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย เพื่อดำเนินงานหรือ
ขยายกิจการ
   (3) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้

   มาตรา 10 เงินสำรองของ กปภ. ให้ประกอบด้วยเงินสำรองธรรมดา ซึ่งตั้งไว้เผื่อขาด เงิน
สำรองเพื่อขยายกิจการ เงินสำรองเพื่อการไถ่ถอนหนี้ และเงินสำรองอื่น ๆ ตามความประสงค์แต่
ละอย่างโดยเฉพาะตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
   เงินสำรองจะนำออกใช้ได้ก็แต่โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ

   มาตรา 11 ทรัพย์สินของ กปภ. ซึ่งใช้หรือจะใช้ในการดำเนินการเพื่อประสิทธิภาพแห่ง
ระบบการประปา ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี

   มาตรา 12 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า "คณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค"
ประกอบด้วยประธานกรรมการ อธิบดีกรมโยธาธิการ อธิบดีกรมอนามัย ผู้ว่าการ และกรรมการอื่นอีก
ไม่เกินเจ็ดคนเป็นกรรมการ
   ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่น
   ให้ผู้ว่าการเป็นเลขานุการคณะกรรมการ

   มาตรา 13 เพื่อประโยชน์แห่งกิจการของ กปภ. ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ
เพื่อดำเนินกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดของ กปภ. แล้วรายงานต่อคณะกรรมการ

   มาตรา 14 ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง ต้อง
   (1) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง
   (2) ไม่มีส่วนได้เสียในธุรกิจที่กระทำกับ กปภ. หรือในกิจการที่เป็นการแข่งขันกับกิจการ
ของ กปภ. ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
   (3) มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการ
และพนักงานรัฐวิสาหกิจ

   มาตรา 15 ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี
   ในกรณีที่กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ หรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
กรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้
ดำรงตำแหน่งแทนหรือเป็นกรรมการเพิ่มขึ้น อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้
แต่งตั้งไว้แล้ว
   เมื่อครบกำหนดตามวาระดังกล่าวในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งประธานกรรมการ
หรือกรรมการขึ้นใหม่ ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่ง
เพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่าประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่
   ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ แต่ไม่เกิน
สองวาระติดต่อกัน

   มาตรา 16 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 15 ประธานกรรมการหรือ
กรรมการหรือกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
   (1) ตาย
   (2) ลาออก
   (3) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
   (4) ขาดการประชุมคณะกรรมการเกินสามครั้งติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร
   (5) คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออก
   (6) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 14

   มาตรา 17 ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมและทั่วไปซึ่งกิจการของ กปภ.
อำนาจหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึง
   (1) วางข้อบังคับเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรา 5 และมาตรา 7
   (2) วางข้อบังคับว่าด้วยการประชุม และการดำเนินกิจการของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ
   (3) วางข้อบังคับว่าด้วยการจัดแบ่งส่วนงานของ กปภ. และวางข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงาน
ต่าง ๆ ของ กปภ.
   (4) วางข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติงานของผู้ว่าการ และการมอบให้ผู้อื่นปฏิบัติงานแทนผู้ว่าการ
   (5) วางข้อบังคับกำหนดตำแหน่ง อัตราเงินเดือน ค่าจ้าง และเงินอื่น ๆ ของพนักงานและลูกจ้าง
   (6) วางข้อบังคับว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง การเลื่อนขั้นเงินเดือนหรือค่าจ้าง การถอดถอน
ระเบียบวินัย การลงโทษและการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง
   (7) วางข้อบังคับว่าด้วยการร้องทุกข์ของพนักงานและลูกจ้าง
   (8) วางข้อบังคับว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นเพื่อสวัสดิการของพนักงานและ
ลูกจ้างและครอบครัว โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
   (9) วางข้อบังคับว่าด้วยการจ่ายค่าพาหนะ เบี้ยเลี้ยงเดินทางค่าเช่าที่พัก ค่าทำงานล่วงเวลา
เบี้ยประชุม และการจ่ายเงินอื่น ๆ
  (10) วางข้อบังคับว่าด้วยเครื่องแบบพนักงานและลูกจ้าง
  (11) กำหนดราคาจำหน่ายน้ำประปาและอัตราค่าบริการ ตลอดจนวิธีการและเงื่อนไขใน
การชำระราคาและค่าบริการ
  (12) วางข้อบังคับเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้และรักษาทรัพย์สินของ กปภ.

