พระราชบัญญัติ
                      ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา
                               พ.ศ.2521
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                     ให้ไว้ ณ วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2521
                        เป็นปีที่ 33 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภา
นิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ.2521"

   มาตรา 2  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

   มาตรา 3 บรรดาบทกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ และคำสั่งอื่นในส่วนที่ได้บัญญัติไว้แล้ว
ในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งชัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

   มาตรา 4 บทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งใดที่อ้างถึงเทศบาลหรือ
สุขาภิบาลนาเกลือ ให้ถือว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบหรือคำสั่งนั้นอ้างถึงเมือง
พัทยาตามพระราชบัญญัตินี้ หรือที่อ้างถึงนายกรัฐมนตรี คณะเทศมนตรี หรือประธานกรรมการหรือ
คณะกรรมการสุขาภิบาลนาเกลือ ให้ถือว่าอ้างถึงปลัดเมืองพัทยา แล้วแต่กรณี ทั้งนี้เท่าที่ไม่ขัด
หรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 5 ในพระราชบัญญัตินี้
   "สมาชิก" หมายความว่า สมาชิกสภาเมืองพัทยา
   "การเลือกตั้งทั่วไป" หมายความว่า การเลือกตั้งสมาชิกเท่าที่พึงเลือกตั้งทั้งหมดของสภา
เมืองพัทยาในวาระเดียวกัน
   "ข้อบัญญัติ" หมายความว่า ข้อบัญญัติเมืองพัทยา
   "ผู้ว่าราชการจังหวัด" หมายความว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี
   "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มี
อำนาจออกระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 7 ให้ยกเลิกสุขาภิบาลนาเกลือ และจัดตั้งเป็นเมืองพัทยา
   ให้เมืองพัทยามีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น มีอาณาเขตตามแผนที่
ท้ายพระราชบัญญัตินี้
   การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตเมืองพัทยาให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

   มาตรา 8 การบริหารเมืองพัทยาประกอบด้วย
   (1) สภาเมืองพัทยา
   (2) ปลัดเมืองพัทยา

   มาตรา 9 สภาเมืองพัทยาประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภท คือ
   (1) ประเภทที่หนึ่ง ได้แก่ สมาชิกซึ่งได้รับการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัตินี้เก้าคน
   (2) ประเภทที่สอง ได้แก่ สมาชิกซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งแปดคน

   มาตรา 10 ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 11 (1) และ (3) ใน
วันเลือกตั้ง ส่วนการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงมหาดไทย
กำหนด

   มาตรา 11 ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
   (1) มีสัญชาติไทยตามกฎหมาย แต่บุคคลซึ่งได้รับสัญชาติไทย โดยการแปลงสัญชาติ ต้องมี
คุณสมบัติตามมาตรา 12 ด้วย
   (2) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง
   (3) มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเมืองพัทยาเป็นเวลาติดต่อกันจนถึงวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่าสามเดือน
หรือได้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดินหรือตามกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่
ให้เมืองพัทยาในปีที่มีการเลือกตั้งหรือในปีก่อนที่มีการเลือกตั้งหนึ่งปี

   มาตรา 12 บุคคลซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลง สัญชาติ จะเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ ต้องมี
คุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
   (1) รับหรือเคยรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยรับการรับราชการทหาร
   (2) เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ที่มีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
มาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี
   (3) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาซึ่งมีหน้าที่ในทางนิติบัญญัติสมาชิกสภาท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล หรือสารวัตรกำกับ

   มาตรา 13 บุคคลซึ่งมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ในวันเลือกตั้งเป็นบุคคลต้องห้ามมิ
ให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง คือ
   (1) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
   (2) หูหนวกและเป็นใบ้ ซึ่งไม่สามารถอ่านและเขียนหนังสือได้
   (3) ภิกษุ สามเณร นักพรต  หรือนักบวช
   (4) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
   (5) อยู่ในระหว่างการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งโดยคำพิพากษา

   มาตรา 14 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก ต้องมีคุณสมบัติต่อไปนี้
   (1) มีสัญชาติไทยตามกฎหมาย บุคคลซึ่งมีสัญชาติไทยแต่บิดาเป็นคนต่างด้าว ต้องมีคุณสมบัติ
ตามมาตรา 15 ด้วย และบุคคลซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลง สัญชาติ ต้องมีคุณสมบัติตาม
มาตรา 16 ด้วย
   (2) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง
   (3) มีภูมิลำเนาอยู่ในเมืองพัทยาเป็นเวลาติดต่อกันจนถึงวันสมัครรับเลือกตั้งไม่น้อยกว่า
หกเดือน
   (4) สอบไล่ได้ไม่ต่ำกว่าระดับประถมศึกษาตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2520
หรือไม่ต่ำกว่าชั้นประถมปีที่เจ็ดตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการหรือมีความรู้ตามที่กระทรวง
ศึกษาธิการเทียบเท่าหรือรับรองว่าเทียบได้ไม่ต่ำกว่านั้น หรือเคยเป็นกรรมการสุขาภิบาลตาม
กฎหมายว่าด้วย สุขาภิบาล

   มาตรา 15 บุคคลซึ่งมีสัญชาติไทย แต่บิดาเป็นคนต่างด้าว จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก
ได้ ต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
   (1) สอบไล่ได้ไม่ต่ำกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนต้นตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช
2520 หรือไม่ต่ำกว่าชั้นมัธยมศึกษาปีที่สามตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการหรือมีความรู้
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบเท่าหรือรับรองว่าเทียบได้ไม่ต่ำกว่านั้น
   (2) รับหรือเคยรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
   (3) เคยเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นที่มีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำมาแล้วไม่
น้อยกว่าห้าปี
   (4) เคยเป็นสมาชิกสภาซึ่งมีหน้าที่ในทางนิติบัญญัติ สมาชิกสภาท้องถิ่น กรรมการสุขาภิบาล
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หรือแพทย์ประจำตำบล

   มาตรา 16 บุคคลซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกได้
ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 15 และมีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรติดต่อกันนับแต่วันได้สัญชาติไทย
มาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี

   มาตรา 17 บุคคลซึ่งมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ
สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก คือ
   (1) เป็นบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตาม มาตรา 13 (1) (2) (3)
และ (5)
   (2) ติดยาเสพติดให้โทษ
   (3) เป็นบุคคลล้มละลายซึ่งศาลยังไม่สั่งให้พ้นจากคดี
   (4) ต้องพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
หรือโดยคำสั่งนั้น
   (5) เคยต้องพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไปโดยได้พ้นโทษยังไม่ถึงห้าปีในวันเลือกตั้ง
เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
   (6) เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้ง หรือสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาซึ่งมีหน้าที่ในทางนิติบัญญัติ
หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นอื่นในขณะเดียวกัน
   (7) เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
   (8) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของทางราชการไม่ว่าจะเป็นราชการบริหารส่วนกลาง ราชการ
บริหารส่วนภูมิภาค หรือราชการบริหารส่วนท้องถิ่น พนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจหรือการ
พาณิชย์ของราชการบริหารส่วนท้องถิ่น
   (9) เป็นบุคคลซึ่งทางราชการ องค์การของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจไล่ออก ปลดออก หรือให้ออก
หรือเลิกจ้างเพราะทุจริตต่อหน้าที่ นับแต่วันถูกไล่ออก ปลดออก ให้ออก หรือเลิกจ้าง แล้วแต่กรณี
ถึงวันสมัครรับเลือกตั้งยังไม่ครบแปดปี
  (10) เคยเป็นสมาชิกซึ่งต้องออกจากตำแหน่งตามมาตรา 28 (7) หรือ (8) ถึงวันสมัครรับ
เลือกตั้งยังไม่ครบแปดปี
  (11) เคยเป็นสมาชิกสภาซึ่งมีหน้าที่ในทางนิติบัญญัติหรือสมาชิกสภาท้องถิ่นซึ่งถูกสั่งให้พ้นจาก
ตำแหน่ง เพราะปฏิบัติการอันฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตาม
หรือปฏิบัติการอันไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่  หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อม
เสียแก่เกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหรือแก่ท้องถิ่น หรือแก่ราชการถึงวันสมัครรับเลือกตั้งยังไม่ครบ
แปดปี

   มาตรา 18 การเลือกตั้งสมาชิกให้กระทำโดยใช้วิธีการออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ
   หลักเกณฑ์และวิธีการสมัครรับเลือกตั้งและการตั้งและการเลือกตั้งให้เป็นไปตามระเบียบ
ที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด

   มาตรา 19 ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งสมาชิกประเภทที่สองจำนวนแปดคน ในวันเลือกตั้งสมาชิก
ประเภทที่หนึ่ง โดยแต่งตั้งจากบุคคลในสาขาอาชีพต่าง ๆ กันจำนวนสี่คน และผู้แทนหน่วย
ราชการที่เกี่ยวข้องกับเมืองพัทยาจำนวนสี่คน
   สมาชิกประเภทที่สองต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 14 (1) (2) และ (4) และไม่มีลักษณะ
ต้องห้ามตามมาตรา 17 (1) (2) (3) (4) (5) (6) (9) (10) หรือ (11)

