พระราชบัญญัติ การเนรเทศ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2521 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2521 เป็นปีที่ 33 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการเนรเทศ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2521"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติการเนรเทศ พ.ศ. 2499 และ ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา6 เมื่อได้ออกคำสั่งให้เนรเทศผู้ใดแล้ว ให้รัฐมนตรีหรือเจ้าพนักงานซึ่งรัฐมนตรีมอบ หมายสั่งให้จับกุมและควบคุมผู้นั้นไว้ในที่แห่งใดแห่งหนึ่งจนกว่าจะได้จัดการให้เป็นไปตามคำสั่งเนรเทศ ในขณะที่ดำเนินการขอรับคำสั่งรัฐมนตรีเพื่อเนรเทศผู้ใด พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จะจับกุมและควบคุมผู้นั้นไว้ก่อนก็ได้ในกรณีเช่นว่านี้ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา ว่าด้วยการจับกุมและควบคุมมาใช้บังคับโดยอนุโลม ในระหว่างที่ผู้ถูกสั่งเนรเทศถูกควบคุมเพื่อรอการเนรเทศเนื่องจากยังไม่สามารถส่งตัวผู้ถูกสั่ง เนรเทศออกไปนอกราชอาณาจักรได้ หากผู้ถูกสั่งเนรเทศนั้นร้องขอ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งผ่อนผันให้ ส่งไปประกอบอาชีพ ณ ที่แห่งใด แทนการควบคุมเพื่อรอการเนรเทศตามที่เห็นสมควรได้ ทั้งนี้ โดย ให้ผู้ถูกสั่งเนรเทศนั้นมีประกัน หรือมีทั้งประกันและหลักประกันหรือทำทัณฑ์บนไว้ และให้บุคคลดังกล่าว มารายงานตน ณ สถานที่และตามระยะเวลาที่รัฐมนตรีกำหนด แต่ระยะเวลาที่กำหนดให้รายงาน ตนต้องไม่ห่างกันเกินหกเดือนต่อครั้ง"
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 9 จัตวา แห่งพระราชบัญญัติการเนรเทศ พ.ศ. 2499 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเนรเทศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2507 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 9 จัตวาผู้ใดให้พำนักซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดให้ผู้ที่หลบหนีจากการควบคุมตาม มาตรา 6 เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดให้ผู้ที่หลบหนีจากการควบคุมตามมาตรา 6 เข้าพำนัก ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้นั้นกระทำ ความผิดตามวรรคคแรก เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนไม่รู้โดยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว ถ้าความผิดดังกล่าวมาในวรรคแรก เป็นการกระทำเพื่อช่วยบิดา มารดา บุตร สามี หรือภริยา ของผู้กระทำ ศาลจะไม่ลงโทษก็ได้"
มาตรา 5 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 10 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการเนรเทศ พ.ศ. 2499 "มาตรา 10 ทวิ ผู้ใดได้รับการผ่อนผันตามคำสั่งของรัฐมนตรีที่ให้ส่งไปประกอบอาชีพ ณ ที่แห่ง ใดแทนการควบคุมเพื่อรอการเนรเทศตามมาตรา 6 วรรคสาม แล้วไม่ไป หรือไม่อยู่ประกอบอาชีพ ณ ที่นั้นตามคำสั่ง มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี แล้วให้ส่งตัวควบคุมเพื่อรอการเนรเทศ ตามคำสั่งเดิม"
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ :-เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องด้วยพระราชบัญญัติการเนรเทศ พ.ศ. 2499 และพระราชบัญญัติการเนรเทศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2502 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ ในปัจจุบันมีเหตุขัดข้องในทางปฏิบัติบางประการ เนื่องจากจำนวนผู้ถูกสั่งเนรเทศมีเพิ่มมากขึ้นและ บางกรณีไม่สามารถจะส่งตัวผู้ถูกสั่งเนรเทศออกไปนอกราชอาณาจักรได้ สมควรให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจใช้ดุลยพินิจในการสั่งผ่อนผันให้ส่งผู้ถูกสั่งเนรเทศในระหว่างที่ถูก คุมขังเพื่อการเนรเทศไปประกอบอาชีพ ณ ที่แห่งใด แทนการควบคุมเพื่อรอการเนรเทศตามที่เห็น สมควรได้ และปรับปรุงบทกำหนดโทษให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น (ร.จ. เล่ม 95 ตอนที่ 84 หน้า 9 17 สิงหาคม 2521) |