   มาตรา 18 ในข้อบังคับตามมาตรา 17 ถ้ามีข้อความจำกัดอำนาจของผู้ว่าการในการทำนิติกรรม
ไว้ประการใด ให้รัฐมนตรีประกาศข้อความเช่นว่านั้นในราชกิจจานุเบกษา

   มาตรา 19 ให้คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้ว่าการด้วยความเห็นชอบ
ของคณะรัฐมนตรี

   มาตรา 20 ผู้ว่าการ ต้อง
   (1) ไม่มีส่วนได้เสียในธุรกิจที่กระทำกับ กปภ. หรือในกิจการที่เป็นการแข่งขันกับกิจการ
ของ กปภ. ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
   (2) มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและ
พนักงานรัฐวิสาหกิจ

   มาตรา 21 ผู้ว่าการพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
   (1) ตาย
   (2) ลาออก
   (3) คณะกรรมการมีมติให้ออก
   (4) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
   (5) ขาดการประชุมคณะกรรมการเกินสองครั้งติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร
   (6) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 20
   มติของคณะกรรมการให้ผู้ว่าการออกจากตำแหน่งตาม (3) ต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อย
กว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่อยู่ในตำแหน่ง นอกจากผู้ว่าการ และต้องได้รับความเห็นชอบ
จากคณะรัฐมนตรี

   มาตรา 22 ผู้ว่าการมีอำนาจหน้าที่บริหารกิจการของ กปภ. ให้เป็นไปตามกฎหมายตาม
วัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของ กปภ. และตามนโยบายและข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด กับ
มีอำนาจบังคับบัญชาพนักงานและลูกข้างทุกตำแหน่ง
   ผู้ว่าการต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการในการบริหารกิจการของ กปภ.

   มาตรา 23 ผู้ว่าการมีอำนาจ
   (1) บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้างลงโทษทางวินัย พนักงานและ
ลูกจ้าง ตลอดจนให้พนักงานและลูกจ้างออกจากตำแหน่งตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าเป็น
พนักงานหรือลูกจ้างชั้นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้อำนวยการฝ่าย หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไป จะ
ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน
   (2) กำหนดเงื่อนไขในการทำงานของพนักงานและลูกจ้าง และออกระเบียบว่าด้วยการปฏิบัติงาน
ของ กปภ. โดยไม่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด

   มาตรา 24 ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้ผู้ว่าการเป็นผู้แทนของ กปภ. และเพื่อการนี้
ผู้ว่าการจะมอบอำนาจให้บุคคลใด ๆ ปฏิบัติงานเฉพาะอย่างแทนก็ได้ แต่ต้องเป็นไปตามข้อบังคับที่
คณะกรรมการกำหนด
   นิติกรรมที่ผู้ว่าการกระทำโดยฝ่าฝืนข้อบังคับตามมาตรา 18 ย่อมไม่ผูกพัน กปภ. เว้นแต่
คณะกรรมการจะให้สัตยาบัน

   มาตรา 25 ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือตำแหน่งผู้ว่าการว่างลง และยัง
มิได้แต่งตั้งผู้ว่าการ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ
   ให้ผู้รักษาการแทนผู้ว่าการมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกันกับผู้ว่าการ

   มาตรา 26 ให้ประธานกรรมการและกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามระเบียบที่
คณะรัฐมนตรีกำหนด