   มาตรา 20 อายุของสภาเมืองพัทยามีกำหนดคราวละสี่ปีนับแต่วันเลือกตั้งทั่วไป

   มาตรา 21 ภายใต้บังคับมาตรา 28 สมาชิกภาพของสมาชิกเริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้งหรือวันที่
ได้รับการแต่งตั้ง แล้วแต่กรณี และสิ้นสุดลงความอายุของสภาเมืองพัทยา

   มาตรา 22 เมื่ออายุของสภาเมืองพัทยาสิ้นสุดลง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศให้มีการ
เลือกตั้งสมาชิกประเภทที่หนึ่งใหม่ภายในสองเดือนนับแต่วันที่อายุของสภาเมืองพัทยาสิ้นสุดลง

   มาตรา 23 รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจยุบสภาเมืองพัทยา
เพื่อให้มีการเลือกตั้งและแต่งตั้งสมาชิกใหม่ในคำสั่งยุบสภาเมืองพัทยานั้น ต้องแสดงเหตุผลและ
กำหนดวันเลือกตั้งและแต่งตั้งสมาชิกใหม่ภายในสามเดือน
   การยุบสภาเมืองพัทยาจะกระทำได้เพียงครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน

   มาตรา 24 ในกรณีที่ตำแหน่งสมาชิกประเภทที่หนึ่งว่างลง เพราะสมาชิกของสมาชิกสิ้นสุด
ลงด้วยเหตุหนึ่งตามมาตรา 28 (2) (3) (4) (5) (6) (7) หรือ (8) ให้เลือกตั้งสมาชิก
ขึ้นแทนภายในสามเดือน เว้นแต่เมื่อได้ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกขึ้นแทนแล้วปรากฏว่า
มีตำแหน่งสมาชิกประเภทที่หนึ่งว่างลงอีกในระหว่างนั้น ก็ให้ทำการเลือกตั้งแทนในวาระเดียวกัน
   ถ้าตำแหน่งสมาชิกประเภทที่หนึ่งว่างลงก่อนถึงกำหนดออกตามวาระไม่เกินหกเดือน จะไม่
เลือกตั้งสมาชิกขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นก็ได้
   สำหรับในกรณีที่ตำแหน่งสมาชิกประเภทที่สองว่างลง เพราะสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดด้วย
เหตุใดเหตุหนึ่งตามมาตรา 28 (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8) หรือ (9) ให้แต่งตั้ง
สมาชิกแทนในตำแหน่งที่ว่างภายในหนึ่งเดือน
   สมาชิกภาพของสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งหรือแต่งตั้งตามมาตรานี้ อยู่ในตำแหน่งเท่าระยะเวลา
ของสมาชิกที่ตนได้รับเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งแทน

   มาตรา 25 ก่อนเข้ารับหน้าที่ สมาชิกต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมสภาเมืองพัทยาด้วยถ้อยคำดัง
ต่อไปนี้
   ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตาม
ความเห็นของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม"

   มาตรา 26 สมาชิกเป็นผู้แทนของประชาชนในเขตเมืองพัทยาและต้องปฏิบัติหน้าที่ตามความ
เห็นของตนโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่อยู่ ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายใด ๆ

   มาตรา 27 สมาชิกประเภทที่หนึ่ง ต้องไม่ดำรงตำแหน่งหรือหน้าที่อื่นใดในหน่วยราชการ
หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือการพาณิชย์ของเมืองพัทยา หรือบริษัทซึ่งเมืองพัทยาถือหุ้น
หรือดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือพนักงานท้องถิ่น

   มาตรา 28 สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลงด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้
   (1) ถึงคราวออกตามอายุของสภาหรือมีการยุบสภาเมืองพัทยา
   (2) ตาย
   (3) ลาออก โดยยื่นใบลาออกต่อผู้ว่าราชการจังหวัด
   (4) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 14 เว้นแต่สมาชิกประเภทที่สองมิให้นำมาตรา 14 (3) มา
ใช้บังคับ
   (5) มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 17 เว้นแต่สมาชิกประเภทที่สอง มิให้นำมาตรา 17 (7)
และ (8) มาใช้บังคับ
   (6) กระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 27
   (7) สภาเมืองพัทยามีมติให้ออกเพราะเห็นว่ามีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อม
เสียแก่เมืองพัทยา โดยมีสมาชิกไม่น้อยกว่าหกคนเข้าชื่อเสนอญัตติให้สภาเมืองพัทยาพิจารณาและ
มติในข้อนี้ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่าสิบเอ็ดคนเห็นชอบด้วยกับญัตติดังกล่าว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่
สภาเมืองพัทยามีมติ
   (8) ไม่มาประชุมสภาเมืองพัทยาสามครั้งติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร  ในการนี้ให้นายก
เมืองพัทยารายงานผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ออกคำ
สั่ง
   (9) สำหรับสมาชิกประเภทที่สองซึ่งแต่งตั้งจากผู้แทนหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับเมืองพัทยา
เมื่อพ้นจากอันเป็นเหตุที่ได้รับการแต่งตั้ง

   มาตรา 29 ในกรณีที่มีข้อกล่าวหาว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดสิ้นสุดเพราะเหตุอย่างใด
อย่างหนึ่งตามมาตรา 28 (4) (5) หรือ (6) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อ
ดำเนินการสอบสวนถ้าคณะกรรมการรายงานว่า สมาชิกภาพของสมาชิกคนนั้นสิ้นสุดลงตามข้อกล่าว
หานั้น และผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นชอบด้วย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง
   สมาชิกซึ่งถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่ง มีสิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้เพิก
ถอนคำสั่งได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง คำพิพากษาของศาลปกครองให้เป็นที่สุด
   ในระหว่างที่รอคำพิพากษาของศาล ให้ถือว่าสมาชิกภาพของสมาชิกซึ่งถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง
ดังกล่าวสิ้นสุดลงชั่วคราวนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ให้ระงับการเลือกตั้ง
หรือแต่งตั้งสมาชิกแทนตำแหน่งที่ว่างลงกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
   ถ้าศาลพิพากษาให้เป็นไปตามคำสั่งให้สมาชิกภาพของสมาชิกดังกล่าวเป็นอันสิ้นสุดลงโดย
เด็ดขาด และให้ดำเนินการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งสมาชิกแทน แล้วแต่กรณี ถ้าศาลพิพากษาเพิกถอน
คำสั่ง ให้ถือว่าสมาชิกภาพของสมาชิกดังกล่าวไม่เคยได้สิ้นสุดลง
   ในกรณีที่สมาชิกซึ่งถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งไม่ยื่นฟ้องต่อศาลให้สมาชิกดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง
นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด
   วันที่ได้รับคำสั่งให้หมายถึงวันที่สมาชิกลงนามรับทราบคำสั่ง หรือวันที่ครบกำหนดสิบห้าวันนับ
แต่วันที่ได้ปิดประกาศคำสั่งไว้โดยเปิดเผย ณ ศาลาว่าการเมืองพัทยา

   มาตรา 30 ภายในสิบห้าวันนับแต่วันเลือกตั้งทั่วไป ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเรียกประชุมสภา
เมืองพัทยาครั้งแรก
   การประชุมสภาเมืองพัทยาให้เป็นไปตามข้อบังคับที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด

   มาตรา 31 ให้สภาเมืองพัทยาประชุมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง แต่ถ้ามีความจำเป็นจะงด
การประชุมในแต่ละเดือนก็ให้กระทำได้
   วันประชุมหรือการงดประชุมให้สภาเมืองพัทยากำหนด

   มาตรา 32 ในการประชุมครั้งแรกภายหลังวันเลือกตั้งทั่วไป ให้สภาเมืองพัทยาเลือกสมาชิก
คนหนึ่งเป็นนายกเมืองพัทยา

   มาตรา 33 เมื่อสภาเมืองพัทยาเลือกสมาชิกคนใดเป็นนายกเมืองพัทยาแล้ว  ให้ผู้ว่า
ราชการจังหวัดประกาศผลการเลือกนั้นให้ประชาชนทราบ ณ ศาลาว่าการเมืองพัทยา

   มาตรา 34 นายกเมืองพัทยามีอำนาจและหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ
ข้อบังคับของกระทรวงมหาดไทยและข้อบัญญัติ ทำหน้าที่เป็นประธานสภาเมืองพัทยา ตลอดจนเป็น
ผู้แทนและผู้นำของเมืองพัทยาในงานหรือพิธีการต่าง ๆ

