พระราชบัญญัติ
                  ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ
                               พ.ศ.2521
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                    ให้ไว้ ณ วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ.2521
                        เป็นปีที่ 33 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช   มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภา
นิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ
พ.ศ.2521"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

   มาตรา 3 พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช่บังคับแก่อากาศยานที่ใช้ในราชการทหาร ราชการตำรวจ
หรือราชการศุลกากร

   มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
   "อากาศยานในระหว่างการบิน" หมายความว่า อากาศยานที่ประตูด้านนอกทุกบานของอากาศ
ยานปิดภายหลังที่ผู้โดยสารและหรือเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานขึ้นจนถึงขณะที่ประตูด้านนอกบานใด
บานหนึ่งของอากาศยานนั้นเปิดออกเพื่อให้ผู้โดยสารและหรือเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานลงตามปกติ
และหมายความรวมถึงกรณีที่อากาศยานต้องลงสู่พื้นโดยเหตุบังคับจนถึงขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจได้
เข้าคุ้มครองความปลอดภัยของอากาศยาน บุคคล และทรัพย์สินในอากาศยานนั้น
   "อากาศยานในระหว่างบริการ" หมายความว่า อากาศยานซึ่งอยู่ในระหว่างเวลาที่ผู้ประจำ
หน้าที่ภาคพื้นหรือเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานเริ่มเตรียมการก่อนการบินสำหรับเที่ยวบินใดโดยเฉพาะ
จนถึงเวลาครบยี่สิบสี่ชั่วโมง หลังจากอากาศยานลงสู่พื้น และไม่ว่ากรณีใดๆ ให้หมายความรวมถึง
ระยะเวลาที่อากาศยานอยู่ในระหว่างการบินด้วย
   "เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ" ในส่วนที่เกี่ยวกับประเทศไทย หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้
ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 5 ผู้ใดยึดหรือเข้าควบคุมอากาศยานในระหว่างการบินโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญ
ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่นหรือขู่เข็ญว่าจะกระทำอันตรายต่ออากาศยานนั้น ต้องระวางโทษประ
หารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี

   มาตรา 6 ผู้ใด
   (1) ทำลายอากาศยานในระหว่างบริการ
   (2) กระทำความเสียหายแก่อากาศยานในระหว่างบริการเพื่อให้อากาศยานนั้นไม่สามารถทำ
การบินหรือน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน หรือ
   (3) กระทำแก่อากาศยานในระหว่างบริการด้วยกลอุปกรณ์ วัตถุหรือด้วยวิธีใด ๆ อันอาจทำ
ลายอากาศยาน หรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่อากาศยาน เพื่อให้อากาศยานนั้นไม่สามารถ
ทำการบินหรือน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน
   ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี

   มาตรา 7 ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่นในอากาศยานใน
ระหว่างการบินซึ่งการกระทำนั้นน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยาน
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท

   มาตรา 8 ผู้ได้ทำลายหรือกระทำความเสียหายแก่เครื่องอำนวยความสะดวกในการเดินอากาศ
ตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ หรือกระทำโดยวิธีใด ๆ  แก่การปฏิบัติการของเครื่องอำนวย
ความสะดวกนั้นซึ่งน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสามหมื่นบาท

   มาตรา 9 ผู้ใดแจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จและการนั้น เป็นเหตุให้เกิด
อันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี

   มาตรา 10 ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในมาตรา 5 หรือมาตรา 6 เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับ
อันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิตจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
แต่ถ้าการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือ
จำคุกตลอดชีวิต
   ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในมาตรา 7 มาตรา 8 หรือมาตรา 9 เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับ
อันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี แต่ถ้าการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุ
ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี

   มาตรา 11 ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนหรือพยายามกระทำความผิดดังกล่าว ในมาตรา 5 หรือมาตรา 6
ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการหรือผู้กระทำความผิดสำเร็จ
   ผู้ใดตระเตรียมกระทำความผิดดังกล่าวใน มาตรา 5 หรือมาตรา 6 ต้องระวางโทษกึ่งหนึ่ง
ของโทษที่กำหนดไว้ในมาตรานั้น ๆ