   มาตรา 27 ประธานกรรมการ กรรมการ และพนักงานอาจได้รับเงินรางวัลตามระเบียบที่
คณะรัฐมนตรีกำหนด

   มาตรา 28 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ประธานกรรมการ กรรมการ และพนักงาน
เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

   มาตรา 29 เพื่อประโยชน์ในการสร้างและบำรุงรักษาระบบการผลิต การส่ง และการจำหน่าย
น้ำประปา เช่น แหล่งน้ำดิบ ท่อน้ำโรงงานสูบน้ำ เครื่องวัดปริมาณน้ำ ถังพักน้ำ โรงกรองน้ำ ถังตก
ตะกอน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พนักงานและลูกจ้างมีอำนาจใช้สอยหรือเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งมิใช่ที่อยู่อาศัยของบุคคลใด ๆ เป็นการชั่วคราวภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
   (1) การใช้สอยหรือครอบครองนั้นเป็นการจำเป็นสำหรับการสำรวจเพื่อสร้างหรือบำรุงรักษาระบบ
การผลิต การส่ง และการจำหน่ายน้ำประปา หรือเป็นการจำเป็นสำหรับการป้องกันอันตรายหรือ
ความเสียหายที่จะเกิดแก่ระบบการผลิต การส่ง และการจำหน่ายน้ำประปา
   (2) กปภ. ได้บอกกล่าวให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทราบล่วงหน้าแล้วโดยแจ้งเป็น
หนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทราบภายในเวลาอันสมควรแต่ต้องไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
ถ้าไม่อาจติดต่อกับเจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ได้ให้ประกาศให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง
อสังหาริมทรัพย์นั้นทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน การประกาศให้ทำเป็นหนังสือปิดไว้ ณ ที่ซึ่ง
อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่และ ณ ที่ว่าการเขตหรือที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการกำนัน และที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน
ซึ่งอสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ ทั้งนี้ ให้แจ้งกำหนดวันเวลา และการที่จะกระทำนั้นไว้ด้วย
   ในการปฏิบัติตามมาตรานี้ พนักงานหรือลูกจ้างต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง
   ในกรณีที่การปฏิบัติของพนักงานหรือผู้ซึ่งปฏิบัติงานร่วมกับพนักงานตามมาตรานี้ก่อให้เกิด
ความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือผู้ทรงสิทธิอื่น บุคคลนั้นย่อมเรียกค่าทดแทน
จาก กปภ. ได้ และถ้าไม่สามารถตกลงกันในจำนวนค่าทดแทน ให้มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการ
วินิจฉัย และให้นำกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 30 ในการผลิต การส่ง และการจำหน่ายน้ำประปา ให้ กปภ. มีอำนาจเดินท่อน้ำ
และติดตั้งอุปกรณ์ไปได้ เหนือ ตาม หรือข้ามพื้นดินของบุคคลใด ๆ ในเมื่อที่ดินนั้นมิใช่ที่ตั้งโรงเรือน
สำหรับอยู่อาศัย
   ให้ กปภ. มีอำนาจกำหนดบริเวณที่ดินที่เดินท่อน้ำและติดตั้งอุปกรณ์โดยมีความกว้างจากท่อน้ำด้าน
ละไม่เกินสองเมตรห้าสิบเซนติเมตรสำหรับท่อน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่แปดสิบเซนติเมตรขึ้นไป
และให้ กปภ. ทำเครื่องหมายแสดงเขตไว้ในบริเวณดังกล่าวตามระเบียบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
   ในบริเวณที่กำหนดตามวรรคสอง ให้ กปภ. มีอำนาจรื้อถอนสิ่งที่สร้างหรือทำขึ้น หรือตัดฟัน ต้น กิ่ง
หรือรากของต้นไม้ หรือพืชผลอย่างใด ๆ  ได้โดยต้องจ่ายค่าทดแทนในการที่ใช้ที่ดิน และในการรื้อถอน
หรือตัดฟัน แล้วแต่กรณี ให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองด้วยจำนวนเงินอันเป็นธรรม เว้นแต่เจ้าของหรือ
ผู้ครอบครองเป็นผู้ได้รับประโยชน์คุ้มค่าในการกระทำนั้นอยู่ด้วย ในกรณีที่ไม่สามารถตกลงกันได้
ในจำนวนเงินค่าทดแทน ให้นำมาตรา 29 วรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม
   เมื่อได้มีการชดใช้ค่าทดแทนแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวแล้ว หรือเจ้าของ หรือผู้
ครอบครองเต็มใจไม่รับหรือไม่มีสิทธิรับค่าทดแทน ต่อไปจะเรียกร้องค่าทดแทนอีกมิได้
   ก่อนที่จะดำเนินการดังกล่าวข้างต้น ให้ กปภ. แจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สิน
ที่เกี่ยวข้องทราบ และให้นำมาตรา 29 วรรคหนึ่ง (2) มาใช้บังคับโดยอนุโลม แต่เจ้าของหรือผู้
ครอบครองทรัพย์สินนั้นอาจยื่นคำร้องแสดงเหตุที่ไม่สมรควรทำเช่นนั้นไปยังคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัยภาย
ในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด

   มาตรา 31 ในบริเวณที่กำหนดตามมาตรา 30 วรรคสอง ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างโรงเรือนหรือสิ่ง
ปลูกสร้างอย่างอื่น ปลูกต้นไม้ หรือกระทำการใด ๆ อันอาจทำให้เกิดอันตรายหรือเป็นอุปสรรคต่อระบบ
การผลิต การส่งและการจำหน่ายน้ำประปา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจาก กปภ.เป็นหนังสือ ใน
การอนุญาตนั้นจะอนุญาตโดยมีเงื่อนไขอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยก็ได้ บรรดาโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น
ต้นไม้ หรือสิ่งอื่นใดที่ปลูกขึ้นหรือทำขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก กปภ. ให้ กปภ. มีอำนาจรื้อถอนขนย้าย
ตัดฟัน  หรือกระทำการใด ๆ ได้ตามควรแก่กรณี โดยไม่จำต้องชดใช้ค่าเสียหาย และผู้ฝ่าฝืน
ต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการนั้นด้วย

   มาตรา 32 ในกรณีจำเป็นและเร่งด่วนเพื่อป้องกันอันตรายหรือความเสียหาย พนักงานและลูกจ้าง
อาจเข้าไปในที่ดินหรือสถานที่ของบุคคลใด ๆ เพื่อตรวจ ซ่อมแซมหรือแก้ไขระบบการผลิต การส่งและ
การจำหน่ายน้ำประปาได้ แต่ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองอยู่ ณ ที่นั้นด้วย ก็ให้พนักงานหรือลูกจ้างแจ้ง
ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทราบก่อน
   การเข้าดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ตกถึงพระอาทิตย์ขึ้นจะต้อง
ได้รับความยินยอมจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองก่อน แต่ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่อยู่ ณ ที่นั้นด้วย
ต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลซึ่งอยู่ในสถานที่นั้นก่อน

   มาตรา 33 เมื่อ กปภ. มีความจำเป็นที่จะต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้ในการวางหรือจัด
สร้างระบบการผลิต การส่ง และการจำหน่ายน้ำประปา ถ้าไม่สามารถตกลงในเรื่องการโอนกันได้
ให้ดำเนินการเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์

   มาตรา 34 ผู้ใดขัดขวางการกระทำของ กปภ.  หรือพนักงานหรือลูกจ้างบซึ่งกระทำการ
ตามหน้าที่ตามมาตรา 25 มาตรา 30 มาตรา 31 หรือมาตรา 32 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
หกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 35 พนักงานและลูกจ้างมีสิทธิร้องทุกข์หรืออุทธรณ์ได้ตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด

   มาตรา 36 ให้ กปภ. จัดให้มีกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นเพื่อ
สวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างและครอบครัวในกรณีพ้นจากตำแหน่ง ประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วย ตาย
หรือกรณีอื่นอันควรแก่การสงเคราะห์
   การจัดให้มีกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นตามวรรคหนึ่งการออกเงินสมทบเข้า
กองทุนสงเคราะห์ การกำหนดประเภทของผู้ซึ่งพึงได้รับการสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ การจ่าย
เงินสงเคราะห์ และการจัดการกองทุนสงเคราะห์ให้เป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด

   มาตรา 37 กปภ. ต้องทำงบประมาณประจำปี โดยให้แยกเป็นงบลงทุนและงบทำการ สำหรับงบ
ลงทุนนั้นให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและให้ความเห็นชอบ ส่วนงบทำการนั้นให้นำ
เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ

   มาตรา 38 รายได้ที่ กปภ. ได้รับจากการดำเนินงานในปีหนึ่ง ๆ ให้ตกเป็นของ กปภ. สำหรับ
เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเมื่อได้หักรายจ่ายสำหรับการดำเนินงาน ค่าภาระต่าง ๆ
ที่เหมาะสม เช่น ค่าบำรุงรักษา ค่าเสื่อมราคา เงินสำรองตามมาตรา 10 และเงิน
สมทบกองทุนสงเคราะห์อื่นตามมาตรา 36 และเงินลุงทุนตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว
เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
   ถ้ารายได้มีไม่เพียงพอสำหรับรายจ่ายตามวรรคหนึ่ง นอกจากเงินสำรองตามมาตรา 10 และ
กปภ. ไม่สามารถหาเงินจากทางอื่นได้ รัฐบาลพึงจ่ายเงินให้แก่ กปภ. เท่าจำนวนที่จำเป็น

   มาตรา 39 กปภ. ต้องเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธนาคารอื่น
ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

   มาตรา 40 กปภ. ต้องวางและถือไว้ซึ่งระบบการบัญชีที่เหมาะสมแก่กิจการแยกตามประเภทงาน
ส่วนที่สำคัญ มีสมุดบัญชีลงรายการรับและจ่ายเงิน สินทรัพย์และหนี้สินที่แสดงกิจการที่เป็นอยู่
ตามความจริงและตามที่ควร ตามประเภทงาน พร้อมด้วยข้อความอันเป็นที่มาของรายการนั้น ๆ และ
ให้มีการตรวจสอบบัญชีภายในเป็นประจำ

   มาตรา 41 กปภ. ต้องจัดทำงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนส่งผู้สอบบัญชีภายใน
หนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี

   มาตรา 42 ทุกปีให้สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีทำการตรวจสอบรับรอง
บัญชีและการเงินทุกประเภทของ กปภ.

   มาตรา 43 ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบสรรพสมุด บัญชีและเอกสารหลักฐานของ กปภ.
เพื่อการนี้ให้มีอำนาจสอบถามประธานกรรมการ กรรมการ ผู้ว่าการ พนักงานและลูกจ้างของ กปภ.

   มาตรา 44 ผู้สอบบัญชีต้องทำรายงานผลการสอบบัญชีและการเงินเสนอต่อคณะกรรมการ
ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชีเพื่อคณะกรรมการเสนอต่อรัฐมนตรี

   มาตรา 45 ให้คณะกรรมการทำรายงานปีละครั้งเสนอรัฐมนตรีรายงานนี้ให้กล่าวถึงผลงานของ
กปภ. ในปีที่ล่วงมาแล้ว พร้อมทั้งคำชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายของคณะกรรมการ โครงการและ
แผนงานที่จะจัดทำในภายหน้า
   ให้กปภ. โฆษณารายงานประจำปีที่สิ้นไป โดยแสดงงบดุล บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบ
บัญชีรับรองว่าถูกต้องแล้ว รวมทั้งรายงานสรุปผลงานในปีที่ล่วงมาภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับ
แต่วันสิ้นปีบัญชีของ กปภ.