   มาตรา 35 นายกเมืองพัทยาอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปีนับแต่วันที่ได้รับเลือก แต่อาจได้รับ
เลือกใหม่ได้
   ในกรณีที่นายกเมืองพัทยาพ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่ง ให้สภาเมืองพัทยาเลือกนายกเมือง
พัทยาใหม่ภายในสิบห้าวัน นับแต่วันซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ
   นายกเมืองพัทยาซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกเมือง
พัทยาต่อไปจนกว่าจะได้มีการเลือกนายกเมืองพัทยาใหม่

   มาตรา 36 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 35 วรรคหนึ่ง นายกเมือง
พัทยาพ้นจากตำแหน่ง  เมื่อ
   (1) ขาดจากสมาชิกภาพตามมาตรา 28
   (2) ลาออกจากตำแหน่ง โดยยื่นใบลาออกต่อผู้ว่าราชการจังหวัด
   (3) สมาชิกไม่น้อยกว่าหกคนเข้าชื่อเสนอญัตติให้สภาเมืองพัทยาเมืองนายกเมืองพัทยาใหม่
และสภาเมืองพัทยามีมติเห็นชอบในญัตตินี้ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสิบเอ็ดเสียง
   (4) รัฐมนตรีมีคำสั่งให้ออกจากตำแหน่ง โดยเห็นว่ามีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่ง
ความเสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์ของตำแหน่งและหน้าที่

   มาตรา 37 ในกรณีที่ตำแหน่งนายกเมืองพัทยาว่างลงตามมาตรา 36 ให้สภาเมืองพัทยา
เลือกสมาชิกเพื่อดำรงตำแหน่งที่ว่างแทน ภายในสิบห้าวันแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง แต่ให้นายก
เมืองพัทยาซึ่งได้รับเลือกใหม่อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน
   ในระหว่างที่ยังไม่มีการเลือกนายกเมืองพัทยาตามวรรคหนึ่งให้สมาชิกประเภทที่หนึ่งซึ่งมีอายุ
สูงสุดปฏิบัติหน้าที่แทนนายกเมืองพัทยา

   มาตรา 38 นายกเมืองพัทยาเป็นผู้เรียกประชุมสภาเมืองพัทยา
   ในกรณีที่นายกเมืองพัทยาไม่เรียกประชุมตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้เรียก
ประชุมสภาเมืองพัทยา

   มาตรา 39 เมื่อมีกรณีจำเป็นของและเพื่อประโยชน์แห่งเมืองพัทยาปลัดเมืองพัทยาหรือสมาชิก
ไม่น้อยกว่าหกคน อาจทำคำร้องยื่นต่อนายกเมืองพัทยาขอให้เรียกประชุมสภาเมืองพัทยา และให้
นายกเมืองพัทยาเรียกประชุมโดยกำหนดวันประชุมภายในเจ็ดวันนับแต่วันได้รับคำร้อง

   มาตรา 40 ในการประชุมสภาเมืองพัทยาทุกคราว ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
   ปลัดเมืองพัทยาเป็นเลขานุการสภาเมืองพัทยา
   ปลัดเมืองพัทยา รองปลัดเมืองพัทยา และพนักงานเมืองพัทยาซึ่งปลัดเมืองพัทยาเห็นควร มีหน้า
ที่เข้าประชุมสภาเมืองพัทยา และมีสิทธิแถลงข้อเท็จจริงตลอดจนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการ
งานในหน้าที่ต่อที่ประชุม แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

   มาตรา 41 การลงมติวินิจฉัยข้อปรึกษา ให้ถือเป็นเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ เว้นแต่ที่มีบัญญัติ
ไว้เป็นอย่างอื่น ในพระราชบัญญัตินี้ หรือในข้อบังคับว่าด้วยการประชุมสภาเมืองพัทยา
   สมาชิกคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานใน
ที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

   มาตรา 42 ห้ามมิให้สภาเมืองพัทยาประชุมปรึกษาหารือในเรื่องนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือ
เรื่องที่ฝ่าฝืนกฎหมาย

   มาตรา 43 การประชุมสภาเมืองพัทยาต้องกระทำโดยเปิดเผยตามลักษณะที่ได้กำหนดไว้ใน
ข้อบังคับว่าด้วยการประชุมสภาเมืองพัทยาแต่ถ้าสมาชิกไม่น้อยกว่าหกคนร้องขอให้ประชุมกลับ
ก็ให้ประชุมลับได้

   มาตรา 44 สภาเมืองพัทยามีอำนาจ
   (1) วางนโยบายและอนุมัติแผน เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารกิจการเมืองพัทยา
   (2) พิจารณาและอนุมัติร่างข้อบัญญัติ
   (3) แต่งตั้งสมาชิกเป็นคณะกรรมการสามัญ และแต่งตั้งบุคคล ซึ่งเป็นสมาชิกหรือมิได้เป็น
สมาชิกเป็นคณะกรรมการวิสามัญ เพื่อกระทำกิจการหรือพิจารณาสอบสวนหรือศึกษาเรื่องใด ๆ
อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภาเมืองพัทยา แล้วรายงานต่อสภาหรือเพื่อให้คำแนะนำแก่สภาเมือง
พัทยาหรือปลัดเมืองพัทยา แล้วแต่กรณี
   (4) ควบคุมการปฏิบัติราชการของปลัดเมืองพัทยา ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ
ข้อบังคับของกระทรวงมหาดไทย ข้อบัญญัตินโยบายและแผน

   มาตรา 45 ในการประชุมคณะกรรมการตามมาตรา 44 (3) ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่
น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม และให้นำมาตรา 40 วรรค
สาม และมาตรา 40 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 46 คณะกรรมการตามมาตรา 44 (3) ย่อมสิ้นสภาพหลังจากที่ได้ปฏิบัติงานที่ได้รับ
มอบหมาย และเสนอรายงานต่อสภาเมืองพัทยาแล้ว แต่ทั้งนี้ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับการ
แต่งตั้ง

   มาตรา 47 ให้นายกเมืองพัทยา สมาชิกและกรรมการ ได้รับเงินประจำตำแหน่ง เงินค่า
เบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่น ตามระเบียบที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด

   มาตรา 48 เมืองพัทยามีปลัดเมืองพัทยาคนหนึ่งทำหน้าที่บริหารกิจการเมืองพัทยาให้เป็นไป
ตามนโยบายของสภาเมืองพัทยา และจะมีรองปลัดเมืองพัทยาจำนวนไม่เกินสองคนทำหน้าที่ช่วย
ปลัดเมืองพัทยาบริหารกิจการเมืองพัทยาตามที่ปลัดเมืองพัทยามอบหมายก็ได้

   มาตรา 49 ให้นายกเมืองพัทยาเสนอชื่อผู้ซึ่งมิได้เป็นสมาชิกสภาเมืองพัทยาและมีคุณสมบัติ
ตามมาตรา 51 และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 52 อย่างน้อยสองคนแต่ไม่เกินสามคน
เพื่อให้สภาเมืองพัทยาให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งเป็นปลัดเมืองพัทยา
   ให้ปลัดเมืองพัทยาเป็นผู้แต่งตั้งรองปลัดเมืองพัทยาจากผู้ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรา 51 และ
ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 52

   มาตรา 50 ภายใต้บังคับมาตรา 49 การดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่งและการกำหนด
เงื่อนไขอื่นในการทำงานในหน้าที่ปลัดเมืองพัทยาและรองปลัดเมืองพัทยา ให้เป็นไปตามแบบสัญญา
จ้างที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด และให้มีอายุการจ้างคราวละสี่ปี
   ในการว่าจ้างปลัดเมืองพัทยา ให้นายกเมืองพัทยาเป็นคู่สัญญาในนามของเมืองพัทยา
   ในการว่าจ้างรองปลัดเมืองพัทยา ให้ปลัดเมืองพัทยาเป็นคู่สัญญาในนามของเมืองพัทยา
   ให้ปลัดเมืองพัทยาและรองปลัดเมืองพัทยาได้รับเงินค่าจ้าง ค่าตอบแทนและเงินอื่น ๆ ตาม
ที่สภาเมืองพัทยากำหนด ทั้งนี้ไม่เกินบัญชีอัตราเงินค่าจ้าง ค่าตอบแทน และเงินอื่น ๆ ที่
กระทรวงมหาดไทยกำหนด

   มาตรา 51 ปลัดเมืองพัทยาและรองปลัดเมืองพัทยาต้องมีสัญชาติไทยตามกฎหมาย มีอายุไม่
ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์ และมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และต้องมีคุณสมบัติอย่างใด
อย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
   (1) ถ้าเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ต้องเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับ 6
หรือเทียบเท่าตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน หรือกฎหมายว่าด้วยระเบียบ
พนักงานส่วนท้องถิ่นแล้วแต่กรณี มาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี
   (2) ถ้าเป็นพนักงานในองค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ต้องเคยดำรงตำแหน่งซึ่งมีอัตรา
เงินเดือนไม่ต่ำกว่าระดับ 6 ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนมาแล้วไม่น้อยกว่า
ห้าปี
   (3) เคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับบริหารของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท  ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่มี
พนักงานและลูกจ้างอยู่ในความรับผิดชอบไม่กว่าหนึ่งร้อยคนหรือมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่าสิบล้าน
บาท หรือมีเงินทุนหมุนเวียนอยู่ในความรับผิดชอบไม่น้อยกว่าห้าสิบล้านบาทมาแล้วไม่น้อยกว่า
ห้าปี

