พระราชบัญญัติ
                    ระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ 4)
                              พ.ศ. 2522
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                   ให้ไว้ ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522
                        เป็นปีที่ 34 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอม
ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ 4)
พ.ศ. 2522"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. 2518 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน
พ.ศ. 2520 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 6 ให้มีคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนคณะหนึ่ง เรียกโดยย่อว่า "ก.พ." ประกอบ
ด้วยนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานและกรรมการซึ่ง
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิในหลักราชการซึ่งรับราชการหรือเคยรับราชการ
ในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือตำแหน่งที่เทียบเท่ามาแล้วและมิได้เป็นข้าราชการเมือง สมาชิกรัฐสภา
กรรมการพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง จำนวนไม่น้อยกว่าสิบสองคนแต่ไม่เกินสิบห้า
คน โดยต้องเป็นข้าราชการพลเรือนซึ่งรับราชการอยู่ไม่น้อยกว่าเจ็ดคน และให้เลขาธิการ ก.พ.
เป็นกรรมการโดยตำแหน่งด้วย
   กรรมการซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งจากข้าราชการพลเรือน ถ้าออกจาก
ราชการพลเรือน ให้พ้นจากตำแหน่ง"

   มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 11 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "การตั้ง อ.ก.พ. วิสามัญ เพื่อทำหน้าที่พิจารณาเรื่องการดำเนินการทางวินัย การออก
จากราชการ การร้องทุกข์หรือการอุทธรณ์ ให้ตั้งจากกรรมการซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
แต่งตั้งอย่างน้อยสองคน และข้าราชการพลเรือนผู้ได้รับเลือกจากข้าราชการพลเรือนตามหลักเกณฑ์
และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.พ. จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาขาของจำนวนอนุกรรมการทั้งหมด"

   มาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 105 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.
2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 105 การอุทธรณ์คำสั่งให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกให้อุทธรณ์ต่อ ก.พ. ภายในสามสิบ
วันนับแต่วันทราบคำสั่ง เมื่อ ก.พ.ได้พิจารณาวินิจฉัยแล้วให้รายงานนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
สั่งการต่อไป ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยกับมติของ ก.พ. และ ก.พ. และ ก.พ. พิจารณา
ความเห็นของนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังยืนตามมติเดิม ให้ ก.พ. รายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาวินิจฉัย
   การอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดใน
กฎ ก.พ.
   ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งการหรือคณะรัฐมนตรีมีมติตามวรรคหนึ่งให้ผู้อุทธรณ์กลับเข้ารับราชการ
หรือให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หรือให้ดำเนินการประการใด ให้กระทรวงทบวงกรม
ดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีหรือมติคณะรัฐมนตรี
   ในกรณีที่สั่งให้ผู้อุทธรณ์กลับเข้ารับราชการ ให้นำมาตรา 90 มาใช้บังคับโดยอนุโลม"
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ส. โหตระกิตย์
รองนายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ: เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่บทบัญญัติแห่งกฎหมายว่า
ด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในส่วนที่เกี่ยวกับองค์ประกอบของ ก.พ. และ อ.ก.พ. วิสามัญ และ
อำนาจของนายกรัฐมนตรีในการพิจารณาอุทธรณ์ยังไม่เหมาะสม สมควรแก้ไขให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อ
ให้นายกรัฐมนตรีสามารถมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่แทนได้ และเพื่อให้
กรรมการข้าราชการมีจำนวนเพิ่มขึ้นให้เหมาะสมกับสภาพของงานปัจจุบันที่มีมากขึ้น และเพื่อให้
อ.ก.พ. วิสามัญซึ่งทำหน้าที่พิจารณาเรื่องการดำเนินการทางวินัย และเพื่อให้ อ.ก.พ. วิสามัญซึ่ง
ทำหน้าที่พิจารณาเรื่องการดำเนินการทางวินัย การร้องทุกข์หรือการอุทธรณ์ต้องมีกรรมการข้าราชการ
พลเรือนร่วมเป็น อ.ก.พ. ด้วยอย่างน้อยสองคน นอกจากนั้นปรากฏว่าในปัจจุบันนี้การพิจารณาอุทธรณ์
ของนายกรัฐมนตรี กฎหมายบัญญัติให้นายกรัฐมนตรีต้องสั่งการตามคำวินิจฉัยของ ก.พ. จึงเป็นเหตุ
ให้นายกรัฐมนตรีจำต้องสั่งการ แม้บางกรณีจะไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยนั้นก็ตาม สมควรปรับปรุงแก้ไข
ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจใช้ดุลพินิจในการสั่งการได้ด้วย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
(ร.จ. เล่ม 96 ตอนที่ 24 หน้า 1 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2522)