   มาตรา 12 ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักร จะต้องรับโทษในราช
อาณาจักร ถ้า
   (1) ความผิดนั้นได้กระทำในอากาศยานต่างประเทศ และอากาศยานนั้นลงสู่พื้นในราชอาณาจักร
พร้อมด้วยผู้กระทำความผิด
   (2) ความผิดนั้นได้กระทำในอากาศยานต่างประเทศ ที่บุคคลซึ่งมีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ถาวร
หรือสถานที่หลักในการประกอบธุรกิจอยู่ในราชอาณาจักร เช่ามาทำการบินโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำ
อากาศยานของผู้ให้เช่ามาด้วย หรือ
   (3) ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 5 หรือมาตรา 6 ปรากฏตัวอยู่ในราชอาณาจักรและมิได้มี
การส่งตัวผู้นั้นออกไปตามกฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

   มาตรา 13 เมื่อผู้ควบคุมอากาศยานในระหว่างการบินมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลใดได้กระทำ
หรือจะกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของ
อากาศยาน บุคคลหรือทรัพย์สินในอากาศยาน หรือซึ่งเป็นการฝ่าฝืนต่อระเบียบและวินัยในอากาศ
ยาน ผู้ควบคุมอากาศยานอาจใช้มาตรการอันสมควรในทางป้องกันเพื่อมิให้บุคคลนั้นกระทำการดัง
กล่าว รวมทั้งการควบคุมตัวในเมื่อเห็นว่าจำเป็นเพื่อส่งตัวบุคคลนั้นแก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหรือเพื่อ
นำตัวบุคคลนั้นลงจากอากาศยาน
   ผู้ควบคุมอากาศยานอาจสั่งหรือให้อำนาจเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานหรือขอร้อง หรือให้อำนาจ
ผู้โดยสาร ให้ช่วยเหลือในการควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวในวรรคหนึ่งได้
   เจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานหรือผู้โดยสารอาจใช้มาตรการอันสมควรในทางป้องกันโดยไม่ต้อง
มีการให้อำนาจตามวรรคสองได้ในเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเป็นจะต้องกระทำเช่นนั้นทันที เพื่อคุ้ม
ครองความปลอดภัยของอากาศยาน บุคคลหรือทรัพย์สินในอากาศยานแต่ผู้ควบคุมอากาศยานอาจสั่งให้
ยกเลิกมาตรการนั้นได้

   มาตรา 14 เมื่ออากาศยานลงสู่พื้นแล้ว ห้ามมิให้ใช้มาตรการในทางป้องกัน หรือการควบคุมตัว
ตามมาตรา 13 เว้นแต่
   (1) เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจไม่อนุญาตให้นำผู้ถูกควบคุมตัวลงจากอากาศยาน
   (2) ไม่สามารถส่งผู้ถูกควบคุมตัวแก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจได้ หรือ
   (3) ผู้ถูกควบคุมตัวตกลงหรือยินยอมอยู่ในอากาศยานโดยจะออกเดินทางต่อไปกับอากาศยานนั้น
   ผู้ควบคุมอากาศยานที่มีผู้ถูกควบคุมตัวตามมาตรา 13 อยู่ในอากาศยานต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ผู้มี
อำนาจทราบโดยเร็วที่สุดที่จะทำได้ และหากเป็นไปได้จะต้องแจ้งก่อนลงสู่พื้นว่ามีผู้ถูกควบคุมอยู่ใน
อากาศยานนั้น พร้อมทั้งเหตุผลของการควบคุมตัว

   มาตรา 15 เมื่ออากาศยานลงสู่พื้นในราชอาณาจักร ผู้ควบคุมอากาศยานอาจนำบุคคลใดลงจาก
อากาศยาน เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจได้เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่าบุคคลนั้นได้กระทำหรือจะกระทำ
การใด ๆ ในอากาศยานนั้น ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยาน บุคคลหรือทรัพย์สิน
ในอากาศยานอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งเป็นการฝ่าฝืนต่อระเบียบและวินัยที่กำหนด
ไว้สำหรับอากาศยานนั้น
   ให้ผู้ควบคุมอากาศยานรายงานให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามวรรคหนึ่งทราบข้อเท็จจริงและเหตุผล
ของการนำบุคคลดังกล่าวลงจากอากาศยาน