   มาตรา 52 ปลัดเมืองพัทยาและรองปลัดเมืองพัทยาต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามอย่างใดอย่างหนึ่ง
ดังต่อไปนี้
   (1) ติดยาเสพติดให้โทษ
   (2) เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
   (3) เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับ
ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
   (4) เคยถูกไล่ออก ปลดออก ให้ออก หรือเลิกจ้าง เพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือหย่อนความ
สามารถ
   (5) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
   (6) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช
   (7) ดำรงตำแหน่งหน้าที่อื่นใดในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยการ
ปกครองท้องถิ่น ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลหรือเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา
ซึ่งมีหน้าที่ในทางนิติบัญญัติ หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น เว้นแต่ตำแหน่งที่ต้องดำรงตามกฎหมาย หรือ
ตำแหน่งประธานกรรมการ หรือกรรมการของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลที่เป็นการ
พาณิชย์ของเมืองพัทยา หรือที่เมืองพัทยาถือหุ้น
   (8) เป็นคู่สัญญากับเมืองพัทยาหรือเป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับเมืองพัทยาหรือในกิจการ
ที่กระทำให้แก่เมืองพัทยาอันเป็นการแสวงหาประโยชน์ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เว้นแต่
การทำสัญญารับจ้างเป็นปลัดเมืองพัทยาหรือรองปลัดเมืองพัทยา

   มาตรา 53 ปลัดเมืองพัทยามีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
   (1) ร่างแผนเพื่อเสนอสภาเมืองพัทยา
   (2) บริหารกิจการตามนโยบายและแผนของสภาเมืองพัทยาตามมาตรา 44 (1)
   (3) ร่างข้อบัญญัติงบประมาณและข้อบัญญัติอื่นเพื่อเสนอต่อสภาเมืองพัทยา
   (4) ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับของกระทรวงมหาดไทย เพื่อเสนอสภา
เมืองพัทยา
   (5) รวบรวมปัญหาในการบริหารราชการเมืองพัทยา พร้อมด้วยข้อเสนอแนะ เพื่อเสนอสภา
เมืองพัทยา
   (6) รายงานผลปฏิบัติงานประจำปีของเมืองพัทยาต่อสภาเมืองพัทยา
   (7) ปฏิบัติงานอื่นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 54 ให้ปลัดเมืองพัทยาเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างเมืองพัทยา
และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการเมืองพัทยา
   เมืองปลัดเมืองพัทยาไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองปลัดเมืองพัทยาซึ่งได้รับ
มอบหมายไว้ให้ปลัดเมืองพัทยาเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามิได้มีการมอบหมายไว้ให้รองปลัด
เมืองพัทยาตามลำดับที่ปลัดเมืองพัทยาจัดไว้เป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีรองปลัดเมืองพัทยา
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการของเมือง
พัทยาซึ่งมีตำแหน่งและอาวุโสสูงตามลำดับเป็นผู้รักษาราชการแทน

   มาตรา 55 ปลัดเมืองพัทยาพ้นจากตำแหน่งในกรณีดังต่อไปนี้
   (1) สัญญาจ้างสิ้นอายุและไม่มีการต่ออายุสัญญาจ้างใหม่
   (2) ตาย
   (3) ลาออกจากตำแหน่ง โดยยื่นใบลาออกต่อนายกเมืองพัทยาตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญา
จ้าง
   (4) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 51 หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 52
   (5) กระทำการที่ผิดเงื่อนไขในสัญญาจ้าง ซึ่งสัญญาจ้างระบุไว้ให้ถือว่าสัญญาจ้างสิ้นสุดลง
   (6) เมื่อนายกเมืองพัทยาบอกเลิกสัญญาจ้างด้วยความเห็นชอบจากสภาเมืองพัทยาตามเหตุ
ที่ระบุในสัญญาจ้าง

   มาตรา 56 รองปลัดเมืองพัทยาพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
   (1) สัญญาจ้างสิ้นอายุและไม่มีการต่ออายุสัญญาจ้างใหม่
   (2) ตาย
   (3) ลาออกจากตำแหน่ง โดยยื่นใบลาออกต่อปลัดเมืองพัทยา
   (4) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 51 หรือมีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 52
   (5) กระทำการที่ผิดเงื่อนไขในสัญญาจ้าง ซึ่งสัญญาจ้างระบุไว้ให้ถือว่าสัญญาจ้างสิ้นสุดลง
   (6) ปลัดเมืองพัทยาเลิกสัญญาจ้างตามเหตุที่ได้ระบุไว้ในสัญญาจ้าง
   (7) ปลัดเมืองพัทยาพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 55
   ในกรณีที่รองปลัดเมืองพัทยาพ้นจากตำแหน่งตาม (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6)
ปลัดเมืองพัทยาจะแต่งตั้งรองปลัดเมืองพัทยาจากผู้ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรา 51 และไม่มีลักษณะ
ต้องห้ามตามมาตรา 52 แทนตำแหน่งที่ว่างก็ได้
   รองปลัดเมืองพัทยาซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนรองปลัดเมืองพัทยาที่พ้นจากตำแหน่ง ให้อยู่ในตำแหน่ง
ได้ตามระยะเวลาของผู้ซึ่งตนแทน

   มาตรา 57 ในกรณีที่ปลัดเมืองพัทยาพ้นจากตำแหน่ง ให้ผู้ว่าราชการจัดหวัดแต่งตั้งหัวหน้า
ส่วนราชการของเมืองพัทยา ซึ่งมีตำแหน่งและอาวุโสสูงตามลำดับเป็นผู้รักษาการในตำแหน่ง
ปลัดเมืองพัทยา
   ให้นายกเมืองพัทยาดำเนินการแต่งตั้งปลัดเมืองพัทยาตามมาตรา 49 ภายในสองเดือนนับ
แต่วันที่มีคำสั่งแต่งตั้งผู้รักษาการในตำแหน่งปลัดเมืองพัทยาตามวรรคหนึ่ง

   มาตรา 58 เมืองพัทยาแบ่งส่วนราชการดังต่อไปนี้
   (1) สำนักปลัดเมืองพัทยา
   (2) ฝ่ายหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น
   การตั้ง การเปลี่ยนแปลง การยุบ การกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ และของหัวหน้า
ส่วนราชการตามวรรคหนึ่ง ให้ทำเป็นประกาศกระทรวงมหาดไทย

   มาตรา 59 สำนักปลัดเมืองพัทยามีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการทั่วไปของเมืองพัทยาและ
ราชการที่มิได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายหรือส่วนราชการใดโดยเฉพาะ มีหัวหน้าสำนักปลัด
เมืองพัทยาเป็นหัวหน้าบังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของสำนักปลัดเมืองพัทยาขึ้นตรงต่อปลัด
เมืองพัทยา

   มาตรา 60 ฝ่ายหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น มีอำนาจหน้าที่ตามที่ได้กำหนดไว้ให้เป็น
หน้าที่ฝ่ายหรือส่วนราชการนั้น โดยมีพนักงานเมืองพัทยาคนหนึ่งเป็นหัวหน้าบังคับบัญชาและรับผิด
ชอบในการปฏิบัติราชการ

   มาตรา 61 ในกรณีที่หัวหน้าสำนักปลัดเมืองพัทยา หรือหัวหน้าฝ่ายส่วนราชการไม่อาจปฏิบัติ
หน้าที่ได้ ให้ปลัดเมืองพัทยาแต่งตั้งพนักงานเมืองพัทยาคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน

   มาตรา 62 ให้เมืองพัทยามีพนักงานเมืองพัทยาได้ตามความจำเป็นเพื่อปฏิบัติราชการให้เป็น
ไปตามพระราชบัญญัตินี้
   ระเบียบพนักงานเมืองพัทยาให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบพนักงานเทศบาล โดยให้ถือ
ว่าเมืองพัทยาเทียบเท่าเทศบาลนครและปลัดเมืองพัทยามีอำนาจบังคับบัญชาเทียบเท่า
นายกเทศมนตรี

   มาตรา 63 อำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ หรือการปฏิบัติราชการที่ปลัดเมืองพัทยา
จะพึงปฏิบัติหรือดำเนินการตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อบัญญัติหรือคำสั่งใดหรือ มิติของ
คณะรัฐมนตรีในเรื่องใด ถ้ากฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อบัญญัติหรือคำสั่งนั้นหรือมติของคณะ
รัฐมนตรีในเรื่องนั้น มิได้กำหนดเรื่องการมอบอำนาจไว้เป็นอย่างอื่น ปลัดเมืองพัทยาจะมอบอำนาจ
โดยทำเป็นหนังสือให้รองปลัดเมืองพัทยาปฏิบัติราชการแทนปลัดเมืองพัทยาก็ได้ แต่ถ้าจะมอบให้
หัวหน้าฝ่ายหรือส่วนราชการของเมืองพัทยา ให้ทำเป็นคำสั่งและประกาศให้ประชาชนทราบ

