พระราชบัญญัติ
                       คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
                              พ.ศ. 2521
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                    ให้ไว้ ณ วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2521
                        เป็นปีที่ 33 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยสภาการศึกษาแห่งชาติ
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2521"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติสภาการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2512
   บรรดาบทกฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้หรือซึ่งขัดหรือ
แย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

   มาตรา 4 ให้มีคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรี
มอบหมายเป็นประธานกรรมการปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดทบวง
มหาวิทยาลัย อธิบดีกรมการปกครอง ผู้อำนวยการสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการ
สำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิ
จำนวนเจ็ดคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ โดยต้องแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้เป็นข้าราชการ
ประจำอย่างน้อยสี่คน และให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ
และรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
   ให้คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เลือกกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคนหนึ่ง เป็นรองประธาน
กรรมการ

   มาตรา 5 คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
   (1) เสนอแนะและให้ความเห็นเกี่ยวกับการศึกษาต่อคณะรัฐมนตรี
   (2) เสนอผลการปฏิบัติตามแผนการศึกษาแห่งชาติและแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ รวมทั้งปัญหา
และอุปสรรคต่อคณะรัฐมนตรีที่เข้ารับหน้าที่ใหม่เพื่อประกอบการพิจารณาในการกำหนดแนวนโยบาย
การศึกษาของรัฐบาล
   (3) พิจารณากำหนดแผนการศึกษาแห่งชาติและแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ และข้อเสนอของ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ แล้วทำความเห็นเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
   (4) เสนอความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีในกิจการเกี่ยวกับการศึกษาตามที่นายกรัฐมนตรีขอให้พิจารณา
   (5) จัดให้มีการประสานงานระหว่างสำนักงานคณะกรรมการศึกษาแห่งชาติกับส่วนราชการที่
เกี่ยวข้องกับการศึกษา ทั้งในด้านการจัดทำโครงการพัฒนา แผนงาน และในด้านการปฏิบัติงานตามแผน
   (6) กำกับและติดตามการดำเนินงานการศึกษาให้เป็นไปตามแผนการศึกษาแห่งชาติ และแผนพัฒนา
การศึกษาแห่งชาติ แล้วทำความเห็นเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งคราว

   มาตรา 6 กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี กรรมการซึ่ง
พ้นจากตำแหน่ง อาจได้รับแต่งตั้งอีกได้
   ให้กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้งใหม่

   มาตรา 7 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 6 กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
พ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
   (1) ตาย
   (2) ลาออก
   (3) เป็นบุคคลล้มละลาย
   (4) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
   (5) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดย
ประมาทหรือความผิดลหุโทษ
   ในกรณีที่กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ คณะรัฐมนตรีอาจแต่งตั้งผู้อื่นเป็น
กรรมการแทนได้
   ให้กรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งตามวรรคสอง อยู่ในตำแหน่งตามวาระของกรรมการซึ่งตนแทน

   มาตรา 8 ในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า
กึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
   ในการประชุมครั้งใด ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้รองประธาน
กรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการและรองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือ
ไม่อยู่ในที่ประชุมให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม

   มาตรา 9 การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมากกรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่ง
ในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

   มาตรา 10 ให้มีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ มีหน้าที่ดังต่อไปนี้
   (1) สำรวจ ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยสภาวะทางการศึกษาทั้งการศึกษาในระบบโรงเรียน
และการศึกษานอกโรงเรียน เพื่อเสนอแนะจุดมุ่งหมาย นโยบายการศึกษา วางแผนการศึกษาแห่งชาติ
และแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ
   (2) พิจารณาและประสานโครงการพัฒนาและแผนงานการศึกษาทุกระดับและประเภทของกระทรวง
ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัดและหน่วยงานส่วนท้องถิ่นอื่น ให้
สอดคล้องกับการศึกษาแห่งชาติและแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ
   (3) ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการศึกษาแห่งชาติและแผนพัฒนาการศึกษา
แห่งชาติ เพื่อให้คำแนะนำในการปรับปรุงการดำเนินงานเกี่ยวกับการศึกษาแก่กระทรวง ทบวง กรม
กรุงเทพมหานคร เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด และหน่วยงานส่วนท้องถิ่นอื่น
   (4) พิจารณาและจัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับงบประมาณการศึกษาประจำปีของกระทรวง ทบวง กรม
กรุงเทพมหานคร เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด และหน่วยงานส่วนท้องถิ่นอื่น โดยประสานงาน
กับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาการ
ศึกษาแห่งชาติ
   (5) ดำเนินงานอันจำเป็นร่วมกับกระทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร เทศบาล องค์การ
บริหารส่วนจังหวัด และหน่วยงานส่วนท้องถิ่นอื่น ในการนำทรัพยากรมาอุดหนุนการศึกษา รวมทั้ง
การขอความช่วยเหลือและกู้ยืมเงินหรือทรัพย์สินอื่นเพื่อใช้ในการศึกษาตามโครงการพัฒนาการศึกษา
   (6) วิจัยและส่งเสริมการวิจัยการศึกษาทุกระดับและประเภทและสาขาวิชาอื่นที่เกี่ยวข้องกับ
การศึกษา เพื่อเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาปรับปรุงและพัฒนาการศึกษาให้ก้าวหน้า
   (7) พิจารณาและกำหนดหลักการเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษาและมาตรฐานทั่วไปของการศึกษาให้
สอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติ
   (8) ทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานและให้บริการเกี่ยวกับการศึกษาแก่หน่วยงานอื่น ๆ
   (9) ดำเนินกิจการให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
  (10) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติหรือ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
   ข้อเสนอ คำแนะนำ และความเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตามความในมาตรานี้ที่จะเสนอไปยัง
คณะรัฐมนตรี ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติเสนอต่อคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
เพื่อพิจารณาก่อน

   มาตรา 11 สำนักงาตคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ อาจขอให้กระทรวง ทบวง กรม
กรุงเทพมหานคร องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยงานส่วนท้องถิ่นอื่น เสนอรายละเอียดทางวิชาการ
การเงิน สถิติ และเรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็นแก่การปฏิบัติงานในหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาแห่งชาติตามมาตรา 10

   มาตรา 12 คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ หรือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ อาจ
เชิญบุคคลหนึ่งบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย ความเห็น หรือคำแนะนำได้ตามที่เห็นสมควร

   มาตรา 13 ให้มีเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ มีหน้าที่ควบคุมและดูแลโดยทั่วไป
ซึ่งราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ

   มาตรา 14 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมาย
ว่าด้วยสภาการศึกษาแห่งชาติ เพื่อให้เหมาะสมกับการพัฒนาการศึกษา และการพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมของประเทศในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติขึ้น
(ร.จ. เล่ม 95 ตอนที่ 156 หน้า 14  วันที่ 31 ธันวาคม 2521)