   มาตรา 16 เมื่ออากาศยานลงสู่พื้นในราชอาณาจักร ผู้ควบคุมอากาศยานอาจส่งตัวบุคคลใดให้
แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจได้เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่าบุคคลนั้นได้กระทำการในอากาศยาน ซึ่งตนเห็นว่า
เป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมายอาญาของประเทศที่อากาศยานนั้นจดทะเบียน
   ให้ควบคุมอากาศยานแจ้งให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจทราบโดยเร็วที่สุดที่จะทำได้ และหากเป็นไปได้
ให้แจ้งก่อนอากาศยานลงสู่พื้น ถึงเจตนาและเหตุผลของการส่งตัวบุคคลดังกล่าว
   ให้ผู้ควบคุมอากาศยานจัดหาพยานหลักฐานและข้อความต่าง ๆ ที่มีอยู่โดยชอบตามกฎหมายของ
ประเทศที่อากาศยานนั้นจดทะเบียนให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามวรรคหนึ่ง
   เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจะไม่รับตัวบุคคลที่ส่งให้ตามวรรคหนึ่งก็ได้ถ้าเห็นว่า ความผิดนั้นเป็นความผิด
อันมีลักษณะทางการเมือง หรือความผิดที่อาศัยการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติหรือศาสนาเป็นมูลฐาน
ที่มิได้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินอากาศ

   มาตรา 17 เมื่อได้รับบุคคลดังกล่าวในมาตรา 15 หรือมาตรา 6 ไว้
   (1) ถ้าเป็นกรณีที่จำต้องทำการสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจส่งบุคคลดังกล่าว
และพยานหลักฐานถ้าหากมีแก่พนักงานสอบสวนโดยมิชักช้า ถ้าการสอบสวนเบื้องต้นปรากฏว่าเป็นกรณี
ที่ไม่อาจดำเนินคดีได้ในราชอาณาจักร และไม่มีการขอให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยส่งผู้ร้ายข้าม
แดน ก็ให้ปล่อยตัวไป
   (2) ถ้าเป็นกรณีที่ไม่จำต้องทำการสอบสวนหรือเป็นกรณีกระทำการฝ่าฝืนต่อระเบียบและวินัยใน
อากาศยาน ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจควบคุมบุคคลดังกล่าวไว้เท่าที่จำเป็นเพื่อให้บุคคลนั้นเดินทางออก
ไปนอกราชอาณาจักร เว้นแต่บุคคลนั้นเป็นผู้มีสิทธิเข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรก็ให้ปล่อยตัวไป

   มาตรา 18 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจซึ่งได้รับการแต่งตั้ง
ตามมาตรา 19 มีอำนาจเช่นเดียวกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา

   มาตรา 19 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่า การกระทรวงคมนาคม
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งเจ้า
หน้าที่ผู้มีอำนาจเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก   เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
      นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากประเทศไทยได้เข้าเป็น
ภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยความผิดและการกระทำอื่น ๆ บางประการที่กระทำบนอากาศยาน ซึ่งทำ
ณ กรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ.1963 (พ.ศ.2506) และจะเข้าเป็นภาคีแห่งอนุสัญญา
เพื่อการปราบปรามการยึดอากาศยานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทำ ณ กรุงเฮก เมื่อวันที่ 16
ธันวาคม ค.ศ.1970 (พ.ศ.2513) และอนุสัญญาเพื่อการปราบปรามการกระทำอันมิชอบด้วยกฎ
หมายต่อความปลอดภัยของการบินพลเรือน ซึ่งทำ ณ นครมอนตริออล เมื่อวันที่ 23 กันยายน
ค.ศ.1971 (พ.ศ.2514) และรัฐภาคีแห่งอนุสัญญาจะต้องตรากฎหมายเพื่อให้การได้เป็นไปตาม
อนุสัญญาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
(  ร.จ.   เล่ม 95 ตอนที่ 87 หน้า 1  24 สิงหาคม 2521)