   มาตรา 64 ในระหว่างดำรงตำแหน่ง ให้ปลัดเมืองพัทยาและรองปลัดเมืองพัทยามีฐานะเป็น
พนักงานเมืองพัทยา เว้นแต่ในสัญญาจ้างจะระบุไว้เป็นอย่างอื่น

   มาตรา 65 ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการเมืองพัทยาที่จะต้องอาศัยข้า
ราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่ายการ
ปกครองท้องถิ่นมาปฏิบัติงานชั่วคราว ปลัดเมืองพัทยาอาจจะขอยืมตัวผู้นั้นไปช่วยปฏิบัติราชการ
ของเมืองพัทยาเป็นการชั่วคราวโดยมีกำหนดเวลา ก็ให้กระทำได้แต่ต้องทำความตกลงกับหน่วย
ราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยการปกครองท้องถิ่นนั้นก่อน เมื่อหมดความ
จำเป็นเมื่อใดให้รีบส่งตัวผู้นั้นคืนเจ้าสังกัดโดยพลัน
   ให้ถือว่าข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ
หรือหน่วยการปกครองท้องถิ่น ผู้ได้รับแต่งตั้งดังกล่าวมีหน้าที่เป็นพนักงานเมืองพัทยาตาม
พระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 66 ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเมืองพัทยามีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวล
กฎหมายอาญา

   มาตรา 67 ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของกฎหมาย เมืองพัทยามีอำนาจหน้าที่ดำเนินในเขต
เมืองพัทยาในเรื่องดังต่อไปนี้
   (1) การรักษาความสงบเรียบร้อย
   (2) การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
   (3) การวางผังเมืองและการควบคุมการก่อสร้าง
   (4) การจัดการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยและการปรับปรุงแหล่งเสื่อมโทรม
   (5) การรักษาความสะอาดของถนน ทางเดิน และที่สาธารณะ
   (6) การกำจัดมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
   (7) การจัดให้มีน้ำสะอาดหรือการประปา
   (8) การจัดให้มีและควบคุมตลาด ท่าเทียบเรือ และที่จอดรถ
   (9) การควบคุมอนามัยในร้านจำหน่ายอาหาร โรงมหรสพ และสถานบริการอื่น
  (10) การควบคุมและส่งเสริมกิจการท่องเที่ยว
  (11) หน้าที่อื่นตามที่กฎหมายระบุเป็นหน้าที่ของเทศบาลนคร หรือของเมืองพัทยา

   มาตรา 68 เมืองพัทยาอาจให้บริการแก่เอกชน ประชาชน หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ
รัฐวิสาหกิจ หรือหน่ายการปกครองท้องถิ่น โดยมีค่าตอบแทนได้เมื่อบริการนั้นโดยปกติเป็นบริการ
ที่มีค่าตอบแทน
   การประกอบการพาณิชย์ของเมืองพัทยาให้ตราเป็นข้อบัญญัติ การประกอบกิจการใดที่เมืองพัทยา
มีรายได้หรือผลพลอยได้อันเกิดจากการกระทำตามอำนาจหน้าที่ จะไม่ตราเป็นข้อบัญญัติก็ได้

   มาตรา 69 เมืองพัทยาอาจดำเนินกิจการนอกเขตเมืองพัทยาเมื่อ
   (1) การนั้นจำเป็นต้องทำและเป็นการที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการที่ดำเนินตามอำนาจหน้าที่ที่อยู่
ภายในเมืองพัทยา หรือเป็นประโยชน์แก่เมืองพัทยา
   (2) ได้รับความเห็นชอบจากสภาเมืองพัทยา และ
   (3) ได้รับความยินยอมจากท้องถิ่นที่จะเข้าไปดำเนินการ

   มาตรา 70 เมื่อมีกิจการใดที่อยู่นอกเขตเมืองพัทยา แต่มีผลกระทบกระเทือนต่อความสงบ
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย หรือความปลอดภัยของราษฎรในเขตเมืองพัทยา ปลัดเมืองพัทยา
อาจเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาปัญหาดังกล่าวร่วมกันระหว่าง
เมืองพัทยาหน่วยการปกครองท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง
   ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาเห็นชอบด้วยกับข้อเสนอของปลัดเมืองพัทยาตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการตามที่เสนอ และเมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาและมี
มติอย่างใดแล้วให้เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการให้เมืองพัทยาและหน่วยการปกครองท้องถิ่นที่
เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่ง

   มาตรา 71 เมืองพัทยาอาจทำร่วมกับบุคคลอื่นโดยก่อตั้งบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคบ ตลอดจนถือ
หุ้นในบริษัทดังกล่าวได้ เมื่อ
   (1) บริษัทนั้นมีวัตถุประสงค์เฉพาะกิจการอันเป็นสาธารณูปโภค
   (2) เมืองพัทยาต้องถือเป็นหุ้นเป็นมูลค่าเกินร้อยละห้าสิบของทุนที่บริษัทนั้นจดทะเบียนไว้ ใน
กรณีที่มีเมืองพัทยา หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยการปกครองท้องถิ่น
ถือหุ้นอยู่ในบริษัทเดียวกัน ให้นับหุ้นที่ถือนั้นรวมกัน
   (3) สภาเมืองพัทยามีมติให้ความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน
สมาชิกทั้งหมดของสภา และ
   (4) ได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรี
   การเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นที่เมืองพัทยาถืออยู่ในบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลต้องได้รับอนุมัติจาก
สภาเมืองพัทยาและรัฐมนตรี
   ความใน (1) และ (2) ของวรรคหนึ่ง ไม่ใช้บังคบในกรณีที่บริษัทที่เมืองพัทยาร่วมก่อตั้ง
หรือถือหุ้นนั้นไม่มีเอกชนถือหุ้นอยู่ด้วย

   มาตรา 72 ถ้ามีกิจการใดอยู่ภายในอำนาจหน้าที่ของเมืองพัทยาที่จะร่วมกับหน่วยราชการ
หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยการปกครองท้องถิ่นเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งให้จัด
ตั้งเป็นองค์การขึ้นเรียกว่า สหการ มีฐานะเป็นนิติบุคคลและมีคณะกรรมการการบริหารประกอบ
ด้วยผู้แทนของเมืองพัทยา หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยการปกครอง
ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี
   การจัดตั้งสหการจะทำได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา โดยระบุชื่อ อำนาจหน้าที่และวิธี
ดำเนินงานไว้ และเมื่อจะยุบเลิกสหการให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาโดยระบุวิธีจัดการทรัพย์สิน
ไว้ด้วย

   มาตรา 73 เมืองพัทยามีอำนาจตราข้อบัญญัติโดยไม่ขัดหรือแย้งต่อกฎหมายในกรณีอย่างใด
อย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
   (1) เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของเมืองพัทยา
   (2) เมื่อมีกฎหมายบัญญัติให้เมืองพัทยาตราข้อบัญญัติได้
   (3) การให้บริการโดยมีค่าตอบแทนตามมาตรา 68
   (4) การพาณิชย์ตามมาตรา 68 วรรคสอง
   ในข้อบัญญัติตามวรรคหนึ่ง จะกำหนดโทษจำคุกและหรือโทษปรับผู้ละเมิดข้อบัญญัติไว้ด้วยก็ได้
แต่ห้ามมิให้กำหนดโทษจำคุกเกินหกเดือนและโทษปรับเกินหนึ่งหมื่นบาท

   มาตรา 74 สมาชิกและปลัดเมืองพัทยามีสิทธิเสนอความคิดเห็นในการบริหารราชการเมือง
พัทยาต่อสภาเมืองพัทยา
   ในกรณีที่สภาเมืองพัทยาพิจารณาเห็นชอบด้วยกับความคิดเห็นของสมาชิกหรือปลัดเมืองพัทยา
และความคิดเห็นนั้นอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเมืองพัทยาที่จะตราเป็นข้อบัญญัติได้ ให้ปลัดเมืองพัทยา
ร่างข้อบัญญัติเสนอให้สภาเมืองพัทยาพิจารณาต่อไป

   มาตรา 75 ปลัดเมืองพัทยาเป็นผู้เสนอร่างข้อบัญญัติตามมาตรา 73 และมาตรา 87 ต่อสภา
เมืองพัทยา