   มาตรา 46 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ กปภ. เพื่อการนี้จะสั่ง
ให้ กปภ. ชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็นทำรายงาน หรือยับยั้งการกระทำของ กปภ. ที่ขัดต่อ
นโยบายของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรี ตลอดจนมีอำนาจที่จะสั่งให้ปฏิบัติการตามนโยบาย
ของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรี และสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินกิจการได้

   มาตรา 47 ในกรณีที่ กปภ. จะต้องเสนอเรื่องใด ๆ ไปยังคณะรัฐมนตรี ให้ กปภ. นำเรื่องเสนอ
รัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อไปยังคณะรัฐมนตรี

   มาตรา 48 กปภ. ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการดังต่อไปนี้ได้
   (1) ลงทุนเพื่อขยายโครงการเดิมหรือริเริ่มโครงการใหม่ซึ่งมีวงเงินเกินห้าล้านบาท
   (2) กู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงินมีจำนวนเกินคราวละห้าล้านบาท
   (3) ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
   (4) จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์อันมีราคาเกินห้าแสนบาท
   (5) จำหน่ายทรัพย์สินอันมีราคาเกินหนึ่งแสนบาทจากบัญชีเป็นสูญ
   (6) กำหนดอัตราราคาจำหน่ายน้ำประปา
   (7) ถือหุ้นหรือเข้าเป็นหุ้นส่วนหรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์แก่การประกอบและส่งเสริม
ธุรกิจของ กปภ.

   มาตรา 49 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ตลอดจนงบประมาณและทุนหมุนเวียน
การจำหน่ายน้ำประปาในส่วนภูมิภาคของกรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทย ในส่วนที่เกี่ยวกับกิจการ
ประปา ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและ กปภ. จะได้ตกลงกันไปเป็นของ กปภ. ทั้งนี้
ภายในเวลาไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

   มาตรา 50 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ตลอดจนงบประมาณของกรมอนามัย
กระทรวงสาธารณสุข ในส่วนที่เกี่ยวกับกิจการประปา ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ
กปภ. จะได้ตกลงกันไปเป็นของ กปภ. ทั้งนี้ ภายในเวลาไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้
ใช้บังคับ

   มาตรา 51 สิทธิตามมาตรา 49 และมาตรา 50 ให้หมายความรวมถึงสิทธิในการใช้ที่ราชพัสดุ
ของกรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทยหรือกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แล้วแต่กรณีด้วย ทั้งนี้
เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินที่โอนไป

   มาตรา 52 ข้าราชการหรือลูกจ้างผู้ใดของกรมโยธาธิการกระทรวงมหาดไทย และของกรมอนามัย
กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับกิจการที่โอนไปตามมาตรา 49 หรือมาตรา 50
แล้วแต่กรณีถ้าสมัครใจจะโอนไปปฏิบัติงานกับ กปภ. และได้แจ้งความจำนงเป็นหนังสือต่ออธิบดี
เจ้าสังกัดภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้โอนข้าราชการหรือลูกจ้างผู้นั้น
ไปเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของ กปภ. แล้วแต่กรณี
   ลูกจ้างตามวรรคหนึ่งให้หมายความรวมถึงลูกจ้าง เงินทุนหมุนเวียนการจำหน่ายน้ำประปาในส่วน
ภูมิภาคของกรมโยธาธิการด้วย
   ให้ข้าราชการหรือลูกจ้างที่โอนไปเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของ กปภ. ตามวรรคหนึ่งได้รับเงินเดือน
หรือค่าจ้าง รวมทั้งสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ เท่ากับที่เคยได้รับอยู่เดิมไปพลางก่อนจนกว่าผู้ว่าการจะ
ได้บรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง แต่จะแต่งตั้งให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเงินเดือนหรือ
ค่าจ้างที่ได้รับอยู่เดิมไม่ได้