   มาตรา 76 ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่สภาเมืองพัทยามีมติเห็นชอบด้วยกับร่างข้อบัญญัติใด ให้
ปลัดเมืองพัทยาส่งร่างข้อบัญญัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณา
   ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องพิจารณาร่างข้อบัญญัตินั้นให้เสร็จและส่งคืนปลัดเมืองพัทยาภายในสิบวัน
นับแต่วันได้รับร่างข้อบัญญัตินั้น
   ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นชอบด้วยกับร่างข้อบัญญัตินั้น ให้ปลัดเมืองพัทยาเสนอนายกเมือง
พัทยาเพื่อลงชื่อประกาศใช้บังคับเป็นข้อบัญญัติต่อไป แต่ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดไม่เห็นด้วยร่างข้อ
บัญญัตินั้น ให้ปลัดเมืองพัทยาเสนอสภาเมืองพัทยาเพื่อพิจารณาใหม่
   ในกรณีที่สภาเมืองพัทยามีมติยืนยันตามร่างข้อบัญญัติเดิมด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสิบเอ็ดเสียง
ให้ปลัดเมืองพัทยาเสนอนายกเมืองพัทยาเพื่อลงชื่อและประกาศใช้บังคับเป็นข้อบัญญัติต่อไป แต่ถ้า
สภาไม่ยืนยันหรือยืนยันตามร่างเดิมด้วยคะแนนเสียงน้อยกว่าสิบเอ็ดเสียงให้ร่างข้อบัญญัตินั้นตกไป

   มาตรา 77 ในกรณีฉุกเฉินหรือมีความจำเป็นรีบด่วนเกี่ยวกับการบริหารราชการเมืองพัทยา
และไม่อาจเรียกประชุมสภาเมืองพัทยาให้ทันเวลาได้ ปลัดเมืองพัทยาอาจเสนอร่างข้อบัญญัติ
เพื่อให้นายกเมืองพัทยาลงชื่อและประกาศใช้เป็นข้อบัญญัติชั่วคราวได้ ทั้งนี้ เมื่อได้รับอนุมัติจาก
ผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว
   ในการประชุมสภาคราวต่อไป ปลัดเมืองพัทยาต้องนำข้อบัญญัติชั่วคราวเสนอต่อสภาเมืองพัทยา
เพื่ออนุมัติ ถ้าสภาอนุมัติ ให้ข้อบัญญัติชั่วคราวนั้นใช้บังคับเป็นข้อบัญญัติได้ต่อไป ถ้าสภาไม่อนุมัติ
ข้อบัญญัติชั่วคราวนั้นไม่มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่สภาลงมติไม่อนุมัติ ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนถึง
กิจการที่ได้กระทำระหว่างที่ใช้บัญญัติชั่วคราวนั้น
   ให้ปลัดเมืองพัทยาประกาศการไม่อนุมัติข้อบัญญัติชั่วคราวให้ประชาชนทราบโดยเร็ว

   มาตรา 78 นอกจากข้อบัญญัติว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายตามมาตรา 94 ข้อบัญญัติอื่นให้ใช้
บังคับได้เมื่อประกาศไว้โดยเปิดเผยที่ศาลาว่าการเมืองพัทยาแล้วสามวัน ยกเว้นข้อบัญญัติชั่วคราว
ตามมาตรา 77 จะประกาศน้อยกว่าสามวันก็ได้ หรือถ้ามีข้อความระบุไว้ในข้อบัญญัติหรือข้อบัญญัติ
ชั่วคราวนั้นว่าจะให้ใช้บังคับเมื่อใดก็ให้เป็นไปตามนั้น แต่ต้องเป็นเวลาภายหลังวันประกาศไม่
น้อยกว่าหนึ่งวันนับแต่วันประกาศวันแรก

   มาตรา 79 ในกรณีที่อายุของสภาเมืองพัทยาสิ้นสุด หรือมีการยุบสภาเมืองพัทยา บรรดาร่าง
ข้อบัญญัติที่สภาเมืองพัทยายังมิได้พิจารณาและที่ยังพิจารณาไม่เสร็จ ให้ตกไป

   มาตรา 80 บรรดาความผิดต่อข้อบัญญัติเมืองพัทยา ถ้าปลัดเมืองพัทยาเห็นว่าผู้ต้องหาไม่ควร
ได้รับโทษจำคุกให้มีอำนาจเปรียบเทียบกำหนดค่าปรับได้ เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระเงินค่าปรับตาม
จำนวนที่ปลัดเมืองพัทยากำหนด ภายในเจ็ดวันคดีนั้นเป็นอันเลิกกัน
   เงินค่าปรับตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นรายได้ของเมืองพัทยา

   มาตรา 81 ภาษีบำรุงท้องที่ในเขตเมืองพัทยา ให้เมืองพัทยาจัดเก็บเป็นรายได้ของเมือง
พัทยาตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

   มาตรา 82 ภาษีโรงเรือนและที่ดินในเขตเมืองพัทยา ให้เมืองพัทยาจัดเก็บเป็นรายได้ของ
เมืองพัทยาตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

   มาตรา 83 ภาษีป้ายสำหรับป้ายที่แสดงไว้ในเขตเมืองพัทยาให้เมืองพัทยาจัดเก็บเป็นรายได้
ของเมืองพัทยาตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

   มาตรา 84 อากรการฆ่าสัตว์และผลประโยชน์อื่นเนื่องในการฆ่าสัตว์ในเขตเมืองพัทยา
ให้เมืองพัทยาจัดเก็บเป็นรายได้ของเมืองพัทยาตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

   มาตรา 85 สำหรับน้ำมันเบนซินซึ่งสถานการค้าอยู่ในเขตเมืองพัทยา ให้เมืองพัทยามีอำนาจ
ออกข้อบัญญัติเก็บภาษีบำรุงเมืองพัทยาได้ไม่เกินลิตรละห้าสตางค์

   มาตรา 86 กิจการใดที่มีกฎหมายมอบหน้าที่ให้เทศบาลเป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการ ถ้ากิจการ
นั้นอยู่ในเขตเมืองพัทยา ให้เมืองพัทยาเป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายนั้น และบรรดาค่า
ใบอนุญาตค่าธรรมเนียม ค่าปรับเนื่องในกิจการเช่นว่านั้น ให้เป็นรายได้ของเมืองพัทยา

   มาตรา 87 เมืองพัทยามีอำนาจออกข้อบัญญัติเพื่อเก็บภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นไม่
เกินร้อยละสิบของภาษีอากรและค่าธรรมเนียมประเภทใดประเภทหนึ่งหรือทุกประเภท ดังต่อไปนี้
   (1) ภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร ซึ่งสถานการค้าอยู่ในเขตเมืองพัทยา
   (2) อากรมหรสพตามประมวลรัษฎากร ซึ่งสถานที่มหรสพอยู่ในเขตเมืองพัทยา
   (3) ค่าธรรมเนียมในอนุญาตขายสุราตามกฎหมายว่าด้วยสุรา ซึ่งร้านขายสุราอยู่ในเขตเมือง
พัทยา
   (4) ค่าธรรมเนียมในอนุญาตในการเล่นตามกฎหมายว่าด้วยการพนันซึ่งสถานที่เล่นการพนัน
อยู่ในเขตเมืองพัทยา
   ในการเสียภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามมาตรานี้ เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
   ภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามมาตรานี้ ให้ถือเป็นภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย
ว่าด้วยการนั้น ๆ

   มาตรา 88 เมืองพัทยาจะมอบให้กระทรวงทบวงกรมซึ่งมีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากรหรือค่า
ธรรมเนียมตามมาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86
หรือมาตรา 87 เรียกเก็บภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมเพื่อเมืองพัทยาก็ได้ ในกรณีเช่นนี้เมื่อ
ได้หักค่าใช้จ่ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว ให้กระทรวงทบวงกรมนั้นส่งมอบให้แก่เมือง
พัทยา

   มาตรา 89 ในการปฏิบัติตามมาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85
มาตรา 86 หรือมาตรา 87 ให้เมืองพัทยามีอำนาจแต่งตั้งเจ้าหนาที่เพื่อปฏิบัติและให้เจ้าหน้าที่
ซึ่งได้รับแต่งตั้งมีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
   ในการบังคับเรียกเก็บภาษีค้างตามมาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84
มาตรา 85 มาตรา 86 หรือมาตรา 87 ให้ปลัดเมืองพัทยามีอำนาจสั่งยึดและสั่งขายทอดตลาด
ทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดชอบเสียภาษีอากรโดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง แต่ถ้าจะขาย
ทอดตลาดต้องได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัด
   วิธียึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวในวรรคสองให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความแพ่งโดยอนุโลม
   เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดดังกล่าวแล้ว ให้หักค่าธรรมเนียมกับค่าใช้จ่ายในการยึดและ
ขาย และเงินภาษีอากรค้าง ถ้ามีเงินเหลือให้คืนให้แก่เจ้าของทรัพย์สิน

   มาตรา 90 ภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์หรือล้อเลือนที่จัดเก็บได้ในจังหวัดชลบุรี ให้ปัน
ให้แก่เมืองพัทยาด้วย โดยให้ถือว่าเมืองพัทยาเป็นเทศบาลกฎหมายว่าด้วยการปันภาษีและค่า
ธรรมเนียมรถยนต์และล้อเลื่อนให้แก่เทศบาล สุขาภิบาล และองค์การบริหารส่วนจังหวัด

   มาตรา 91 นอกจากรายได้ที่เมืองพัทยาพึงได้รับตามมาตราข้างต้นแล้ว เมืองพัทยาอาจมี
รายได้ดังต่อไปนี้
   (1) รายได้จากทรัพย์สินของเมืองพัทยา
   (2) รายได้จากการสาธารณูปโภคของเมืองพัทยา
   (3) รายได้จากการพาณิชย์ของเมืองพัทยา
   (4) รายได้จากการจำหน่ายพันธบัตรเมื่อได้รับความเห็นชอบจากสภาเมืองพัทยา และ
กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังร่วมกันและตราเป็นข้อบัญญัติแล้ว
   (5) เงินกู้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากสภาเมืองพัทยาและกระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ถ้า
เป็นเงินกู้จากต่างประเทศ ต้องได้รับความเห็นชอบจากระทรวงการคลังด้วย ทั้งนี้ ให้ตราเป็น
ข้อบัญญัติ
   (6) เงินอุดหนุน
   (7) เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ องค์การต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ
   (8) เงินช่วยเหลือและค่าตอบแทน
   (9) เงินและทรัพย์สินอย่างอื่นที่มีผู้อุทิศให้
  (10) รายได้จากทรัพย์สินของแผ่นดินหรือรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการเพื่อมุ่งแสวงหากำไรใน
เมืองพัทยา ตามที่กฎหมายบัญญัติ
  (11) รายได้อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นของเมืองพัทยา

   มาตรา 92 เมืองพัทยาอาจมีรายจ่ายดังต่อไปนี้
   (1) เงินเดือน
   (2) ค่าจ้างประจำ
   (3) ค่าจ้างชั่วคราว
   (4) ค่าตอบแทน
   (5) ค่าใช้สอย
   (6) ค่าวัสดุ
   (7) ค่าครุภัณฑ์
   (8) ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง
   (9) เงินอุดหนุน
  (10) รายจ่ายตามข้อผูกพัน
  (11) รายจ่ายอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ หรือที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยหรือข้อบัญญัติกำหนด

   มาตรา 93 การจ่ายเงินของเมืองพัทยา ให้เป็นไปตามที่ได้อนุญาตไว้ในข้อบัญญัติงบประมาณ
รายจ่ายประจำปี หรือข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม การจ่ายเงินซึ่งมิได้อนุญาตไว้ใน
ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ใน กฎหมาย กฎ
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติว่าด้วยการนั้น

   มาตรา 94 งบประมาณรายจ่ายประจำปีของเมืองพัทยา ต้องตราเป็นข้อบัญญัติ ในกรณีที่ข้อ
บัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีออกไม่ทันปีงบประมาณใหม่ ให้ใช้ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีของปีก่อนนั้นไปพลางก่อน
   ในกรณีที่งบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ตั้งไว้ไม่พอสำหรับการใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ หรือ
มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งรายจ่ายขึ้นใหม่ระหว่างปีงบประมาณก็ดี ให้ตราเป็นข้อบัญญัติงบประมาณ
รายจ่ายเพิ่มเติม

   มาตรา 95 ให้กระทรวงมหาดไทยออกระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการคลัง การงบประมาณ
การรักษาทรัพย์สิน การจัดหาประโยชน์จากทรัพย์สิน การพาณิชย์ การซื้อ การจ้าง และระเบียบ
อื่น ๆ เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินของเมืองพัทยาขึ้นไว้

   มาตรา 96 ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสิ้นปีประมาณ ให้ปลัดเมืองพัทยาทำรายงานรับจ่าย
เงินประจำปีงบประมาณที่สิ้นสุดเสนอต่อสภาเมืองพัทยา และประกาศให้ประชาชนทราบ ณ ศาลา
ว่าการเมืองพัทยาเป็นไม่น้อยว่าสิบห้าวัน

   มาตรา 97 ให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ตรวจสอบการรับเงิน การจ่ายเงิน
การบัญชี การเงิน และทรัพย์สินอื่น ๆ ของเมืองพัทยา เมื่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้
ตรวจสอบแล้ว ให้ทำรายงานผลการตรวจสอบเสนอปลัดเมืองพัทยาเพื่อสนองสภาเมืองพัทยา

   มาตรา 98 บรรดาเรื่องที่เมืองพัทยาต้องเสนอไปยังรัฐมนตรีหรือกระทรวงมหาดไทยนั้น
ให้ปลัดเมืองพัทยาผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดและให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำความเห็นเสนอรัฐมนตรี
หรือกระทรวงมหาดไทย แล้วแต่กรณี

   มาตรา 99 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติราชการของเมืองพัทยา
เพื่อการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจสั่งสอบสวนข้อเท็จจริง หรือสั่งให้เมืองพัทยาชี้แจงแสดง
ความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของเมืองพัทยาได้

   มาตรา 100 ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่าปลัดเมืองพัทยาปฏิบัติการในทางที่อาจนำ
มาซึ่งความเสียหายแก่เมืองพัทยา หรือกระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับของ
กระทรวงมหาดไทยหรือข้อบัญญัติ และผู้ว่าราชการจังหวัดได้ชี้แจง แนะนำหรือตักเตือนแล้วแต่
ปลัดเมืองพัทยาไม่ปฏิบัติตาม ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานให้รัฐมนตรีทราบเพื่อพิจารณาสั่ง
การตามที่เห็นสมควร แต่ในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นรีบด่วนจะรอช้ามิได้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
มีอำนาจออกคำสั่งระงับการปฏิบัติราชการของปลัดเมืองพัทยาได้ก่อนได้
   การกระทำของปลัดเมืองพัทยาที่ฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดหรือรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี
ตามวรรคหนึ่ง ไม่มีผลผูกพ้นเมืองพัทยา

   มาตรา 101 ในกรณีที่ปลัดเมืองพัทยาเห็นว่าผู้ว่าราชการจังหวัดหรือรัฐมนตรีได้สั่งการตาม
มาตรา 100 โดยมิชอบ ปลัดเมืองพัทยาจะนำเรื่องขึ้นฟ้องเป็นคดีต่อศาลปกครองเพื่อวินิจฉัยก็ได้
   การฟ้องคดีตามวรรคหนึ่ง ต้องกระทำภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง

   มาตรา 102 บรรดาอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดตามพระราชบัญญัตินี้ ถ้าผู้ว่าราชการ
จังหวัดพิจารณาเห็นสมควร จะทำหนังสือมอบอำนาจให้รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด
หรือนายอำเภอบางละมุงปฏิบัติแทนได้ และให้รายงานกระทรวงมหาดไทยทราบด้วย

   มาตรา 103 ผู้ใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
   (1) ไม่อำนวยความสะดวกตามสมควรแก่ลูกจ้างในอันที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งหรือสมัครรับเลือกตั้ง
   (2) นำสิ่งพิมพ์ตามกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์ แผ่นประกาศ หรือสิ่งมาโฆษณาเสียงเลือกตั้งเพื่อ
ประโยชน์ของผู้สมัครรับเลือกตั้งภายในเขตที่กำหนดห้าม
   (3) โฆษณาที่เป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งภายในเขตที่กำหนดหรือใช้เครื่องขยายเสียง
หรือทำเสียงอื่นใดที่เป็นการรบกวนหรือเป็นอุปสรรคแก่การเลือกตั้งไม่ว่าจะทำในหรือนอกเขต
ดังกล่าว
   (4) ขาย จำหน่าย จ่าย แจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิดในเขตเลือกตั้งในวันเลือกตั้ง
   (5) กระทำการใดเพื่อประโยชน์แห่งการเลือกตั้ง ในลักษณะที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร
หรือช่วยเหลือในการเลือกตั้งด้วยประการใด ๆ โดยที่ตนเป็นบุคคลซึงมีสัญชาติไทย เว้นแต่การ
กระทำนั้นเป็นการช่วยราชการหรือเป็นการประกอบอาชีพตามปกติโดยสุจริตของผู้นั้น