   มาตรา 53 การโอนข้าราชการตามมาตรา 52 ให้ถือว่าเป็นการให้ออกจากประจำการเพราะเลิก
หรือยุบตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
   การโอนลูกจ้างตามมาตรา 52 ให้ถือว่าเป็นการให้ออกจากงานเพราะทางราชการยุบตำแหน่งหรือ
ทางราชการเลิกจ้าง โดยไม่มีความผิดและให้ได้รับบำเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลังว่า
ด้วยบำเหน็จลูกจ้าง
   เพื่อประโยชน์ในการนับเวลาการทำงานสำหรับคำนวณบำเหน็จหรือบำนาญตามข้อบังคับของ กปภ.
(ถ้ามี) ข้าราชการหรือลูกจ้างที่โอนไปตามมาตรา 52 ผู้ใดประสงค์จะให้นับเวลาราชการหรือเวลา
ทำงานในขณะที่เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างก่อนที่มีการโอนเป็นเวลาการทำงานของพนักงานหรือลูกจ้าง
ของ กปภ. แล้วแต่กรณี ก็ให้มีสิทธิกระทำได้โดยการบอกเลิกรับบำเหน็จบำนาญ
   การบอกเลิกรับบำเหน็จบำนาญตามวรรคสาม จะต้องกระทำภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่โอน
สำหรับกรณีของข้าราชการ ให้ดำเนินการบอกเลิกตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
สำหรับกรณีของลูกจ้าง ให้ดำเนินการบอกเลิกโดยกระทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อเป็นหลักฐานยื่นต่อ
ผู้ว่าจ้างเพื่อส่งต่อไปให้กระทรวงการคลังเพื่อทราบ

   มาตรา 54 ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ในระหว่างที่ยังไม่
มีการแต่งตั้งผู้ว่าการ คณะกรรมการจะแต่งตั้งให้กรรมการหรือพนักงานคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการใน
ตำแหน่งผู้ว่าการก็ได้ โดยให้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ว่าการ และเพื่อการนี้มิให้นำมาตรา 14 มา
ใช้บังคับในการแต่งตั้งดังกล่าว

   มาตรา 55 ภายในสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอาจ
แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนผู้หนึ่งผู้ใดไปปฏิบัติงานใน กปภ. อีกตำแหน่งหนึ่งได้ เมื่อได้รับอนุมัติจาก
รัฐมนตรีเจ้าสังกัดของผู้นั้น โดยให้ข้าราชการพลเรือนผู้นั้นมีสิทธิที่จะขอรับเงินเดือนในตำแหน่งเดิม
หรือเงินเดือนในตำแหน่งใน กปภ. เพียงแห่งเดียวก็ได้ และเพื่อการนี้มิให้นำข้อบังคับตามมาตรา 17
(5) มาตรา 20 กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนและกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติ
มาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจมาใช้บังคับแก่การดำรงตำแหน่งของข้าราชการ
พลเรือนผู้นั้น
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ส. โหตระกิตย์
รองนายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะปรับปรุงและ
ขยายกิจการประปาในส่วนภูมิภาคให้ดียิ่งขึ้น ในการนี้สมควรโอนกิจการประปาในส่วนภูมิภาค และหน่วย
งานก่อสร้างประปาภูมิภาคของกรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทย กิจการประปาชนบท และหน่วย
ก่อสร้างประปาชนบทของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ไปจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจเรียกว่า "การ
ประปาส่วนภูมิภาค" สังกัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการผลิต จัดส่ง และ
จำหน่ายน้ำประปาในส่วนภูมิภาคจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
(ร.จ. เล่ม 96 ตอนที่ 26 หน้า 1 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2522)