   (6) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของกรรมการตรวจคะแนน ซึ่งสั่งให้ออกไปเขตเลือกตั้งเพราะเหตุ
ที่ได้กระทำเป็นที่ขัดขวางหรือรบกวนกิจการเลือกตั้ง หรือจะทำความไม่เรียบร้อยขึ้นในที่เลือกตั้ง
   (7) ลงคะแนนหรือพยายามลงคะแนนมากกว่าหนึ่งแห่ง
   (8) จงใจกระทำด้วยประการใดให้บัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียงหายหรือให้เป็นบัตรเลือกตั้ง
ที่เสีย หรือกระทำด้วยประการใดแก่บัตรเลือกตั้งที่เสียให้เป็นบัตรเลือกตั้งที่ใช้ได้
   (9) เรียกหรือรับ ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้
อื่นเพื่อจะลงหรือให้ลงคะแนนเลือกตั้ง หรืองดเว้นหรือให้งดเว้นไม่ลงคะแนนเลือกตั้ง
  (10) เปิด ทำลาย ทำให้เสียหาย ทำให้เปลี่ยนสภาพ ทำให้ไร้ประโยชน์หรือลักพาไปซึ่งหีบ
บัตรเลือกตั้งโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย
  (11) จงใจกระทำการใดเพื่อขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้เลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้งไป
ณ ที่เลือกตั้ง หรือเข้าไป ณ ที่ลงคะแนนหรือมิให้ไปถึง ณ ที่ดังว่านั้น ภายในกำหนดเวลาที่จะ
ลงคะแนนเลือกตั้งได้โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย
  (12) ทำเครื่องสังเกตโดยทุจริตด้วยวิธีใด ๆ ไว้ที่บัตรเลือกตั้ง
  (13) กระทำโดยทุจริตให้ปรากฏด้วยวิธีใดอันเป็นการลวงผู้เลือกตั้งให้สำคัญผิดเกี่ยวกับ
เลขหมายประจำของผู้สมัครรับเลือกตั้งตนใดหรือของตนเองในกรณีที่ตนเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วย
  (14) ใช้บัตรเลือกตั้งซึ่งมิใช่บัตรที่รับมอบให้ลงคะแนนหรือนำบัตรเลือกตั้งที่ไม่ใช้ลงคะแนน
ออกไปจากที่เลือกตั้ง
  (15) ลงคะแนนหรือพยายามลงคะแนนเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่มี
สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งนั้นหรือได้พยายามลงบัตรเลือกตั้งแสดงบัตรประจำตัว
ประชาชน หรือสิ่งที่ใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชนที่มิได้มีไว้สำหรับตนหรือที่ทำปลอมแปลงขึ้นเพื่อ
ลงคะแนนเลือกตั้ง
  (16) นำบัตรเลือกตั้งใส่ในหีบบัตรเลือกตั้งหรือกระทำการใด ๆ ในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง
แสดงว่าผู้มีมาแสดงมาเพื่อลงคะแนนโดยผิดจากความจริง
   ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้
ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาสิบปีด้วย

   มาตรา 104 ผู้มีหน้าที่ดำเนินการในการเลือกตั้งผู้ใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
   (1) จงใจนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนในการเลือกตั้งให้ผิดพลาดไปจากความจริงหรือรวม
คะแนนให้ผิดไป
   (2) กระทำด้วยประการใดโดยมิได้มีอำนาจกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายให้บัตรเลือก
ตั้งชำรุดหรือเสียหาย หรือเป็นบัตรเสีย
   (3) กระทำด้วยประการใดแก่บัตรเลือกตั้งที่เสียเพื่อให้เป็นบัตรเลือกตั้งที่ใช้ได้ หรืออ่าน
บัตรเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริง หรือทำรายงานการเลือกตั้งไม่ตรงความจริง
   (4) จงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือกระทำการอันใดเพื่อขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย
หรือระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้งของกระทรวงมหาดไทย
   ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาล
เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาสิบปีด้วย

   มาตรา 105 ข้าราชการ พนักงานเมืองพัทยา หรือสมาชิกผู้ใดใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่
โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่
เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมี
กำหนดเวลาสิบปีด้วย

   มาตรา 106 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ และเงินงบประมาณของสุขาภิบาล
นาเกลือ และขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีในส่วนที่อยู่ในเขตเมืองพัทยา ในวันที่
พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับไปเป็นเมืองพัทยา

   มาตรา 107 ให้บรรดาพนักงานและลูกจ้างของสุขาภิบาลนาเกลือข้าราชการส่วนท้องถิ่นและ
ลูกจ้างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ซึ่งปฏิบัติราชการประจำอยู่ในเขตเมืองพัทยา แต่
ไม่รวมถึงข้าราชการส่วนจังหวัดซึ่งปฏิบัติราชการประจำ ณ ที่ทำการอำเภอบางละมุงในวันที่
พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของเมืองพัทยา แล้วแต่กรณี

   มาตรา 108 บรรดาข้อบังคับสุขาภิบาล คำสั่ง และประกาศของสุขาภิบาลนาเกลือและข้อ
บัญญัติจังหวัดชลบุรี คำสั่งและประกาศขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีซึ่งใช้บังคับอยู่ใน
วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คงใช้บังคับในเขตเมืองพัทยาต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับ
พระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีข้อบัญญัติตามพระราชบัญญัตินี้ใช้แทน

   มาตรา 109 ในวาระเริ่มแรกแต่ไม่เกินสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้สภา
เมืองพัทยาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งมีจำนวนสิบเจ็ดคนและให้รัฐมนตรีดำเนิน
การแต่งตั้งสมาชิกให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน
   ในการแต่งตั้งสมาชิกตามวรรคหนึ่ง ให้รัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งประกอบอาชีพ
หรือธุรกิจอยู่ในเมืองพัทยา จำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
   ให้นำบทบัญญัติด้วยคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และการสิ้นสุดของสมาชิกภาพของสมาชิกประเภท
ที่สอง มาใช้บังคับแก่สมาชิกตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม

   มาตรา 110 ในวาระเริ่มแรกแต่ไม่เกินสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เมือง
พัทยามีปลัดเมืองพัทยาคนหนึ่งซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐมนตรี และให้รัฐมนตรีดำเนินการแต่งตั้งปลัด
เมืองพัทยาให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวัน
   ปลัดเมืองพัทยาตามวรรคหนึ่ง ให้ได้รับยกเว้นเกี่ยวกับคุณสมบัติตามมาตรา 50 (1) (2)
และ (3) และลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 52(7) และมิให้นำมาตรา 50 วรรคหนึ่งและวรรค
สอง มาใช้บังคับแก่ปลัดเมืองพัทยา

   มาตรา 111 เมื่อพ้นหกเดือนนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับมิให้นำกฎหมายว่าด้วยลักษณะ
ปกครองท้องที่ในส่วนที่เกี่ยวกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล และสารวัตร
กำนัน มาใช้บังคับในเมืองพัทยา

   มาตรา 112 เมื่อพ้นหกเดือนนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้บุคคลซึ่งเป็นกำนัน ผู้ใหญ่
บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบลและสารวัตรกำนัน พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ในเขตเมือง
พัทยาและให้ปลัดเมืองพัทยามีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับกำนัน และผู้ใหญ่บ้านที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
ว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่หรือกฎหมายอื่น แล้วแต่กรณี

   มาตรา 113 ในระหว่างที่กระทรวงมหาดไทยยังมิได้ออกระเบียบหรือข้อบังคับตามความใน
พระราชบัญญัตินี้ ให้นำระเบียบหรือข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการนั้น ๆ ซึ่งใช้บังคับแก่
เทศบาลนครมาใช้บังคับแก่เมืองพัทยาโดยอนุโลม

   มาตรา 114 ในระหว่างที่ยังไม่มีศาลปกครอง ให้ผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองยื่นฟ้องคดี
ต่อศาลจังหวัด และถ้าเป็นการฟ้องคดีตามมาตรา 29 ให้คำพิพากษาของศาลจังหวัดเป็นที่สุด
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก  เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
     นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากเขตสุขาภิบาลนาเกลือ
อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ได้เจริญก้าวหน้าในทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และเป็นสถาน
ที่พักตากอากาศที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่าง
ประเทศนิยมมาพักผ่อน จึงทำรายได้แก่ประเทศเป็นจำนวนมาก การที่ท้องถิ่นนี้ได้เจริญก้าวหน้า
อย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม สิ่งแวดล้อม การผังเมืองและการควบคุมการ
ก่อสร้างอาคารพร้อมกันด้วย ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องเฉพาะกับประชาชนในท้องถิ่นเท่านั้น
แต่ยังมีผลกระทบเกี่ยวโยงไปถึงผลประโยชน์และรายได้ของชาติ โดยเฉพาะในเรื่องการส่งเสริม
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการร่วม มือกันหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยรีบด่วน และโดยที่รัฐบาลได้พิจารณาเห็นว่า ในปัจจุบันการปกครองท้องถิ่นในรูปสุขาภิบาลไม่
เหมาะสมกับท้องถิ่นแห่งนี้หลายประการ สมควรจัดระเบียบการปกครองในท้องถิ่นนี้ใหม่ ให้เหมาะ
สมกับภาวะเศรษฐกิจและสังคม และเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาของท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกันได้คำนึงถึงหลักแห่งการปกครองตนเองโดยให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมใน
การปกครองตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอีกด้วย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติ
นี้ขึ้น
( ร.จ.  เล่ม 95 ตอนที่ 120 หน้า 1  30 ตุลาคม 2521)